แม่ทัพ 4 ลั่นไม่หลงกลกลุ่มป่วนใต้ขวางทางสันติสุข - 2 วันป่วนหนัก ยิง 4 บึ้ม 4
ที่ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 (ผอ.รมน.ภาค 4) เปิดแถลงข่าวเมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 ม.ค.ถึงเหตุการณ์คนร้ายบุกโจมตีฐานปฏิบัติการกองร้อยทหารราบที่ 15121 (ร้อย ร.12521) ที่ ต.มะรือโบตก อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เมื่อค่ำวันที่ 19 ม.ค.2554 จนทำให้กำลังพลเสียชีวิต 4 ราย ได้รับบาดเจ็บ 6-7 นาย และอาวุธปืนหายไปอีกจำนวนหนึ่ง
พล.ท.อุดมชัย กล่าวว่า การก่อเหตุในครั้งนี้กลุ่มคนร้ายได้เตรียมแผนมาเป็นอย่างดี โดยมีการโจมตีจุดยุทธศาสตร์ฐานที่มั่นของทหารทางด้านหน้าฐานปฏิบัติการก่อน โดยมีการดับไฟ ตัดต้นไม้ และการโปรยตะปูเรือใบ แล้วก็เข้ามาทางด้านหลังของฐานปฏิบัติการด้วย ในขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารยังไม่ทันได้ตั้งตัว จนเป็นเหตุให้เกิดการสูญเสียขึ้น
ขอชี้แจงให้ประชาชนทราบว่า ทางเจ้าหน้าที่จะไม่หลงกลต่อกับดักของฝ่ายตรงข้ามที่ปฏิบัติการทางทหารครั้งนี้เพื่อยั่วยุให้ใช้ความรุนแรงกับพี่น้องประชาชน หวังให้หยุดนโยบายการสร้างความเจริญ สร้างความสันติสุข ฉะนั้นเจ้าหน้าที่จะปฏิบัติตามนโยบายต่อไป เพื่ออุดช่องว่างไม่ให้เกิดเหตุในลักษณะนี้ขึ้นอีก
ยังตอบไม่ได้ปืนหายกี่กระบอก-สั่งเอ็กซเรย์บูโด
ส่วนกรณีของอาวุธปืนที่คนร้ายนำไปด้วยมีจำนวนเท่าไหร่นั้น พล.ท.อุดมชัย กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่สามารถระบุจำนวนที่ชัดเจนได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งอาวุธปืนบางส่วนได้รับความเสียหายจากการถูกเผา แต่ยืนยันว่าทางเจ้าหน้าที่จะเร่งรัดติดตามอาวุธปืนที่สูญหายไปกลับคืนมาให้ได้โดยเร็วที่สุด โดยขณะนี้ได้มีการจัดกำลังติดตามไล่ล่าผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์บริเวณรอบๆ พื้นที่ และในพื้นที่ใกล้เคียงกับจุดที่เกิดเหตุ
เมื่อวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ 1 ราย เป็นคนในพื้นที่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายผลว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือไม่อย่างไร
ในส่วนของมาตรการดูแลฐานปฏิบัติการต่างๆ ของทหารนั้น หลังเกิดเหตุได้ได้ประชุมหัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจทุกหน่วย และได้สั่งการวางมาตรการป้องกันเพื่อปิดช่องว่าง ซึ่งปัจจุบันทุกหน่วยมีความพร้อมแล้ว ส่วนพื้นที่เฝ้าระวังที่จะต้องดูแลเป็นพิเศษคือ พื้นที่รอบๆ เทือกเขาบูโด ที่กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบยังสามารถลัดเลาะผ่านเข้ามาได้
โต้ข่าว "เกลือเป็นหนอน" – ชี้แก๊งคนร้าย "รวมดารา"
สำหรับการปล่อยข่าวว่ามี “เกลือเป็นหนอน” ในฐานปฏิบัติการที่ถูกโจมตีนั้น แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า เป็นความพยายามสร้างความแตกแยกระหว่างเจ้าหน้าที่ไทยพุทธ ชาวไทยพุทธ และเจ้าหน้าที่มุสลิม พี่น้องไทยมุสลิม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงกันต่อไปว่าเป็นความจริงหรือไม่ แต่มีข้อสังเกตว่าเมื่อครั้งเกิดเหตุปล้นปืนที่ค่ายปิเหล็ง (กองพันพัฒนาที่ 4 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส) เมื่อปี 2547 ก็มีการปล่อยข่าวในลักษณะนี้ ส่วนตัวเชื่อมั่นทหารทุกนายว่าไม่มีใครไปทำเช่นนั้น
