ยกคำสั่งอุทธรณ์ศาลชั้นต้น กรณีเปิด-ปิด ปตร.คลองมหาสวัสดิ์
ศาล ปค. สูงสุด ยกคำสั่งศาลชั้นต้น กำหนดมาตรการคุ้มครอง-บรรเทาทุกข์ชั่วคราว คดีคนนนท์ฯ ฟ้อง ศปภ. เปิด-ปิดประตูระบายน้ำคลองมหาสวัสดิ์เพิ่มขึ้น เหตุมวลน้ำสลายสิ้นไปแล้ว
วันที่ 15 มีนาคม เวลา 14.00 น. ศาลปกครองนัดอ่านคำพิพากษา คดีพิพาทระหว่างนางทศสิริ พูลนวล ผู้ฟ้องคดี กับศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และกรุงเทพมหานคร ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ปิดกั้นทางระบายน้ำทางด้านทิศเหนือและทิศใต้ของจังหวัดนนทบุรี ทำให้น้ำไม่สามารถไหลลงสู่ทะเลได้ เป็นเหตุให้น้ำท่วมขังและเน่าเสียบริเวณบ้านพักของผู้ฟ้องคดี
โดยศาลปกครองสูงสุดพิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังยุติได้ว่า มูลกรณีที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งกำหนดมาตรการเพื่อเบาเทาทุกข์ชั่วคราว ก่อนการพิพากษา ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ร่วมกันพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ในการเปิด – ปิด ประตูระบายน้ำคลองมหาสวัสดิ์เพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วนที่เหมาะนั้น เมื่อปรากฏว่าปัจจุบันมวลน้ำอันเป็นต้นเหตุแห่งการใช้มาตรการดังกล่าวได้สลายสิ้นไปแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องมีมาตรการหรือวิธีการใดเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราว ก่อนการพิพากษาอีก
ศาลปกครองสูงสุดจึงเห็นควรยกคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้นดังกล่าว โดยไม่จำเป็นต้องพิจารณาคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1
ด้านนางทศสิริ กล่าวภายหลังการฟังคำพิจารณาของศาลว่า การอ่านคำพิพากษาของศาลในครั้งนี้ เป็นแต่เพียงการยกคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้นในกรณีการออกมาตรการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราว ก่อนการพิพากษาเท่านั้น ส่วนคดีที่มีการฟ้องร้องในส่วนการบริหารจัดการน้ำที่ผิดพลาด มีผลกระทบกระเทือนต่อประชาชนนั้น ยังคงดำเนินต่อไป ทั้งนี้ นางทศสิริ กล่าวด้วยว่า การฟ้องร้องคดีของตนนั้น เพื่อเป็นตัวอย่างของสังคม ที่ต้องให้ประชาชนผู้มีส่วนได้เสียเข้าไปมีส่วนร่วมพิจารณาแก้ปัญหา ไม่ใช่รอให้ประชาชนออกมาเรียกร้อง ฟ้องร้อง
“แนวทางการบริหารจัดการน้ำในปี 2555 มีแนวโน้มว่า วงจรปัญหายังหมุนไปเช่นเดิม วิธีคิดของรัฐบาลยังไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วม เช่นการสร้างเขื่อนรอบนิคมอุตสาหกรรมในขณะนี้ ทั้งนี้ รัฐบาลต้องรับฟังความรู้สึกของประชาชน คำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชน ให้ประชาชนมีส่วนร่วม ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยลดปัญหาความขัดแย้งลงได้”