“ยิ่งลักษณ์” กวาดบ้าน อุดช่องโหว่ทุจริต ประกาศชัด ต้องไม่มีการซื้อขายตำแหน่ง
นายกฯ เดินหน้า ปฏิบัติการณ์ “ยุทธศาสตร์ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น” มอบนโยบายหน่วยงานภาครัฐ ‘กวาดบ้านตนเอง’ ปิดช่องโหว่ทุจริต ประกาศชัด ต้องไม่มีการซื้อขายตำแหน่ง
วันที่ 18 พฤษภาคม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดประชุมเชิงปฏิบัติการณ์ “ยุทธศาสตร์ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น” ณ ศูนย์ประชุมวายุภักษ์ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ ภายใต้แนวคิด “ประเทศไทยก้าวไกลไร้ทุจริต”
นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งถึงปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นถือเป็นปัญหาสำคัญของประเทศไทย ที่ทำให้ภาครัฐต้องสูญเสียงบประมาณโดยไม่จำเป็น ซึ่งผลการศึกษาขององค์การสหประชาชาติพบว่า การทุจริตคอร์รัปชั่นนั้นเป็นบ่อนทำลายความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ กระทบต่อต้นทุนในการประกอบธุรกิจ สูญเสียทรัพยากรธรรมชาติ และสร้างความเหลื่อมล้ำทางสังคม
“ขณะเดียวกันในช่วงปี พ.ศ.2550-2554 ที่ผ่านมา ดัชนีชี้วัดความโปร่งใสในการทุจริตคอร์รัปชั่นของไทย มีคะแนนอยู่ที่ 3.3-3.5 คะแนนจากคะแนนเต็ม 10 ซึ่งต่ำกว่าประเทศในภูมิภาคเดียวกัน ฉะนั้น การรวมตัวครั้งนี้ถือเป็นนิมิตรหมายอันดี ที่จะร่วมกันกำจัดศัตรูร้าย ตัดวงจรที่ทำให้รัฐเสียงบประมาณ เพื่อสร้างความคุ้มค่าต่อสิ่งที่ประชาชนคาดหวัง”
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น รัฐบาลได้กำหนดเป็นนโยบายเร่งด่วน และเพื่อเร่งดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรม มีความโปร่งใสและเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล รัฐบาลจะเข้าไปปรับปรุงขั้นตอนการบังคับใช้กฎหมายต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องการแต่งตั้งโยกย้าย จะต้องไม่มีการซื้อขายตำแหน่ง นอกจากนี้จะมีการมอบรางวัลให้กับคนตั้งใจดี
สำหรับแผนงานเชิงรุกของรัฐบาลนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประกอบด้วย 1. การปลูกจิตสำนึกและสร้างความตระหนัก โดยการสร้างข้าราชการไทยไร้ทุจริต มอบรางวัลเพื่อเชิดชูเกียรติ 2.การพัฒนาองค์กร โดยส่งเสริมให้ส่วนราชการ ริเริ่มจัดทำข้อเสนอการเปลี่ยนแปลง เพื่อสร้างความโปร่งใสในการปฏิบัติราชการของตนเอง พัฒนาหรือปรับปรุงกระบวนการที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดทุจริต ผ่านกระบวนการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง (Action Learning) ซึ่งมุ่งเน้นให้เกิดการพัฒนาด้วยความเต็มใจ การยอมรับร่วมกันของเจ้าหน้าที่ภายในองค์กร รวมทั้งให้มีการจัดตั้งศูนย์หรือกลุ่มงานในหน่วยราชการ เพื่อปฏิบัติการณ์ต่อต้านทุจริตคอร์รัปชั่น
3.การตรวจสอบและเฝ้าระวังเชิงรุก โดยจัดตั้งศูนย์ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น (Anti-Corruption War Room) เพื่อบูรณาการด้านการตรวจสอบ รับแจ้งเบาะแส เรื่องร้องเรียน ป้องกัน ปราบปราม อย่างเบ็ดเสร็จครบวงจร ณ จุเดียว และเชื่อมโยงรายงานทั้งหมดไปที่ศูนย์บัญชาการนายกรัฐมนตรี (PMOC) ที่จะสามารถตรวจสอบ ติดตามความก้าวหน้าได้ตลอดเวลา 4.การปราบปรามที่จริงจังและการลงโทษที่เข้มงวด ประกาศบทลงโทษผู้กระทำผิด ดำเนินคดีปราบปรามการทุจริตอย่างต่อเนื่อง
“นอกจากนี้ จะน้อมนำพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาใช้ ตามยุทธศาสตร์ การทำงานต้องระเบิดจากข้างใน เริ่มจากพื้นที่เล็กๆ ให้คนในหน่วยงาน ชุมชนมีความพร้อมเสียก่อน จึงระเบิดสู่ภายนอก จึงได้มอบหมาย ให้ทุกหน่วยราชการและจังหวัดกวาดบ้านของตนเอง โดยการตรวจสอบว่า กระบวนการภายในหน่วยงานของตน ส่วนใดมีช่องโหว่ หรือจุดเสี่ยงต่อการทุจริตเกิดคอร์รัปชั่นสูง ก็ให้จัดทำโครงการ 1 หน่วยงาน 1 ข้อเสนอการเปลี่ยนแปลง เพื่อสร้างความโปร่งใสในการปฏิบัติราชการ”
ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวด้วยว่า การแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นนั้น ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อทำให้ภาพลักษณ์คอร์รัปชั่นของประเทศดีขึ้น เป็นที่ยอมรับในระดับสากล
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้ร่วมกับคณะรัฐมนตรี อาทิ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายปลอดประสพ สุรัสวดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฯลฯ ประกาศเจตนารมณ์การไม่ทุจริตคอร์รัปชั่น และเปิดศูนย์ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น (Anti-Corruption War Room) ซึ่งเป็นศูนย์ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแบบบูรณาการ ที่มีช่องทางให้ประชาชนสามารถแจ้งเรื่องร้องเรียนการทุจริตผ่านสายด่วน หมายเลข 1206 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เมื่อพบเห็นการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าข่ายทุจริต ประพฤติมิชอบในวงราชการ โดยเฉพาะการซื้อขายตำแหน่ง