หนูอยากเรียนหนังสือ…ฝันของเด็กกลุ่มน้อยจากคนกลุ่มน้อยที่ชายแดนใต้
สมศักดิ์ หุ่นงาม
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา
วันเด็กแห่งชาติปีนี้ไม่ต่างอะไรกับปีก่อนๆ ที่จะมีภาพรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเด็กๆ จากทุกซอกมุมของประเทศ เพราะได้เล่นสนุกกันในวันที่พวกเขามีความสำคัญที่สุดอย่างน้อยก็วันหนึ่ง แต่ก็ยังมีเด็กอีกจำนวนไม่น้อยที่ไม่มีโอกาสเช่นนั้น โดยเฉพาะลูกหลานแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาแสวงหาชีวิตที่ดีกว่าในประเทศไทย รวมถึงสามจังหวัดชายแดนภาคใต้...ดินแดนที่แม้แต่คนไทยภาคอื่นยังรู้สึกขยาดที่จะไปเยือน
จังหวัดปัตตานีเป็นเมืองติดทะเล มีท่าเรือประมงขนาดใหญ่ และมีเรือประมงหลายร้อยลำ เป็นที่รู้กันดีว่าอาชีพประมงเป็นอาชีพที่คนไทยไม่ว่าจะนับถือศาสนาไหนไม่นิยมทำ แรงงานในภาคประมงจึงต้องนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างพม่าและเขมรแทบทั้งสิ้น
การออกเรือหาปลาเป็นงานที่หนัก เสี่ยงอันตราย และต้องห่างร้างจากครอบครัวไปไกลครั้งละนานนับเดือน แต่แรงงานต่างด้าวเหล่านี้ก็ยินดีทำ คงเป็นเพราะดินแดนที่พวกเขาจากมานั้นต้องลำบากลำบนแสนสาหัสยิ่งกว่านี้
ตั้งแต่มีปัญหาความไม่สงบเป็นต้นมา หลายๆ ครั้งผู้คนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้มักถูกมองว่าเป็นเสมือน "ชนกลุ่มน้อย" ของประเทศไทย อันเป็นปัญหาทางความรู้สึกที่ยังแก้กันไม่ตก แต่หากมองอีกแง่หนึ่ง ในสามจังหวัดพวกเขาก็ยังเป็นคนส่วนใหญ่ และมี "คนกลุ่มน้อย" แทรกตัวอาศัยอยู่ และก็ถูกหลงลืมด้วยเหมือนกัน ดังเช่นเด็กๆ ลูกหลานแรงงานต่างด้าวเหล่านี้...
เด็กชายทน เด็กชายสัญชาติพม่าวัย 13 ปี บอกกล่าวเป็นภาษาไทยในสำเนียงประหลาดว่า รู้ว่าวันนี้เป็นวันเด็กแห่งชาติ จึงอยากไปเที่ยวเหมือนเด็กคนอื่นๆ บ้าง แต่ก็ไม่มีโอกาส
"ผมอยากได้ของเล่น เพราะผมไม่มีของเล่น ถ้าขอได้ก็อยากจะได้ปืน และอยากไปเที่ยวแบบเด็กอื่นๆ เขาบ้าง เพราะปกติผมไม่ได้ไปเที่ยวไหนและต้องทำงาน"
แม้จะอายุแค่ 13 ปี แต่เด็กชายทนก็ต้องทำงานเป็นคนคัดปลา เขาต้องทำงานแทบทุกวัน ไม่เว้นแม้กระทั่งวันเด็ก...
"ผมเป็นคนเลือกปลา ถ้าเรือเข้าก็จะไปเลือกปลาที่สะพาน แต่ถ้าวันไหนเรือไม่เข้า ก็จะอยู่ที่คานเรือ ผมอยู่กับพ่อและพี่ชาย" เด็กชายทน บอก
ความใฝ่ฝันของเขานั้นคืออยากเรียนหนังสือ ทั้งๆ ที่รัฐบาลไทยมอบโอกาสเรียนฟรี 12 ปีให้กับเด็กไทยทุกคนในประเทศนี้ แต่ "น้องทน" ก็ไม่มีสิทธิ เพราะเขาไม่มีสัญชาติไทย
"ผมอยากเรียนหนังสือเหมือนกัน เพราะจะทำให้เราสามารถอ่านภาษาไทยได้ ทุกวันนี้ผมพูดภาษาไทยได้เพียงอย่างเดียว ที่พูดได้ก็เพราะอยู่ในเมืองไทยมาหลายปีแล้ว"
ด้วยความที่อยู่มาหลายปี เขาจึงรับรู้ถึงปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ซึ่งเกิดขึ้นแทบไม่เว้นแต่ละวัน
"ผมก็พอจะทราบอยู่บ้างว่ามีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น ผมเองกลัวระเบิดมาก อันนี้เป็นอีกเหตุผลหนึ่งของผมด้วยที่ไม่อยากออกไปไหน" เด็กพม่าวัย 13 ปีกล่าว
ขณะที่ เด็กหญิงดาว เด็กน้อยสัญชาติพม่าอายุแค่ 6 ขวบ ซึ่งประแป้งขาวที่แก้มซ้ายและขวา เธอบอกว่าอยากไปเที่ยวงานวันเด็กเหมือนกัน
"หนูอยากไปเที่ยวงานวันเด็ก เพราะในนั้นต้องมีของเล่นเยอะมาก ของที่อยากได้คือตุ๊กตา เพราะตอนนี้มีอยู่ 2 ตัว แต่เป็นตุ๊กตาที่พังแล้ว"
เด็กหญิงดาว เล่าว่า ที่ผ่านมาเธอได้ออกไปเที่ยวบ้างเหมือนกัน แต่จะต้องเป็นงานใหญ่จริงๆ เช่น สมโภชเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว โดยจะไปกับพ่อและแม่
ส่วนความฝันของเด็กน้อยอย่างเธอ แต่ยังไม่มีโอกาส ก็คือการได้เรียนหนังสือ
"หนูอยากเรียนหนังสือเหมือนเด็กคนอื่นๆ" เธอว่า
เป็นความฝันที่แม้จะดูธรรมดาๆ แต่ก็ยังห่างไกลเสียเหลือเกินในโลกแห่งความจริงของเขาและเธอ...