โครงการ Tablet PC ของรัฐบาล vs Laptop Programs for Students โดยสมเกียรติ อ่อนวิมล
"โครงการคอมพิวเตอร์นักเรียนแบบ Laptop" บทความโดย Andrew A. Zucket และ Daniel Light ลงพิมพ์ในนิตยสาร Science Vol. 323 No.5910 วันที่ 2 มกราคม 2009 เป็นบทวิเคราะห์โครงการจัดหาคอมพิวเตอร์สำหรับนักเรียนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาในโรงเรียนต่างๆทั่วโลก มีทั้งที่จัดหาให้ยืมกลับบ้าน ให้กู้ยืมเงินซื้อเป็นของตนเอง รัฐซื้อให้ และที่จัดให้เพียงพอจำนวน 1:1 ให้ใช้ในโรงเรียน
ผลการศึกษาเมื่อปี 2009 พบว่าการให้เด็กนักเรียนในวัยที่เหมาะสม อายุระดับกว่าสิบปีขึ้นไป ทำให้เด็กสนใจมาโรงเรียนมากขึ้นพัฒนาขีดความสามารถในการใช้เทคโนโลยีและการเขียนมากขึ้น แต่ไม่มีผลชัดเจนต่อการพัฒนาการเรียนรู้ และไม่มีการประเมินผลด้านที่เป็นผลเสียได้ชัดเจน
ผลการศึกษาสรุปว่ามีองค์ประกอบอื่นรวมอยู่ด้วยนอกเหนือจากเครื่องคอมพิวเตอร์ เช่นครู โรงเรียน อุปกรณ์การสอน วิธีการสอน การเตรียมความพร้อมของโครงการทั้งระบบ นักเรียน ครู โรงเรียน ครอบครัว ฯลฯ
บทความนี้ศึกษาเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับการให้ใช้เครื่อง Laptop/Notebook PC ไม่ใช่ Tablet PC ซึ่งเป็นอุปกรณ์ใหม่เริ่มเป็นที่นิยมกันในปีของ iPad / Tablet PC ตั้งแต่ปี 2010
วิจารณ์โดยเปรียบเทียบกับบทความ ใน SCIENCE และดูมาตรฐาน ASEAN ICT Masterplan พบว่า:
1. โครงการของรัฐบาลไทยในการจัดหาคอมพิวเตอร์ให้เด็กนักเรียน โดยหลักการถือเป็นเรื่องที่ดี และเป็นไปตามกระแสโลกาภิวัตน์การปฏิรูปการศึกษาในโลก หากแต่เป็นโครงการที่ไม่สมบูรณ์และขาดการศึกษาวิจัยอย่างถ่องแท้ก่อนการจัดซื้อ แต่เป็นข้อด๊ที่เป็นเพียงโครงการนำร่อง ทดลองเพียงบางแห่ง ความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในการทดลองกับเด็กชั้น ป.1 จะไม่มากและไม่กว้างขวาง
2. โครงการของไทยเป็นโครงการทดลองกับเด็กชั้น ป.1 เพียงบางกลุ่มบางโรงเรียน ไม่ใช่โครงการสำหรับทุกโรงเรียน ขณะที่ประเทศที่ระบุในงานวิจัยจัดคอมพิวเตอร์ให้นักเรียนระดับประถมปลาย
3. ไทยใช้เครื่อง Tablet PC ขนาดเล็ก คุณภาพต่ำไม่สามารถใช้งานเอนกประสงค์ได้ คอมพิวเตอร์สำหรับนักเรียนในโลกจะเป็นเครื่องคุณภาพสูงระดับ laptop หรือ desktop
4. ประเทศส่วนใหญ่ในโลก รวมทั้งประเทศที่ร่ำรวยไม่ซื้อคอมพิวเตอร์ให้เป็นสมบัติของนักเรียน แต่ซื้อเป็นทรัพย์สินของโรงเรียน ไว้ใช้ที่โรงเรียนโดยให้นักเรียนใช้เป็นส่วนตัวของตนเองในอัตรา ตั้งแต่ 7:1, 5:1, 2:1, 1:1 ตามความพร้อมด้านงบประมาณ ออสเตรเลียใช้อัตรา 2:1 และตั้งเป้าหมายในอนาคตไว้เป็น 1:1 1 คน ต่อ 1 เครื่อง
