เร่งดึงน้ำจากตอนบนให้ลงสู่ทะเลโดยเร็ว
ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน รายงานสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ล่าสุด ณ เวลา 12.00 น.(14 ก.ย. 55) มีปริมาณน้ำไหลผ่านที่สถานี C.2 อ.เมืองนครสวรรค์ 1,829 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (รับน้ำได้สูงสุด 3,590 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 2.88 เมตร ลดลงจากวานนี้
ส่วนที่เขื่อนเจ้าพระยา ระดับน้ำเหนือเขื่อนอยู่ที่ 16.35 เมตร(รทก.) มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,906 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (รับน้ำได้สูงสุด 2,840 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) ระดับน้ำด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาต่ำกว่าตลิ่ง 2.05 เมตร
ในขณะที่มีปริมาณน้ำไหลผ่านที่อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในเกณฑ์เฉลี่ยประมาณ 1,863 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (รับน้ำได้สูงสุด 3,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และจุดนี้ยังเป็นจุดวัดปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่จะไหลผ่านเข้าสู่กรุงเทพฯและปริมณฑลด้วย) ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 1.56 เมตร
สถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ระดับน้ำมีแนวโน้มลดลง ทำให้มีน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาลดลงตามไปด้วย ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณน้ำด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาลงมา เริ่มทรงตัวและจะลดลงในระยะต่อๆไป หากไม่มีฝนตกหนักลงมาเพิ่มเติม สถานการณ์น้ำจะเข้าสู่ภาวะปกติในเร็ววันนี้ อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องเฝ้าติดตามสภาวะฝนในพื้นที่ภาคเหนือและภาคกลาง ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยา ได้คาดการณ์ว่าจะมีฝนตกหนักและหนักมาก ในช่วงวันที่ 14 - 18 กันยายนนี้ อย่างใกล้ชิดต่อไปด้วย
ทั้งนี้ กรมชลประทาน ยังคงใช้เขื่อนเจ้าพระยาในการบริหารจัดการน้ำเหนือ ด้วยการเร่งดึงน้ำจากทางตอนบนให้ไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา ในเกณฑ์ 1,800 – 2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อให้น้ำไหลลงสู่ทะเลอ่าวไทยให้เร็วที่สุด