6 เดือนไอร์ปาแย...ข้อมูลทหาร-ตำรวจขัดกันเรื่อง”หมายจับ”
สุเมธ ปานเพชร
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา
ไม่รู้ว่าโลกหมุนเร็วขึ้น หรือข่าวสารบ้านเมืองพลิกผันรายวันกันแน่ จึงทำให้เรื่องราวสำคัญๆ บางเรื่องกลายเป็นอดีตที่หลงลืมกันไปอย่างรวดเร็ว ดังเช่นเหตุการณ์กราดยิงในมัสยิดอัลฟุรกอน บ้านไอร์ปาแย ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ที่กระพริบตาไม่กี่ที ก็ผ่านมานานร่วม 6 เดือนแล้ว
ความคืบหน้าของคดีจนถึงขณะนี้หาใช่การจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายกบิลเมืองได้ แต่กลับกลายเป็นความสับสนเรื่อง “หมายจับผู้ต้องหา” ทั้งๆ ที่เป็นคดีที่ทั่วโลกจับตา และเป็นคดีที่ร้ายแรงทำลายความเชื่อมั่นของฝ่ายความมั่นคงมากที่สุดในรอบปี 2552
นับตั้งแต่เกิดเหตุจนผ่านไปราว 4 เดือน ตำรวจออกหมายจับผู้ต้องหาได้ 2 ราย หนึ่งคือ นายสุทธิรักษ์ คงสุวรรณ อายุ 34 ปี ถูกระบุว่าเป็นอดีตทหารพราน อยู่บ้านเลขที่ 132 หมู่ 10 ต.บางปอ อ.เมือง จ.นราธิวาส เป็นหมายจับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา หรือเรียกง่ายๆ ว่า หมาย ป.วิอาญา
กับอีกหนึ่งคือ นายลุกมัน ลาเต๊ะบือริง ชาวบ้านในหมู่บ้านไอร์ปาแยเอง ซึ่งถูกออกหมายตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ) หรือที่เรียกว่า “หมาย ฉฉ”
ย่างเข้าเดือนที่ 5 มีใบปลิวปริศนาประกาศจับบุคคลในภาพรวม 6 คน ประกอบด้วย นายสุทธิรักษ์ กับ นายลุกมัน ซึ่งถูกออกหมายจับจริงๆ กับอีก 4 คนเป็นชาวบ้านไทยพุทธในพื้นที่ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส และเป็นอาสาสมัครรักษาเมือง (หรือ อ.ร.ม.) ในพื้นที่เทศบาลตำบลตันหยงมัส อ.ระแงะ
หมายจับดังกล่าวอ้างชื่อว่าเป็นของ “เหล่านักรบแห่งรัฐปัตตานี” กระจายไปในหลายพื้นที่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ต่างๆ นานา วันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) โดย พ.อ.บรรพต พูลเพียร หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ กอ.รมน.ภาค 4 สน. ได้ออกแถลงการณ์ถึงความคืบหน้าของคดี โดยมีสาระสำคัญระบุว่าที่ผ่านมาพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำพยานบุคคลไปแล้วจำนวน 30 ปาก และได้ออกหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 2 คนคือ นายสุทธิรักษ์ คงสุวรรณ กับ นายลุกมัน ลาเต๊ะบือริง
ต่อมาเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ได้มีการสอบพยานเพิ่มเติมอีก 17 ปาก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ออกหมายจับ ป.วิอาญา เพิ่มเติมอีก 4 คน คือ นายมูฮัมหมัดสักรี ไซวิง, นายอิสยัส นิมิ, นายโรสมาน กูบารู และ นายมูฮำหมัด รอวี อาแว
คำแถลงของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้รับการยืนยันซ้ำอีกครั้งจากบุคคลระดับแม่ทัพภาคที่ 4 อย่าง พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร พร้อมกับย้ำหนักแน่นว่า บุคคล 4 คนในประกาศจับปริศนาของ “เหล่านักรบแห่งรัฐปัตตานี” ตรวจสอบแล้วไม่เกี่ยวข้องกับคดี แต่บุคคลที่เกี่ยวข้องจริงๆ คืออีก 4 คนที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าแถลงออกมา
เมื่อข่าวดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ทำให้พี่น้องชาวไทยมุสลิมในพื้นที่วิจารณ์กันอย่างหนาหูทำนองว่า “ไม่น่าจะเป็นของจริง” เพราะเชื่อว่าอย่างไรเสีย “มุสลิมก็ไม่ฆ่ามุสลิมด้วยกัน โดยเฉพาะในเวลาละหมาด”
“ทีมข่าวอิศรา” จึงตรวจสอบข่าวนี้ และก็พบความสับสนอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้
พ.ต.อ.พีระพล ณ พัทลุง ผู้กำกับการ สภ.เจาะไอร้อง เจ้าของพื้นที่เกิดเหตุและรับผิดชอบคดีไอร์ปาแย กล่าวว่า ความคืบหน้าของคดีนี้ มีการออกหมายจับผู้ต้องหาและผู้ต้องสงสัยเพียงแค่ 2 รายเช่นเดิม คือนายสุทธิรักษ์ และนายลุกมัน ส่วนหมายจับอีก 4 รายที่ทาง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าระบุนั้น ยังไม่มีการออกหมายแต่อย่างใด
“ความคืบหน้าของคดีนี้ยังคงเหมือนเดิม คือออกหมาย ป.วิอาญา โดยมี นายสุทธิรักษ์ คงสุวรรณ เป็นผู้ต้องหา และออกหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ โดยมี นายลุกมัน ลาเต๊ะบือริง เป็นผู้ต้องสงสัย ซึ่งทั้งสองยังอยู่ระหว่างการติดตามจับกุม ส่วนที่มีข่าวออกมาว่ามีการหมายจับเพิ่มเติมอีก 4 รายนั้น ผมยืนยันว่าไม่ได้มีการออกหมายจับหรือหมาย พ.ร.ก. เพิ่มเติม เนื่องจากยังไม่สามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 รายแรกได้ จึงยังไม่สามารถขยายผลจากพยานหลักฐานที่มีไปยังผู้ร่วมกระทำความผิดรายอื่น”
ผู้กำกับการ สภ.เจาะไอร้อง ย้ำว่า ความคืบหน้าเพิ่มเติมจะต้องรอติดตามจับกุมผู้ต้องหา 2 รายแรกให้ได้ก่อน เพื่อให้มีหลักฐานโยงใยพาดพิงบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง
“ที่ผ่านมาตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้เร่งติดตามจับกุมคนร้ายที่ออกหมายไปแล้ว รวมไปถึงพยายามค้นหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมให้มากที่สุด”
ส่วนใบปลิวปริศนาในลักษณะประกาศจับผู้ต้องหาที่ไอร์ปาแย โดยเหล่านักรบแห่งรัฐปัตตานีนั้น พ.ต.อ.พีระพล กล่าวว่า เป็นเรื่องของกลุ่มก่อกวนและต้องการสร้างความเข้าใจผิดให้กับประชาชนในพื้นที่ โดยพยายามนำรูปภาพและเขียนข้อความเพื่อสื่อนัยยะว่าเป็นรูปที่ใช้ในราชการตำรวจ
“จากที่ได้เห็นใบปลิว เป็นรูปของคนร้ายที่ถูกออกหมายจับไปแล้ว 2 คนจริง แต่อีก 4 คนเป็นรูปของ อ.ร.ม.ในพื้นที่ อ.ระแงะ เชื่อว่าคนทำต้องการสร้างความปั่นป่วนในพื้นที่ และยืนยันว่าบุคคลทั้ง 4 คน นอกจากนายสุทธิรักษ์ และนายลุกมัน ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีนี้แต่อย่างใด”
พ.ต.อ.พีระพล กล่าวอีกว่า แม้ในใบปลิวจะปรากฏภาพของบุคคลต่างๆ และมีข้อความระบุว่า “ใช้ในราชการตำรวจ” แต่จากที่ได้ตรวจสอบใบปลิวดังกล่าวแล้วพบว่า ข้อความลักษณะนั้นสามารถตกแต่งหรือสร้างขึ้นมาได้เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับตัวใบปลิว ทำให้ประชาชนที่ได้พบเห็นเกิดความเข้าใจผิดและหลงเชื่อ สร้างความเสียหายให้กับผู้บริสุทธิ์ทั้ง 4 ราย จึงอยากฝากถึงประชาชนว่าอย่างหลงเชื่อ
“ที่มาที่ไปของใบปลิวประกาศจับ เชื่อว่าเป็นฝีมือของกลุ่มก่อกวนหรืออาจจะเป็นกลุ่มที่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์กราดยิงในมัสยิดอัลฟุรกอนที่พยายามบิดเบือนข้อมูลเพื่อให้เกิดความสับสนทางคดี และความรู้สึกของประชาชน” พ.ต.อ.พีระพล ย้ำ
เป็นความสับสนที่ยังหาจุดจบไม่ได้ ในวาระครึ่งปีเหตุการณ์ร้ายที่ไอร์ปาแย!