นายกฯ ระบุรอคำวินิจฉัยกลางศาล รธน. ก่อนพิจารณาแก้ไข
"ปู" รอคำวินิจฉัยกลางศาลรัฐธรรมนูญ ก่อนแก้ไข ชี้ไม่มีเจตนาล้มล้างการปกครอง วอนสังคมวิเคราะห์ทางออกประเทศ มากกว่าสร้างความขัดแย้ง "จุรินทร์" ยันฝ่ายค้านไม่ร่วมลงมติร่างแก้ รธน.วาระ 3 ด้าน ด้าน "ปุระชัย" ลั่นไม่ยอมให้เสียงข้างมากในสภาฯ
วันที่ 17 กรกฎาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา ว่า ขอให้ใช้ช่วงที่รอการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาช่วยกันวิเคราะห์ถึงทางออกของประเทศว่าจะเป็นไปในทิศทางไหน มากกว่าทำให้เกิดความรุนแรง
“การแสดงความคิดเห็น วิพากษ์วิจารณ์ ถ้าทำให้สังคมให้ทุกฝ่ายเข้าใจถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ขณะเดียวกันไม่ต้องการให้การแสดงความคิดเห็น การวิพากษ์วิจารณ์เกิดความขัดแย้ง เกิดความรุนแรงขึ้นในสังคม”
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวต่อว่า คณะรัฐมนตรียังไม่มีความเห็นใดๆ ต่อกรณีดังกล่าว เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยออกมามีรายละเอียดปลีกย่อยเพิ่มเติม รวมถึงคำแนะนำซึ่งยังไม่แน่ใจว่าคำวินิจฉัยจริงๆ เป็นอย่างไร คณะรัฐมนตรีจึงเห็นควรรอให้ได้คำวินิจฉัยส่วนกลางออกมาก่อนอย่างเป็นทางการ และให้คณะกรรมการกฤษฎีกาซึ่งเป็นฝ่ายกฎหมายของรัฐบาลนำคำวินิจฉัยดังกล่าวมาตีความและนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้รับทราบและพิจารณาหารือตัดสินใจร่วมกัน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นหนึ่งในนโยบายของรัฐบาล ซึ่งเจตนารมณ์ของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ได้มีเจตนาล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย โดยรัฐบาลจะนำเอาข้อวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกามาตีความเป็นแนวทางปฏิบัติต่อไป
ด้านนายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า รัฐบาลและพรรคเพื่อไทย ไม่ควรเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะการลงมติวาระ 3 เพราะจะเกิดความขัดแย้ง พร้อมยืนยัน ฝ่ายค้านจะไม่ร่วมลงมติร่างแก้รัฐธรรมนูญวาระ 3 เพราะเป็นการกระทำที่หมิ่นเหม่ต่อกฏหมาย แต่หากพิจารณาแก้ไขเป็นรายมาตรา จะต้องมีเหตุผลรองรับที่เหมาะสม
ส่วนที่พรรคเพื่อไทยจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 เพื่อจำกัดอำนาจศาลรัฐธรรมนูญนั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า ขอให้ทำด้วยความรอบคอบ เพราะศาลรัฐธรรมนูญผ่านขั้นตอนการพัฒนาต่างๆ มาเพื่อให้ปลอดจากการเมือง หากจะย้อนยุคให้ฝ่ายการเมืองมาแต่งตั้งศาลรัฐธรรมนูญจะทำลายระบบถ่วงดุลอำนาจ ทำให้ศาลรัฐธรรมนูญตกเป็นเครื่องมือฝ่ายการเมือง พิทักษ์รัฐบาลมากกว่าทำหน้าที่ถ่วงดุล อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่ฝ่ายค้านจะคัดค้านหากมีการแก้ไข คือ มาตรา 309 เพราะสอดรับกับกฏหมายล้างผิดให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
ขณะที่ศ.ร.ต.อ.ดร.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ และประธานพรรครักษ์สันติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ชื่อ "ศ.ร.ต.อ.ดร. ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ (Purachai Piumsomboon)" แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ว่า พรรครักษ์สันติขอแสดงความขอบคุณในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 ซึ่งมีผลทำให้บ้านเมืองเกิดความสันติสุข เรียบร้อย พร้อมกับได้ให้คำแนะนำว่ามติของประชาชนนั้นมีความสำคัญยิ่ง ก่อนที่จะมีการตัดสินใจแก้ไขรัฐธรรมนูญ
พรรครักษ์สันติมีความเห็นพ้องในการที่จะไม่ยินยอมให้เสียงข้างมากในรัฐสภา แก้ไขรัฐธรรมนูญตามอำเภอใจ มิเช่นนั้นแล้ว ถ้าพรรคใดขึ้นมาเป็นรัฐบาลก็จะทำการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ทางการเมืองอย่างไม่จบสิ้นโดยไม่สนใจเสียงของประชาชน
ในท้ายที่สุด พรรครักษ์สันติเรียกร้องขอให้ทุกฝ่ายที่พยายามสร้างแรงกดดันในการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยไม่ฟังเสียงของประชาชนนั้น ให้ฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญโดยเห็นผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