“กลุ่มที่ก่อเหตุเป็นการรวมตัวกันของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบจากหลายๆ กลุ่ม หลายๆ พื้นที่ ไม่ได้หมายความว่ากลุ่มคนร้ายมีกองกำลังจริงๆ มากขนาดนั้น กลุ่มนี้จะอาศัยช่องว่างที่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติเผลอ มาก่อเหตุสร้างสถานการณ์เพื่อให้เกิดความสูญเสียและความน่ากลัวมากยิ่งขึ้น” แม่ทัพภาคที่ 4 ระบุ
พล.ท.อุดมชัย กล่าวด้วยว่า นโยบายการทยอยยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในบางพื้นที่ของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทำให้เกิดเหตุคนร้ายถล่มฐานปฏิบัติการของทหารในครั้งนี้
หลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าว ได้มีกลุ่มพลังมวลชนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วย ผู้นำศาสนา กลุ่มแม่บ้าน กลุ่มสภาสันติสุขตำบล กลุ่มญาลันนันบารู กลุ่มนักเรียนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ตัวแทนสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ยะลา สมาคมปัญญาชนมุสลิมจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งหมดรวม 220 คน เดินทางเข้าพบเพื่อมอบกระเช้าดอกไม้ให้กำลังใจ พล.ท.อุดมชัย และเจ้าหน้าที่ทหาร ให้ปฏิบัติงานดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ต่อไป
จัด7ชุดปฏิบัติการพิเศษล่า-รวบ8ต้องสงสัย
มีรายงานว่า พล.ท.อุดมชัย ได้สั่งตั้งชุดปฏิบัติการพิเศษและคณะทำงานพิเศษออกติดตามไล่ล่าและหาเบาะแสกลุ่มผู้ก่อเหตุร่วมกับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 38 และกำลังทหารพรานจำนวน 7 ชุด จำนวนกว่า 400 นาย โดยเน้นพื้นที่ป่าเขา ตลอดจนหมู่บ้านที่มีแนวร่วมหลบซ่อนตัวอยู่ ซึ่งล่าสุดได้มีการปิดล้อมตรวจค้นหมู่บ้านต้องสงสัยและควบคุมตัวกลุ่มวัยรุ่นเอาไว้ได้ 8 คน
ขณะเดียวกัน ชุดปฏิบัติการพิเศษยังพบผ้าพันคอ เศษอาหาร และเครื่องอุปโภคบริโภคคาดว่าเป็นของคนร้าย ถูกทิ้งบนเทือกเขาบูโดอีกด้วย
จ่อยิงเจ้าของสวนปาล์มดับที่นราฯ
ด้านสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ตลอดช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังคงเกิดเหตุรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 07.30 น.วันอาทิตย์ที่ 23 ม.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนราธิวาส รับแจ้งพบศพ นายช่วย พรหมศร อายุ 69 ปี ภายในสวนปาล์มนิคมสหกรณ์บาเจาะ บ้านฮุแตทูวอ หมู่ 4 ต.โคกเคียน อ.เมือง จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นสวนปาล์มของนายช่วยเอง จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบศพนายช่วยอยู่ในสภาพนั่งคุกเข่าคล้ายกำลังก้มกราบขอชีวิต ที่ศีรษะและสะโพกมีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 11 มม. คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมง
สอบปากคำ นางละออง เดชบุญ อายุ 49 ปี ภรรยาของนายช่วย ทราบว่า สามีขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 22 ม.ค. เพื่อเข้าไปในสวนปาล์ม จากนั้นก็หายตัวไป ต่อมานางและลูกๆ ได้ช่วยกันออกตามหา กระทั่งพบศพสามีถูกยิงเสียชีวิตดังกล่าว และรถจักรยานยนต์ของนายช่วยก็หายไปด้วย
ข้อมูลจากการสืบสวนทราบว่า สวนปาล์มของนายช่วยมีพื้นที่มากถึง 20 ไร่ มีรายได้จากการขายผลปาล์มประมาณ 2 แสนบาทต่อเดือน ที่ผ่านมามีนายหน้าหลายคนพยายามมาติดต่อขอซื้อสวนปาล์ม แต่นายช่วยไม่ยอมขาย ทำให้ในช่วง 2-3 เดือนมานี้ สวนปาล์มของนายช่วยถูกลอบวางระเบิดแล้ว 2 ครั้ง และล่าสุดมีคนร้ายลอบยิงนายช่วยจนเสียชีวิต เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปว่าเป็นการกระทำของกลุ่มใด
อส.ปะนาเระสังเวยอีกศพ-บึ้มรถตำรวจไร้เจ็บ
ส่วนที่ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี คนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบยิง นายอับดุลรอแม ดอเลาะ อายุ 47 ปี อาสารักษาดินแดน (อส.) สังกัดกองร้อย อส.ปะนาเระที่ 3 และเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านบ้านกลาง อ.ปะนาเระ ขณะขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านเพื่อไปเข้าเวรในเขตเทศบาลตำบลปะนาเระ โดยใช้เส้นทางลัดในหมู่บ้าน เหตุเกิดในท้องที่บ้านปะนาเระ หมู่ 1 ต.ปะนาเระ ทำให้นายอับดุลรอแมเสียชีวิตคาที่ เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
เวลา 17.50 น.วันเดียวกัน คนร้ายลอบวางระเบิดรถกระบะหุ้มเกราะ หมายเลขทะเบียน ชผ 1062 กรุงเทพมหานคร ของตำรวจ สภ.สุคิริน จ.นราธิวาส ขณะกลับจาก อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา มุ่งหน้า อ.สุคิริน โดยคนร้ายนำระเบิดแสวงเครื่องวางไว้บนถนนในท้องที่บ้านเมาะตาโก๊ะ หมู่ 4 ต.ผดุงมาตร อ.จะแนะ จ.นราธิวาส โชคดีไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
ยิงชาวบ้านเจ็บ-ชรบ.ดับ-บึ้มข้างสำนักงาน ทีโอที
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันเสาร์ที่ 22 ม.ค. เวลา 03.30 น. เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิง นางแมะแย เจ๊ะแว อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7 บ้านสวนหมาก หมู่ 2 ต.ท่าน้ำ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ขณะกำลังกรีดยางอยู่ในสวนยางพาราบ้านตะโละ หมู่ 1 ต.ท่าน้ำ ทำให้นางแมะแยได้รับบาดเจ็บสาหัส เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปผลการสอบสวนมีสาเหตุมาจากเรื่องใด
เวลา 07.50 น. เกิดเหตุคนร้ายจำนวน 2 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกขนาด 11 มม.ประกบยิง นายแวอิบรอเฮม มัตรูดิน อายุ 37 ปี ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) บ้านบาฮง หมู่ 4 ต.บาราเฮาะ อ.เมือง จ.ปัตตานี ขณะที่ นายแวอิบรอเฮมกำลังขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน หลังเสร็จภารกิจเข้าเวรรักษาความปลอดภัยที่โรงเรียนบ้านกาฮง เหตุเกิดบนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 410 หน้ามัสยิดบ้านกาฮง ทำให้นายแวอิบรอเฮมเสียชีวิตคาที่ หลังก่อเหตุคนร้ายยังได้ชิงอาวุธปืนพกประจำกายของผู้ตายไปด้วย เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุของการลอบสังหาร
ช่วงเวลาใกล้เคียงกัน เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้โทรศัพท์มือถือกดจุดชนวนระเบิดแสวงเครื่องที่วางไว้ข้างรั้วกำแพงสำนักงานของบริษัท ทีโอที สาขาเทศบาลตำบลตะลุบัน อ.สายบุรี จ.ปัตตานี แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ โดยระเบิดที่คนร้ายใช้บรรจุในท่อเหล็กเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 นิ้ว ยาว 8 นิ้ว ใช้ปุ๋ยยูเรียเป็นดินระเบิด และใช้เหล็กตัดท่อนกับตะปูขนาด 1 นิ้วเป็นสะเก็ดระเบิด
เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าคนร้ายต้องการประทุษร้ายเจ้าหน้าที่ทหารที่มักไปซื้อน้ำดื่มบรรจุขวดขนาด 20 ลิตรไปใช้ในฐานปฏิบัติการ ซึ่งร้านจำหน่ายน้ำดื่มดังกล่าวอยู่ตรงข้ามกับสำนักงาน ทีโอที เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
กดระเบิดกลางสามแยกเมืองนราฯเจ็บ 1
ช่วงเช้าวันเดียวกัน ที่ จ.นราธิวาส คนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบวางระเบิดบริเวณสามแยกเรือกอและ ถนนโคกเคียน ต.บางนาค อ.เมืองนราธิวาส เป็นเหตุให้ นายปรีชา ดอเลาะ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 51/1 บ้านโคกพะยอม หมู่ 2 ต.โคกเคียน ถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณหน้าแข้งขวา ได้รับบาดเจ็บ พลเมืองดีช่วยกันนำส่งโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ เหตุเกิดขณะที่นายปรีชาขี่รถจักรยานยนต์จอดติดไฟแดงอยู่ที่สามแยกดังกล่าว
จากการตรวจสอบจุดเกิดเหตุของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า คนร้ายได้ซุกซ่อนระเบิดแสวงเครื่องคล้ายระเบิดแบบเครโม น้ำหนักประมาณ 5 กิโลกรัม จุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ บรรจุในกล่องโลหะมัดติดกับเสาเหล็กของแขวงการทางข้างถนน โดยใช้กล่องกระดาษปิดทับไว้ หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ติดตามควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ 2 ราย
สร้างเหตุลวง จนท.ตรวจสอบก่อนบึ้มซ้ำเจ็บ 1
เวลา 19.40 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวน ลอบวางระเบิดแสวงเครื่องบนถนนสาย 4056 บ้านบูเก๊ะตาโมง หมู่ 7 ต.บูกิต อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ทำให้ นายอาดือนัน สาและ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38/1 บ้านมะรือโบออก หมู่ 1 ต.มะรือโบออก อ.เจาะไอร้อง ถูกสะเก็ดระเบิดได้รับบาดเจ็บ
สอบสวนทราบว่า เมื่อเวลาประมาณ 19.30 น. เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 31 ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 2 ชุดประมาณ 3-5 นัด และได้รับแจ้งว่ามีราษฎรถูกยิงได้รับบาดเจ็บ 1 ราย บริเวณบ้านบูเก๊ะตาโมง หมู่ 7 ต.บูกิต จึงจัดกำลัง 2 ชุดปฏิบัติการเข้าตรวจสอบ โดยใช้รถยนต์วีว่า และรถยนต์กระบะหุ้มเกราะ
เมื่อถึงที่เกิดเหตุพบผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 และชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) รออยู่ก่อนแล้ว โดยมีรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นดรีม ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ล้มคว่ำอยู่ 1 คัน ซึ่งเป็นรถที่กลุ่มคนร้ายทิ้งลวงไว้ เมื่อชุด ชรบ.นำโดยนายอาดือนันตรวจการณ์ผ่านมาจึงลงไปตรวจสอบ คนร้ายได้กดจุดชนวนระเบิดที่ซุกซ่อนไว้ในรถจักรยานยนต์คันที่ล้มคว่ำ แรงระเบิดทำให้นายอาดือนันได้รับบาดเจ็บดังกล่าว เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 เปิดแถลงข่าวพร้อมรับมอบกระเช้าดอกไม้จากผู้นำศาสนาและกลุ่มพลังมวลชนในพื้นที่ (ภาพโดย อะหมัด รามันห์สิริวงศ์)
ขอบคุณ : คุณปาเรซ โลหะสัณห์ ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์คมชัดลึกประจำจังหวัดปัตตานี เอื้อเฟื้อข่าวบางส่วนจาก จ.ปัตตานี และขอบคุณสำนักข่าวเนชั่นเอื้อเฟื้อข่าวบางส่วนจาก จ.นราธิวาส