5. แผนแม่บท ASEAN ICT Masterplan กำหนดไว้แล้วว่าให้ทุกโรงเรียนในอาเซียนมีอินเตอร์เนตความเร็วสูงใช้อย่างทั่วถึงเท่าเทียมกันภายในปี 2015 ประเทศอินโดนีเซีย สิงคโปร์ และมาเลเซียจัดการตาม ASEAN ICT Masterplan เสร็จแล้ว โรงเรียนทุกแห่งในอินโดนีเซียได้ใช้อินเตอร์ความเร็วสูงและระบบ WiFi ฟรี โดยรัฐบาลอินโดนีเซียจัดการและจ่ายให้ตลอดไป ส่วนอุปกรณ์เครื่องคอมพิวเตอร์เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษาในระดับท้องถิ่น
6. รัฐบาลไทยยังไม่มีแผนจัดหาคอมพิวเตอร์ให้กับนักเรียนทุกคนทุกโรงเรียนทั่วประเทศ และเท่าที่ทราบโดยตรงจากรัฐมนตรีเทคโนโลยีสารสนเทศฯ รัฐบาลมีนโยบายสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้าน WiFi Internet ความเร็วสูงให้ทุกโรงเรียนทั่วประเทศ แต่ยังทำได้ไม่ถึงทุกโรงเรียน รัฐบาลไม่เคยประกาศว่าจะทำเสร็จเมื่อไร รัฐมนตรีอนุดิษฐ์เคยบอกกับผม (สมเกียรติ อ่อนวิมล) ว่าทราบเรื่องแผนแม่บท ASEAN ICT Masterplan ดี
7. นโยบายจัดหาคอมพิวเตอร์สำหรับนักเรียนเป็นนโยบายที่ดี ต้องสนับสนุน แต่รัฐบาลควรจัดหาคอมพิวเตอร์ไว้ที่โรงเรียน ทุกโรงเรียน ให้นักเรียนทุกคนมีคอมพิวเตอร์คุณภาพสูงใช้แบบ 1:1 และต้องทำโครงสร้างพื้นฐานทั้ง hardwares และ softwares ให้พร้อมทุกระดับชั้นและทั้งในระดับชาติและระดับท้องถิ่น
8. รัฐบาล และรัฐมนตรีฯศึกษาธิการควรทราบว่าคอมพิวเตอร์เป็นเพียงส่วนหนึ่งในกระบวนการเรียบนการสอนและการปฏิรูปการศึกษาในสมัยใหม่นี้ เรื่องอื่นที่สำคัญยิ่งกว่ามีอีกมากเช่นเป้าหมายการศึกษา หลักสูตร การประเมิน ครู ผู้บริหารการศึกษา พ่อแม่ผู้ปกครอง ห้องสมุด การอ่านหนังสือ และเทคโนโลยีทางการศึกษาแบบอื่นๆที่ยังมีอีกมาก เช่นแหล่งความรู้แบบ DIgital, E-books ฯลฯ
9. รัฐบาลต้องทำงานหนักกว่าที่ทำอยู่อีกมาก เพื่อเตรียมเด็กและเยาชนไทยให้มีขีดความสามารถในระดับมาตรฐานโลกและมาตรฐานอาเซียน ณ วันนี้ยังไม่พบว่ารัฐบาลยังมิได้แถลงต่อประชาชนเลยว่ามีนโยบายและแผนงานอย่างไรในการเตรียมการศึกษาไทยสูปประชาคมอาเซียน
10. บทความจากงานวิจัย โดย SCIENCE จะช่วยให้กระทรวงศึกษาธิการไทยรู้วิธีแก้ไขปัญหาและจะสามารถจัดการปฏิรูปเทคโนโลยีทางการศึกษาของไทยได้อย่างบรรลุเป้าหมายรวดเร็วขึ้น ผมเคยแจกบทความนี้ให้กับรองผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศแล้วในงานบรรยายเมื่อปี 2554
10. ผมจะเฝ้ารอคำแถลงจากรัฐบาลเรื่องการศึกษาไทยสู่ประชาคมอาเซียน จะรอทุกวัน และพร้อมที่จะช่วยเหลือร่วมกับรัฐบาลในวิถีทางที่ผมพอมีขีดความสามารถทำได้