ดีเอสไอเลื่อนรับ “บีทีเอส” เป็นคดีพิเศษ
"ธาริต" แจง กคพ.เลื่อนถกรับคดีต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าบีทีเอส เป็นคดีพิเศษ มอบหมายดีเอสไอสอบข้อเท็จจริงเพิ่ม หลัง กทม.ยันมีอำนาจดำเนินการ
วันที่ 27 มิถุนายน นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แถลงผลการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ครั้งที่ 5 / 2555 ประจำเดือนมิถุนายนว่า ที่ประชุมมีมติรับคดีพิเศษเพิ่ม 2 คดีคือ กรณีลักลอบทิ้งกากสารเคมี ในเขตพื้นที่ ม.10 ต.หนองรี อ.เมือง จ.ชลบุรี และคดีบุกรุกออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ จำนวน 22 โฉนดเนื้อที่ 251 ไร่ มูลค่าความเสียหาย 37,000,000 บาทบริเวณอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ในเขต ม.13 ต.โพธิ์งาม อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี
ส่วนกรณีต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าบีทีเอส ที่ประชุม กคพ.พิจารณาเบื้องต้นแล้วเห็นว่า เมื่อกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้มีหนังสือร้องขอให้ กคพ .พิจารณาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม เพื่อให้ข้อเท็จจริงครบถ้วนสมบูรณ์ เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย จึงได้มอบหมายให้ดีเอสไอไปแสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม โดยเฉพาะกรณีที่ กทม. ยืนยันว่าได้ดำเนินการไปโดยมีอำนาจ ขณะที่การตรวจสอบของดีเอสไอเบื้องต้นเห็นว่าไม่มีอำนาจ เพราะทำสัญญาโดยฝ่าฝืนประกาศคณะปฏิวัติฯ ฉบับที่ 58 ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวจะนำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม กคพ.อีกครั้งในวันที่ 4 ก.ค. พร้อมด้วยอีก 2 คดีคือ กรณีการกระทำความผิด พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง กรณีบริษัท อีสเวอร์เตอร์ บริจาคเงินเข้าบัญชีพรรคประชาธิปัตย์เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย และกรณีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาล ซึ่งจะยกยอดไปพิจารณาในคราวต่อไป
นายธาริต กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีบุกรุกที่ดินเขาแพง จ.สุราษฎร์ธานีว่า การสอบสวนใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งในเบื้องต้นพบมูลความผิดในหลายกรณี อาทิ การออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ การขุดหนองน้ำปิดกั้นทางน้ำสาธารณะโดยมีชอบ และการใช้งบประมาณท้องถิ่นสร้างถนนเข้าไปในพื้นที่ โดยในสัปดาห์นี้จะให้โอกาสผู้เข้าข่ายตกเป็นผู้ต้องหาชี้แจงรายละเอียดต่อพนักงานสอบสวนเพิ่มเติม ก่อนที่จะมีข้อยุติและแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป