“ถาวร” แนะยืดเวลาปรองดอง รอคนทำใจได้ก่อน
รองหัวหน้าพรรค ปชป. แนะยืดเวลาปรองดอง รอทุกอย่างดูดี-คนทำใจได้ เสนอเริ่มกระบวนการใหม่ดึงวิป 2 ฝ่าย-คนกลางร่วมหารือ
วันที่ 2 มิถุนายน สมานักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ร่วมกับสถาบันอิศรา มูลนิธิพัฒนาสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย จัดกิจกรรมราชดำเนินเสวนาหัวข้อ “พ.ร.บ.ปรองดอง เพื่อใคร?” ณ อาคารสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย โดยมีนายชวลิต ชยสุทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นายถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และพล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ ผู้อำนวยการสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า ร่วมเป็นวิทยากร
พล.อ.เอกชัย กล่าวว่า การปรองดองนั้นอันที่จริงๆ จำเป็นต้องทำเป็นกฎหมาย เราไม่ได้ปฏิเสธเรื่องการปรองดอง เพราะไม่ได้เห็นด้วยกับการปฏิวัติอยู่แล้ว แต่ขณะนี้ผิดขั้นตอนไป ซึ่งตามแนวทางเดิมที่สถาบันพระปกเกล้าเสนอคือ ต้องสร้างบรรยากาศให้เอื้อต่อการปรองดอง เลิกที่จะเอาปัญหาต่างๆ มาโจมตีกัน พร้อมทั้งเปิดพื้นที่ให้มีการพูดคุยสานเสวนา ทั้งในระดับการเมือง ชุมชน กลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ไม่เห็นด้วย เช่น ข้อเสนอของกลุ่มพันธมิตรฯ หรือกลุ่มอื่นๆ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้เริ่มทำอะไรเลย
“นอกจากนี้สิ่งที่เป็นเงื่อนไขสำคัญอีกอย่างของการปรองดองคือ จะต้องมีการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจและการเมือง เพราะเมื่ออำนาจไปอยู่ในมือกลุ่มนายทุน ก็ทำให้กลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมือง เช่น พันธมิตรฯไม่ไว้ใจ รวมถึงปัญหาการคอร์รัปชั่น ผลประโยชน์ทับซ้อน”
พล.อ.เอกชัย กล่าวถึงกระบวนการปรองดองในขณะนี้ว่า เป็นไปอย่างรีบเร่ง จึงสร้างความกังวลให้กับคนส่วนใหญ่ว่า พ.ร.บ.ปรองดองฯ จะผ่านรวดเดียว 3 วาระ ขณะที่การออก พ.ร.บ.ดังกล่าวเป็นไปเพื่อเอาคนกลับบ้าน คดีความ โดยเฉพาะคดีคอร์รัปชั่นจะถูกยกเลิกทั้งหมด คืนเงิน 4.6 ล้านบาทหรือไม่ ซึ่งถ้าเรื่องนี้ต้องตอบให้ชัดเจน เขียนเป็นลายลักษณ์อักษรว่าจะไม่เกี่ยวข้อง ก็จะช่วยคลายความกังวลของประชาชนได้
“ขณะเดียวกันต้องพูดให้ชัดเจนด้วยว่า คดีความทั้งหมดต้องนำไปสู่การดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรมปกติ ถึงแม้ว่าทั้งสองฝ่าย จะไม่เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำก็ตาม ทั้งนี้ ตนเห็นว่า กระบวนการยุติธรรมในองค์กรอิสระต่างๆ ถ้าดำเนินการไปตามกฎหมาย กรอบเวลา ไม่ใช่รีบเร่งหรือเชื่องช้า ก็จะช่วยคลายความสงสัย ลดโทนของความรุนแรงได้อีกเช่นกัน”
พล.อ.เอกชัย กล่าวถึงภาพเหตุการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในรัฐสภาด้วยว่า ในฐานะปัญญาชน การปะชิด ถึงตัว ใช้กำลังไม่น่าจะเกิดขึ้นในรัฐสภาไทย เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้สังคมนอกสภามีอารมณ์รุนแรงตามไปด้วย ซึ่งสังคมต้องจับตา ไม่ให้สภาไทยเกิดเช่นเดียวกับเหมือนสภาไต้หวัน เกาหลี ซึ่งดูป่าเถื่อนเกินไป
ด้านนายชวลิต กล่าวถึงการดำเนินการของพรรคเพื่อไทย ในเรื่อง พ.ร.บ.ปรองดองว่า พ.ร.บ.ดังกล่าว ผู้ที่ได้รับประโยชน์จากการปรองดองถูกพุ่งเป้ามาที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร คนเดียว แต่ที่จริงแล้วเรามองภาพรวมคือประโยชน์ของคนทั้งประเทศ เพราะความแตกแย้งของบ้านเมืองขณะนี้เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศชาติ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ที่ต้องเร่งขจัด
