มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการโอนย้ายเงินออมในระบบการออมระยะยาวสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
วันที่ 29 พฤษภาคม คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงฉบับที่.. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการโอนย้ายเงินออมในระบบการออมระยะยาวสำหรับผู้ที่เป็นสมาชิกกองทุนสำรอง เลี้ยงชีพ) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
ข้อเท็จจริง
กระทรวงการคลัง เสนอว่า เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนการออมเพื่อการชราภาพที่จะให้ลูกจ้างซึ่งเป็นสมาชิกของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมีเงินไว้ใช้จ่ายเพื่อการดำรงชีพในยามชราภาพเพิ่มมากขึ้น สมควรปรับปรุงให้มีการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับเงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่ลูกจ้างได้รับจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพกรณีลูกจ้างออกจากงานเมื่อมีอายุไม่ต่ำกว่า 55 ปีบริบูรณ์ หรือออกจากงานก่อนอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์แต่ได้คงเงินไว้ในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจนอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ โดยไม่จำเป็นต้องมีเหตุของการเกษียณอายุ
สาระสำคัญของร่างกฎกระทรวง
1. ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่ได้รับเนื่องจากลูกจ้างออกจากงานเพราะตาย ทุพพลภาพ หรือเมื่อมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และเป็นสมาชิกของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี
2. ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่มีสิทธิได้รับจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เนื่องจากลูกจ้างออกจากงานในกรณีอื่นนอกจากข้อ 1 แต่เมื่อออกจากงานแล้วได้คงเงินหรือผลประโยชน์นั้นไว้ทั้งจำนวนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพและต่อมาได้รับเงินหรือผลประโยชน์หลังจากลูกจ้างผู้นั้นตาย ทุพพลภาพ หรือเมื่อมีอายุครบ 55 ปี บริบูรณ์ และเป็นสมาชิกของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี
3. การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามหลักการข้างต้นให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 เป็นต้นไป