ปชช. 70% ห่วงทุจริต "จำนำข้าว" หนุนฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจ รมว.กษ.
ผลสำรวจเผย ประชาชนกว่าครึ่ง อยากฟัง "ยิ่งลักษณ์" ชี้แจงศึกซักฟอกด้วยตนเอง มากกว่าฟัง "เฉลิม" ห่วงนโยบายรัฐบาลส่อทุจริต บอกอยากเห็น "ทักษิณ" แสดงบทบาทที่เป็นประโยชน์ต่อคนไทยในการเดินทางไปยังต่างประเทศ-แก้ปัญหาเศรษฐกิจ
ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจเรื่อง “บทบาท พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ในเวทีต่างประเทศ กับการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล และประเด็น “เก็บตก” จากผลสำรวจข้อบันทึกสังเกตการณ์ของประชาชนในสังคมไทย” กรณีศึกษาประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป ใน 17 จังหวัดของประเทศ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร เพชรบุรี ฉะเชิงเทรา นครปฐม ชลบุรี แพร่ พิษณุโลก เชียงใหม่ มหาสารคาม อำนาจเจริญ ชัยภูมิ ศรีสะเกษ ขอนแก่น อุดรธานี นราธิวาส กระบี่ และสงขลา จำนวนทั้งสิ้น 2,289 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 11 – 18 สิงหาคม 2555 ที่ผ่านมา
ผลสำรวจพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 90.5 ทราบข่าว พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร เดินทางไปยังประเทศต่างๆ เช่น อเมริกา จีน และอังกฤษ เป็นต้น และคนไทยส่วนใหญ่หรือร้อยละ 67.5 อยากเห็น พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร แสดงบทบาทที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย ในขณะที่ร้อยละ 32.5 ไม่อยากเห็น
นอกจากนี้ ผลสำรวจยังพบ 5 อันดับบทบาทที่อยากให้ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร แสดงบทบาทที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชนคนไทยในการเดินทางระหว่างประเทศ ได้แก่ อันดับแรกหรือร้อยละ 84.9 ระบุแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องของประชาชน ค่าครองชีพ ป้องกันวิกฤตเศรษฐกิจจากต่างชาติ รองลงมาคือ ร้อยละ 83.2 ระบุเชิญชวนนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ร้อยละ 69.1 ระบุแก้ปัญหายาเสพติดและอาชญากรรม ร้อยละ 62.5 ระบุแก้ปัญหาที่ทำกินชาวไร่ชาวนา และร้อยละ 61.1 ระบุแก้ปัญหาคุณภาพการศึกษาของเด็กและเยาวชน ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 55.4 ระบุการเดินทางไปประเทศต่างๆ ของ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ทำให้ประเทศไทยยังคงเหมือนเดิม ในขณะที่ร้อยละ 25.2 ระบุทำให้ประเทศไทยดีขึ้น แต่ร้อยละ 19.4 ระบุแย่ลง
เมื่อสอบถามถึงประเด็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลถึง รัฐมนตรีและปัญหาที่ควรถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 59.6 ระบุกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายธีระ วงศ์สมุทร เรื่องปัญหาจำนำข้าว ราคาผลผลิตทางการเกษตร และบัตรเครดิตชาวนา รองลงมาคือ ร้อยละ 57.1 ระบุกระทรวงพาณิชย์ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ เรื่องปัญหาปากท้อง ค่าครองชีพ และร้อยละ 55.6 ระบุ กระทรวงการคลัง นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เรื่องปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้อง ค่าครองชีพ ร้อยละ 49.8 ระบุกระทรวงยุติธรรม พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เรื่องปัญหายาเสพติด และร้อยละ 42.1 ระบุกระทรวงมหาดไทย นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ เรื่องปัญหาเยียวยาภัยพิบัติธรรมชาติ ปัญหาฐานข้อมูลบัตรประชาชนล่ม ปัญหาขัดแย้งภายในกระทรวง ตามลำดับ
ที่น่าสนใจคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 72.9 อยากฟัง น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นผู้ชี้แจงมากกว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ในขณะที่ร้อยละ 27.1 อยากฟัง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นผู้ชี้แจงมากกว่า
เมื่อถามถึงฝ่ายค้าน พบว่า เกินครึ่งหรือร้อยละ 56.2 อยากฟัง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อภิปรายมากกว่า นายชูวิทย์ กมลวิสิทธิ์ อย่างไรก็ตาม จำนวนมากหรือร้อยละ 43.8 อยากฟังนายชูวิทย์ มากกว่า
ที่น่าพิจารณาคือ เมื่อถามถึงนโยบายรัฐบาลที่น่าเป็นห่วงว่าจะมีการทุจริต พบว่า อันดับแรกได้แก่ ร้อยละ 70.7 รู้สึกเป็นห่วงการรับจำนำข้าว รองลงมาคือร้อยละ 67.6 ระบุการแจกแทบเล็ตนักเรียน ร้อยละ 57.7 ระบุบัตรเครดิตชาวนา ร้อยละ 56.8 ระบุการแก้ไขป้องกันปัญหายาเสพติด และร้อยละ 55.4 ระบุบัตรเครดิตพลังงาน
เมื่อสอบถาม “ประเด็นเก็บตกผลสำรวจ” จากข้อบันทึกสังเกตการณ์ของประชาชนในสังคมไทย โดยสอบถามถึงประสบการณ์ พฤติกรรมนักการเมือง เจ้าหน้าที่รัฐ และนิสัยประชาชนคนไทย ที่อยากให้แก้ไขปรับปรุง พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 79.2 ระบุ นักการเมืองสร้างภาพ สาดโคลน มุ่งชิงอำนาจ ในขณะที่ ร้อยละ 78.5 ระบุเจ้าหน้าที่รัฐ วิ่งเต้น รีดไถ ขี้โกง และร้อยละ 69.6 ระบุประชาชนทั่วไป แล้งน้ำใจ ไม่เสียสละ ไม่ใส่ใจคนอื่น โดยร้อยละ 68.8 ยังระบุพฤติกรรมของทุกๆ ฝ่ายโดยภาพรวมด้วยว่า ไม่มีวินัย ไม่เคารพกฎหมาย และร้อยละ 58.4 ระบุ เอารัดเอาเปรียบ ตัวใครตัวมัน ไม่ช่วยดูแลสังคม ตามลำดับ
ดร.นพดล กล่าวว่า ผลสำรวจครั้งนี้สะท้อนให้เห็นความรู้สึกนึกคิดของประชาชนต่อประเด็นที่มีนัยสำคัญทางการเมืองและสังคมไทยในหลายมิติ ได้แก่ บทบาทสำคัญของ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ในเวทีต่างประเทศเพื่อประโยชน์ของสาธารณชนคนไทยและประเทศชาติ โดยมุ่งสู่ความเจริญมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ การป้องกันวิกฤตเศรษฐกิจของต่างชาติ และการเชิญชวนให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น นอกจากนี้ ปัญหาสังคมภายในประเทศที่ยังรุนแรงและคนไทยยังคงให้ความหวังต่อความรู้ความสามารถในการแก้ปัญหายาเสพติดและอาชญากรรม ปัญหาคุณภาพเด็กและเยาวชนไทย เป็นต้น ในขณะที่ ความรู้สึกของประชาชนต่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจส่วนใหญ่มุ่งไปที่ความไม่ชอบมาพากลและความสามารถบริหารจัดการในนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล เช่น การรับจำนำข้าว การแก้ปัญหาปากท้อง และปัญหายาเสพติดระดับชุมชน เพราะจากการวิจัยทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ พบว่า ข่าวประชาสัมพันธ์ของรัฐบาล “หน้าจอทีวี” กับความเป็นจริง “หน้าบ้าน ในบ้าน ในชุมชน” ของประชาชนยังแตกต่างกัน คือ หน้าจอทีวีดูดี แต่หน้าบ้าน ในบ้าน ในชุมชนของประชาชนยังคงมีปัญหามากมาย
“โดยผลสำรวจได้ตอกย้ำให้เห็นว่าปัญหาต่างๆ ยังคงเหมือนเดิมกับทุกรัฐบาลที่ผ่านมา นั่นหมายความว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันก็ยังไม่ได้ทำให้ประชาชนคนไทยส่วนใหญ่เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงแตกต่างที่ดีขึ้น เพราะผลสำรวจชี้ให้เห็นอารมณ์ความรู้สึกของประชาชนคนไทยว่า นักการเมืองก็ยังคงสร้างภาพ มุ่งชิงอำนาจ ข้าราชการเจ้าหน้าที่รัฐก็ยังคงวิ่งเต้น รีดไถ ขี้โกง และประชาชนทั่วไปก็ยังคงแล้งน้ำใจ ไม่เสียสละ ไม่ช่วยดูแลสังคม ไม่มีวินัย ไม่เคารพกฎหมาย เอารัดเอาเปรียบและตัวใครตัวมัน เป็นต้น ดังนั้น รัฐบาลชุดปัจจุบันจึงต้องเร่งทำให้เห็นความแตกต่างและการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายสาธารณะและมาตรการปฏิบัติที่ทำให้วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้นอย่างจริงจังและต่อเนื่อง” ดร.นพดล กล่าว
