ความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัย
วันที่ 20 พฤษภาคม 2555 คณะรัฐมนตรีรับทราบการให้ความช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัย ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้
1. การดำเนินการฟื้นฟู เยียวยานิคมอุตสาหกรรม เขตประกอบการอุตสาหกรรม และสวนอุตสาหกรรม 7 แห่ง ที่ประสบอุทกภัย ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดปทุมธานี ขณะนี้มีโรงงานประกอบกิจการแล้ว 605 ราย คิดเป็นร้อยละ 72.11 ของโรงงานทั้งหมด 839 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 27 เมษายน 2555)
2. การดำเนินการฟื้นฟูโรงงานขนาดใหญ่ และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ประสบอุทกภัย ซึ่งตั้งอยู่นอกเขตนิคมอุตสาหกรรม ขณะนี้มีโรงงาน สถานประกอบการอุตสาหกรรมขนาดใหญ่และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เปิดดำเนินการแล้ว 7,310 ราย คิดเป็นร้อยละ 92.70 ของสถานประกอบการทั้งหมด 7,886 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 27 เมษายน 2555)
3. มาตรการส่งเสริมการลงทุนสำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน
กระทรวงอุตสาหกรรมได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ดังต่อไปนี้ (ข้อมูล ณ วันที่ 27 เมษายน 2555)
3.1 การยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักรและอุปกรณ์แก่บริษัทที่ได้รับการส่งเสริมที่นำมาทดแทนเครื่องจักรและอุปกรณ์เดิมที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย จำนวน 373 โครงการ มูลค่า 90,258 ล้านบาท
3.2 อนุมัติวีซ่าและใบอนุญาตทำงานแก่บริษัทที่ได้รับการส่งเสริม ซึ่งอนุมัติไปแล้ว 203 บริษัท จำนวนคนต่างชาติ รวม 776 คน
3.3 เพิ่มสิทธิประโยชน์หรือยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีเงินได้ ให้ผู้ประกอบการที่ได้รับความเสียหายทั้งในกรณีทำการผลิตชั่วคราวหรือลงทุนใหม่ ซึ่งมีผู้ยื่นขอรับการส่งเสริมแล้ว จำนวน 33 โครงการ อนุมัติให้การส่งเสริมแล้ว 6 โครงการ เงินลงทุน 4,403 ล้านบาท
3.4 ยกเว้นค่าบริการในการออกใบอนุญาตให้ใช้ที่ดินและประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรมที่สูญหาย จำนวน 19 ราย คิดเป็นเงิน 2,033 บาท
3.5 ยกเว้นค่าบริการในการต่อใบอนุญาตให้ใช้ที่ดินและประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรมประจำปี 2555 จำนวน 60 ราย คิดเป็นเงิน 642,000 บาท
3.6 ยกเว้นค่าบริการในการออกหนังสือรับรองสิทธิประโยชน์ด้านภาษีอากรทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-PP & Paperless) ให้แก่ผู้ประกอบการในเขตประกอบการเสรี จำนวน 8,137 คำขอ คิดเป็นเงิน 732,330 บาท
3.7 อนุญาตให้ผู้ประกอบการนำคนต่างด้าวเข้ามาอยู่และทำงานได้เกินกว่าเกณฑ์ที่กำหนด โดยยกเว้นเป็นระยะเวลาตั้งแต่เกิดอุทกภัย จนถึงเดือนธันวาคม 2555 จำนวน 15 ราย เป็นช่างฝีมือ 31 คน ที่อนุญาตเป็นกรณีพิเศษ
3.8 บริการช่วยเหลือผู้ประกอบการในเขตประกอบการเสรีในการย้ายเครื่องจักร อุปกรณ์ วัตถุดิบ และผลิตภัณฑ์ ออกนอกเขตประกอบการเสรีไปยังสถานที่ประกอบการชั่วคราวโดยยังสามารถประกอบกิจการและปฏิบัติพิธีการศุลกากรได้ตามปกติ จำนวน 33 ราย
3.9 ให้การรับรองการเป็นผู้ประกอบการที่มีสถานประกอบการประสบอุทกภัยและอนุมัติการนำเข้าเครื่องจักร เพื่อใช้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีอากรตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่องการยกเว้นอากรศุลกากรในเขตพื้นที่ประสบอุทกภัย ลงวันที่ 5 มกราคม 2555 และประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการ และแนวทางในการรับรองผู้ประกอบการที่ประสบอุทกภัยและอนุมัติการนำเข้าเครื่องจักร ส่วนประกอบและอุปกรณ์ประกอบเครื่องจักร รวมถึงเครื่องมือเครื่องใช้ที่ใช้กับเครื่องจักรดังกล่าว เพื่อทดแทนหรือซ่อมแซมความเสียหายอันเนื่องมาจากอุทกภัย ลงวันที่ 24 มกราคม 2555 จำนวนเครื่องจักรที่อนุมัติ 1,686 เครื่อง คิดเป็นมูลค่า 7264.5 ล้านบาท
3.10 การยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีและค่าธรรมเนียมการต่ออายุใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานแก่ผู้ประกอบกิจการโรงงานที่ได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติตั้งแต่กลางปี พ.ศ. 2554 กรณีโรงงานตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร กรมโรงงานอุตสาหกรรมได้ออกประกาศให้ผู้ประกอบกิจการโรงงานที่ได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติแจ้งข้อมูลความเสียหายที่ได้รับเมื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วจึงแจ้งเป็นหนังสือให้ผู้ประกอบกิจการนำมายื่นยกเว้นค่าธรรมเนียมที่ถึงกำหนดชำระตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2554 ถึง 30 พฤศจิกายน 2559 แล้ว กรณีโรงงานในต่างจังหวัด อุตสาหกรรมจังหวัดเป็นผู้ดำเนินการรับแจ้งข้อมูลและให้ความเห็นชอบให้ยกเว้นค่าธรรมเนียม ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำบัญชีสรุปยกเว้นค่าธรรมเนียมต่ออายุใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานตรมประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ของผู้ประกอบกิจการโรงงาน รวม 3,392 ราย เป็นเงิน 112.9348 ล้านบาท
4. โครงการช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัย (ข้อมูล ณ วันที่ 27 เมษายน 2555)
4.1 โครงการจัดตั้งศูนย์พักพิงอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ได้รับงบประมาณ จำนวน 47.4 ล้านบาท โดยขณะนี้มีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการแล้ว 134 ราย จากเป้าหมาย 100 ราย ประกอบด้วย สถานประกอบการอุตสาหกรรม 71 ราย และวิสาหกิจชุมชน 63 ราย และมีการใช้พื้นที่ทั้งหมดแล้ว 21,640 ตารางเมตร
4.2 โครงการบริหารจัดการด้านความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม และกากอุตสาหกรรม ในสถานประกอบการที่ประสบอุทกภัย กระทรวงอุตสาหกรรม ได้รับงบประมาณ จำนวน 22 ล้านบาท โดยมีสถานประกอบการได้รับการตรวจสอบแล้ว จำนวน 2,040 ราย คิดเป็นร้อยละ 102 ของโรงงานเป้าหมายทั้งหมด (2,000 โรงงาน)
4.3 โครงการตรวจสอบคุณภาพน้ำ ดิน และการปนเปื้อนของสารพิษอุตสาหกรรม ในสถานประกอบการทั้งภายในและภายนอกนิคม กระทรวงอุตสาหกรรม ได้รับงบประมาณ 25 ล้านบาท ในพื้นที่ 14 จังหวัดที่ประสบอุทกภัย โดยมุ่งเน้นสถานประกอบการในนิคมอุตสาหกรรม / เขตประกอบการอุตสาหกรรม และสวนอุตสาหกรรม ทั้ง 7 แห่ง ที่ประสบอุทกภัย โดยขณะนี้ได้ดำเนินการเก็บตัวอย่างและวิเคราะห์ผลแล้ว 828 ตัวอย่าง หรือร้อยละ 69 ของตัวอย่างทั้งหมด (1,200 ตัวอย่าง)
4.4 โครงการศูนย์สารพัดช่างเพื่อการฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัย กระทรวงอุตสาหกรรมได้รับงบประมาณ 51.02 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับกิจกรรมดำเนินโครงการ
4.5 โครงการฟื้นฟูซ่อมแซมหน่วยงานในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรมที่ได้รับความเสียหาย จากอุทกภัย ได้รับงบประมาณ 0.563 ล้านบาท อยู่ระหว่างดำเนินการซ่อมแซม ปรับปรุงอาคารสถานที่
4.6 โครงการบริหารจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ประสบอุทกภัย กระทรวงอุตสาหกรรมได้รับงบประมาณ 17.38 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนการจัดจ้าง เพื่อดำเนินการตรวจสอบและวิเคราะห์กาก ของเสีย และการขนส่งและกำจัดกากของเสียในแต่ละประเภท
4.7 โครงการฟื้นฟูภาพลักษณ์ประเทศไทย กระทรวงอุตสาหกรรมได้รับงบประมาณ 411.6177 ล้านบาท เพื่อฟื้นฟูภาพลักษณ์ประเทศไทย โดยทำการประชาสัมพันธ์ทั้งในและต่างประเทศผ่านสื่อต่างๆ 7 ครั้ง และได้ดำเนินการประชุม สัมมนาการลงทุนในต่างประเทศ 3 ครั้ง ที่ประเทศญี่ปุ่น เกาหลีใต้และประเทศจีน
4.8 โครงการคลินิกอุตสาหกรรมเพื่อการฟื้นฟูสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย กระทรวงอุตสาหกรรมได้รับงบประมาณ 178 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการจัดจ้าง ที่ปรึกษาเพื่อดำเนินโครงการดังกล่าว
5. ความคืบหน้าการก่อสร้างเขื่อนนิคมอุตสาหกรรม เขตประกอบการอุตสาหกรรม และสวนอุตสาหกรรม (ข้อมูล ณ วันที่ 27 เมษายน 2555)
1.1 นิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร การก่อสร้างเขื่อนมีความยาวโดยประมาณ 7 กิโลเมตร ใช้งบประมาณการก่อสร้างประมาณ 650 ล้านบาท โดยมีแผนเริ่มก่อสร้างประมาณวันที่ 15 พฤษภาคม 2555 และกำหนดเสร็จสิ้นในวันที่ 30 กันยายน 2555 ขณะนี้อยู่ระหว่างการรออนุมัติสินเชื่อจากธนาคารออมสิน
5.2 เขตประกอบการอุตสาหกรรมโรจนะ การก่อสร้างเขื่อนมีความยาวโดยประมาณ 77.6 กิโลเมตร ใช้งบประมาณการก่อสร้างประมาณ 2,172 ล้านบาท เริ่มดำเนินการก่อสร้างเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2555 และกำหนดเสร็จสิ้นในวันที่ 31 สิงหาคม 2555 ความก้าวหน้าในการก่อสร้างเขื่อนคิดเป็นร้อยละ 14.65
5.3 นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) การก่อสร้างเขื่อนความยาวโดยประมาณ 11 กิโลเมตร ใช้งบประมาณการก่อสร้างประมาณ 550 ล้านบาท เริ่มดำเนินการก่อสร้างเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2555 และกำหนดเสร็จสิ้นวันที่ 31 สิงหาคม 2555 ความก้าวหน้าในการก่อสร้างเขื่อนคิดเป็นร้อยละ 28
5.4 นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน การก่อสร้างเขื่อนมีความยาวโดยประมาณ 14 กิโลเมตร ใช้งบประมาณการก่อสร้างประมาณ 728 ล้านบาท เริ่มดำเนินการก่อสร้างเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2555 และกำหนดเสร็จสิ้นในวันที่ 31 ธันวาคม 2556 ความก้าวหน้าในการก่อสร้างเขื่อน คิดเป็นร้อยละ 27
5.5 เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมนวนคร การก่อสร้างเขื่อนมีความยาวโดยประมาณ 18 กิโลเมตร ใช้งบประมาณการก่อสร้างประมาณ 1,102 ล้านบาท เริ่มดำเนินการก่อสร้างเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2555 และกำหนดเสร็จสิ้นในวันที่ 31 สิงหาคม 2555 ความก้าวหน้าในการก่อสร้างเขื่อน คิดเป็นร้อยละ 18
5.6 สวนอุตสาหกรรมบางกระดี การก่อสร้างเขื่อนมีความยาวโดยประมาณ 9.5 กิโลเมตร ใช้งบประมาณการก่อสร้างประมาณ 272 ล้านบาท เริ่มดำเนินการก่อสร้างเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2555 และกำหนดเสร็จสิ้นในวันที่ 31 สิงหาคม 2555 ความก้าวหน้าในการก่อสร้างเขื่อน คิดเป็นร้อยละ 20.61