“การเสนอ พ.ร.บ.ดังกล่าว ผมเห็นด้วยในหลักการ และยืนยันว่า ไม่ได้ทำเพื่อคนใดคนหนึ่ง พ.ร.บ.ดังกล่าวถ้ามองภาพรวมมีผู้ได้รับประโยชน์ทั้งผู้ชุมนุมทางการเมืองทุกกลุ่ม เช่น กลุ่มพันธมิตรฯ มีคดีจำนวน 152 คดี กลุ่ม นปช. มีคดีจำนวน 124 คดี เจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลใดๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการป้องกัน ระงับ หรือปราบปรามในเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง ผู้ได้รับผลกระทบจากประกาศ คปค. รวมทั้งกรรมการบริหารพรรค ฉะนั้นชัดเจนว่าไม่ได้ทำเพื่อคนคนเดียว”
นายชวลิต กล่าวต่อว่าถ้าเราใช้แนวทาง พ.ร.บ.ปรองดองฯ ซึ่งเป็นหลักของการให้อภัย ความยุติธรรมสมานฉันท์จะแก้ไขช่วยปัญหาของประเทศได้ แต่ถ้าเราใช้โทษทางอาญาอย่างเดียว โดยเฉพาะกับคดีอาญาที่มีเหตุจูงใจทางการเมือง บ้านจะวุ่นวาย ทั้งนี้ ในอดีตผู้ที่ออกกฎหมายนิรโทษกรรม ทั้งในรูปแบบพระราชกำหนด พระราชบัญญัติ และมักจะเงื้อมมือมาจากรัฐบาลทั้งสิ้น แต่เนื่องจากนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นน้องสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงให้น้ำหนักกับการดำเนินการรัฐสภา
ส่วนแนวทางการดำเนินการในเรื่องนี้ต่อไป นายชวลิต กล่าวว่า เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามา พรรคเพื่อไทยยืนยันว่าจะดำเนินการโดยคำนึงภาพรวม ยึดการดำเนินการอยู่ภายใต้รัฐสภา
ขณะที่นายถาวร กล่าวถึงร่าง พ.ร.บ.ปรองดองฯ ว่า ชื่อดูเป็นหนังสือธรรมะ แต่เมื่อเปิดดูเนื้อในกลับกลายเป็นหนังสือโป๊ เป็นการยกโทษให้กับคนที่กระทำความผิด โดยที่ไม่มีกระบวนการสานเสวนา รับฟังความคิดเห็น ค้นหาความจริงใดๆก่อน
“พ.ร.บ.ปรองดองทั้ง 4 ฉบับ เป็นการปล่อยให้คนผิดลอยนวล ซึ่งการปล่อยคนผิดลอยนั้นเกิดขึ้นได้ ถ้ายอมรับว่าผิด ขอโทษต่อผู้ที่ได้รับความเสียหาย และพรรคประชาธิปัตย์พร้อมที่จะให้มีการนิรโทษกรรม ถ้าดำเนินการตามวิธีการที่ชอบตามหลักสากล เพราะพ.ต.ท.ทักษิณติดคุก 2 ปี พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ดีขึ้นอะไร แต่สิ่งที่กังวลคือ การสูญเสียหลักการ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ที่ควรถนอมเอาไว้ การปกครองในระบอบประชาธิปไตยต้องเคารพเสียงข้างมาก แต่เสียงข้างน้อยก็ต้องรับฟังด้วย”
นายถาวร กล่าวต่อว่า กฎหมายฉบับดังกล่าวไม่ได้ออกมาเพื่อทักษิณคนเดียว แต่ออกมาเพื่อบริวารด้วย ขณะที่วัตถุประสงค์เชิงลึกในการออกกฎหมายทุกคนก็รู้ จะกลับบ้านบ้านเท่ห์ๆ ทุกคนในประเทศไทยตามกันทัน การสร้างวาทกรรมซ้อนเร้น ลวงโลกว่าปรองดองมันไม่ใช่ แต่เป็นการสร้างความวุ่นวาย ซึ่งตนกังวลว่าจะนำไปสู่ความรุนแรง
“ปชป.พร้อมให้มีการปรองดอง แต่ขอให้ใจเย็นกว่านี้ ต้องค้นหาความจริง หาข้อยุติบนความเสมอภาค เยาวชนรุ่นหลังต้องเห็นตัวอย่างว่า โกงแล้ว สั่งฆ่าประชาชน เผาบ้านเมืองเป็นอย่างไร เพราะบ้านเมืองจะสงบสุข เกิดความปรองดองขึ้นได้นั้น ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ผู้กระทำความผิด ตลอดจนผู้ทำปฏิวัติรัฐประหาร ปล้นประชาธิปไตยต้องถูกดำเนินคดี”นายถาวร กล่าว พร้อมทั้งเสนอว่า ถ้าจะสร้างกระบวนการปรองดองให้เกิดขึ้นจริง ต้องนำผู้นำสองฝ่าย วิปฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาลมาพูดคุยกัน หาคนกลางมาร่วมหารือ รวมทั้งทอดเวลาให้ทุกอย่างดูดี ทุกคนทำใจได้”
ส่วนเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดขึ้นในรัฐสภานั้น นายถาวร กล่าวว่า เกิดจาการเลื่อนวาระเรื่องด่วนการประชุมสภาในวันนั้น ส.ส.ก็มีอารมณ์ แรงกดดันจากเหตุการณ์เฉพาะหน้า ซึ่งตนต้องแสดงเสียใจ ขอโทษต่อคนที่ผิดหวัง เพราะหลายคนอาจมองว่า ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ต้องมีวัตรปฏิบัติ รองๆ จากพระ