ไขปริศนา 4 หมายจับผู้ต้องหาไอร์ปาแย ที่แท้เป็นคดี “ป่วนโก-ลก” ทหารยอมรับ “ข้อมูลพลาด”
ทีมข่าวอิศรา
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา
เหตุการณ์กราดยิงในมัสยิดอัลฟุรกอน บ้านไอร์ปาแย ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ยังคงเต็มไปด้วยปริศนาและความสับสนต่อไป เมื่อ “ทีมข่าวอิศรา” ได้รับการยืนยันว่าในทางคดียังไม่มีความคืบหน้าใดๆ นอกจากการออกหมายจับ 2 ผู้ต้องหา เป็นชาวไทยพุทธ 1 คน และชาวไทยมุสลิม 1 คน ส่วนหมายจับที่ทางทหารระบุว่าออกเพิ่มอีก 4 คนนั้น สรุปแล้วว่าเป็นข้อมูลที่ผิดพลาด
คดีกราดยิงถึงในมัสยิดบ้านไอร์ปาแยเกิดขึ้นเมื่อช่วงค่ำวันที่ 8 มิ.ย.2552 เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 10 ราย บาดเจ็บอีก 12 คน โดย 4 เดือนแรกหลังเกิดเหตุ ตำรวจออกหมายจับผู้ต้องหาได้ 2 ราย หนึ่งคือ นายสุทธิรักษ์ คงสุวรรณ อายุ 34 ปี ถูกระบุว่าเป็นอดีตทหารพราน อยู่บ้านเลขที่ 132 หมู่ 10 ต.บางปอ อ.เมือง จ.นราธิวาส เป็นหมายจับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา หรือ ป.วิอาญา
กับอีกหนึ่งคือ นายลุกมัน ลาเต๊ะบือริง ชาวบ้านในหมู่บ้านไอร์ปาแยเอง ซึ่งถูกออกหมายตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ) หรือที่เรียกว่า “หมาย ฉฉ”
ย่างเข้าเดือนที่ 5 คดีเริ่มมีความสับสนเกิดขึ้น เมื่อมีใบปลิวปริศนาประกาศจับบุคคลในภาพรวม 6 คน ประกอบด้วย นายสุทธิรักษ์ กับ นายลุกมัน ซึ่งถูกออกหมายจับจริงๆ กับอีก 4 คนเป็นชาวบ้านไทยพุทธในพื้นที่ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส และเป็นอาสาสมัครรักษาเมือง (หรือ อ.ร.ม.) ในพื้นที่เทศบาลตำบลตันหยงมัส อ.ระแงะ
หมายจับดังกล่าวอ้างชื่อว่าเป็นของ “เหล่านักรบแห่งรัฐปัตตานี” กระจายไปในหลายพื้นที่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
ต่อมาฝ่ายทหารได้ออกมาสยบข่าวใบปลิวปริศนา โดย พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 (ผอ.รมน.ภาค 4) ยืนยันว่าข้อมูลในใบปลิวดังกล่าวไม่ใช่ของจริง เพราะเจ้าหน้าที่ได้ออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีเพิ่มเติมแล้ว 4 คน (นอกเหนือจาก นายสุทธิรักษ์ และนายลุกมัน) ซึ่งไม่ใช่บุคคลที่ระบุตามใบปลิว
ข้อมูลที่ พล.ท.พิเชษฐ์ นำมายืนยัน มาจากเอกสารแถลงข่าวของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เมื่อวันที่ 29 ต.ค.2552 รายงานความคืบหน้าคดีคนร้ายยิงเข้าไปในมัสยิดอัลฟุรกอน โดยคำแถลงระบุว่า พ.อ.บรรพต พูลเพียร หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาพนักงานสอบสวนพยานบุคคล จำนวน 30 ปาก และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายจับผู้ต้องสงสัยจำนวน 2 คนคือ นายสุทธิรักษ์ คงสุวรรณ อดีตเคยรับราชการเป็นทหารพราน และได้กระทำความผิดจึงถูกให้ออกจากราชการ กับ นายลุกมัน ลาเต๊ะบือริง
ต่อมาเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ได้มีการสอบพยานเพิ่มเติมอีก 17 ปาก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ออกหมายจับ ป.วิอาญา เพิ่มอีกจำนวน 4 คนคือ นายมูฮัมหมัดสักรี ไซวิง, นายอิสยัส นิมิ, นายโรสมาน กูบารู และนายมูฮำหมัดรอวี อาแว จึงขอแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบความคืบหน้าในการดำเนินคดีดังกล่าว และจะเร่งหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
อย่างไรก็ดี เมื่อข่าวดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ทำให้พี่น้องชาวไทยมุสลิมในพื้นที่วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางทำนองว่า “ไม่น่าจะเป็นของจริง” เพราะเชื่อว่าอย่างไรเสีย “มุสลิมก็ไม่ฆ่ามุสลิมด้วยกัน โดยเฉพาะในเวลาละหมาด”
ต่อมา “ทีมข่าวอิศรา” ได้ตรวจสอบข่าวนี้ และได้รับการยืนยันจาก พ.ต.อ.พีระพล ณ พัทลุง ผู้กำกับการ สภ.เจาะไอร้อง เจ้าของพื้นที่เกิดเหตุและรับผิดชอบคดีไอร์ปาแยว่า ความคืบหน้าของคดียังมีการออกหมายจับผู้ต้องหาและผู้ต้องสงสัยเพียงแค่ 2 รายเช่นเดิม คือนายสุทธิรักษ์ และนายลุกมัน ส่วนหมายจับอีก 4 รายที่ทาง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าระบุนั้น ยังไม่มีการออกหมายแต่อย่างใด
จากคำยืนยันอย่างหนักแน่นดังกล่าว ทำให้ “ทีมข่าวอิศรา” ตรวจสอบต่อไป จนพบว่า รายชื่อผู้ต้องหา 4 รายตามที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวอ้างว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับเพิ่มเติมในคดีไอร์ปาแยนั้น แท้ที่จริงแล้วเป็นผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับในคดีก่อเหตุรุนแรงที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 6 ต.ค.2552
ทั้งนี้ เหตุร้ายที่ อ.สุไหงโก-ลก เมื่อวันที่ 6 ต.ค. มี 2 เหตุการณ์ คือ
1.เหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนอาก้ายิงถล่มร้านอาหาร 3 จุด บนถนนทรายทอง 4 ในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต 1 นาย คือ ส.ต.ท.วัชรพงษ์ อำไพฤทธิ์ และชาวบ้านเสียชีวิต 2 ราย เป็นแม่ลูกกัน คือนางปรียานุช โชติไพบูลย์พันธุ์ และ ด.ช.ภีมพศ อภิบาลธนากุล
2.เหตุคนร้ายวางระเบิดคาร์บอมบ์หน้าร้านขายเครื่องสำอาง ตรงข้ามโรงแรมเมอร์ลิน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 รายคือ น.ส.โนรุงซันนะห์ แวนาแว และได้รับบาดเจ็บอีก 26 ราย
พ.ต.ท.มานิตย์ แย้มซ้าย รองผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน (รองผกก.สส.) สภ.สุไหงโก-ลก ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 9 ต.ค. ระบุว่า เหตุร้ายที่เกิดขึ้นทั้ง 2 เหตุการณ์เกิดในเวลาไล่เลี่ยกัน เบื้องต้นได้มีการประเมินแล้วเชื่อว่าคนร้ายน่าจะเป็นกลุ่มเดียวกัน นัดแนะก่อเหตุเพื่อเบี่ยงเบนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพุ่งเป้าไปยังจุดยิงถล่มร้านอาหาร เปิดทางให้คนร้ายอีกกลุ่มหนึ่งนำรถยนต์ที่บรรทุกระเบิดไปจอดก่อวินาศกรรมได้อย่างสะดวกที่หน้าร้านขายเครื่องสำอาง ตรงข้ามโรงแรมเมอร์ลิน
พ.ต.ท.มานิตย์ ยังระบุว่า ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายจับกลุ่มคนร้ายที่ยิงถล่มร้านอาหารแล้ว 4 คน คือ 1.นายมูฮำหมัดสักรี ไซวิง ทำหน้าที่เป็นมือปืน 2.นายอิลยัส นิมิ คนขี่รถจักรยานยนต์ให้นายมูฮำหมัดสักรี 3.นายโรสมาน กูบารู เป็นคนขว้างระเบิดใส่ร้านอาหาร และ 4.นายมูฮำหมัดรอวี อาแว เป็นคนดูลาดเลา
จากการตรวจสอบของ "ทีมข่าวอิศรา" โดยเปรียบเทียบรายชื่อผู้ต้องหาทั้ง 4 คน พบว่าตรงกับรายชื่อผู้ต้องหาที่ กอ.รมน.ภาค 4 ออกเอกสารแถลงข่าวระบุว่าเป็นผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับในคดีไอร์ปาแย ซึ่งเป็นคนละคดีกัน
ล่าสุด พ.อ.บรรพต พูลเพียร หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ให้สัมภาษณ์ “ทีมข่าวอิศรา” ว่า ได้รับข้อมูลมาจากฝ่ายกฎหมายของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ซึ่งทำหน้าที่ประสานข้อมูลกับฝ่ายตำรวจ คาดว่าคงมีความสับสนเกิดขึ้น ทำให้เข้าใจว่ารายชื่อผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับในคดีก่อความไม่สงบที่ อ.สุไหงโก-ลก กลายเป็นผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับในคดีกราดยิงในมัสยิดที่บ้านไอร์ปาแย
“ถ้าเป็นแบบนี้ก็แสดงว่าคดีไอร์ปาแยยังไม่มีความคืบหน้า คือยังไม่มีการออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติม ยกเว้นที่ออกหมายไปแล้วแค่ 2 คน ซึ่งจะได้ประสานข้อมูลกับทางตำรวจต่อไป” พ.อ.บรรพต ระบุ
ทั้งหมดนี้เป็นความผิดพลาดที่ไม่ควรเกิดขึ้น และน่าจะเป็นบทเรียนของฝ่ายความมั่นคง...โดยเฉพาะคดีสำคัญและอ่อนไหวยิ่งอย่าง “ไอร์ปาแย”