กพช. เห็นชอบปรับโครงสร้างราคาพลังงานทั้งระบบ
ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เห็นชอบแนวทางทางการปรับโครงสร้างราคาพลังงานทั้งระบบ โดยยังตรึงราคาก๊าซ LPG ครัวเรือนต่อถึงปี 55 / LPG ขนส่ง + NGV ตรึงถึง 15 ม.ค.55 เพื่อรอมาตรการบัตรเครดิตพลังงาน
วันนี้ (30ก.ย.54) เวลา 15.30 น. ณ ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ครั้งที่5/2554 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้แถลงผลการประชุมสรุปสาระสำคัญ ดังนี้
ที่ประชุมเห็นชอบแนวทางการปรับโครงสร้างราคาพลังงานทั้งระบบ ดังนี้
1.แนวทางการปรับโครงสร้างราคาก๊าซ LPG
1) LPG ภาคครัวเรือน ขยายระยะเวลาการตรึงราคาขายปลีกที่ 18.13 บาท/กก.ซึ่งจะสิ้นสุดเดือนกันยายน 2554 ไปจนถึงสิ้นปี 2555
2)LPG ภาคขนส่ง ขยายระยะเวลาตรึงราคาขายปลีกไปจนถึง 15 มกราคม 2555 เพื่อรอมาตรการบัตรเครดิตพลังงาน และเริ่มปรับขึ้นราคาขายปลีกเพิ่มเดือนละ 0.41 บาท/ลิตร ตั้งแต่ 16 มกราคม 2555
3)LPG ภาคอุตสาหกรรมปิโตรเคมี กำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง สำหรับก๊าซ LPG ที่ใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี 1 บาท/กก. ตั้งแต่ 1 มกราคม 2555 เป็นต้นไป เพื่อเป็นการลดภาระกองทุนน้ำมันฯ จากการชดเชยการนำเข้าก๊าซ LPG จากต่างประเทศ ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากการขยายตัวของการใช้ก๊าซในภาคอุตสาหกรรมปิโตรเคมี
2.แนวทางการปรับราคาขายปลีกก๊าซ NGV
1)ขยายระยะเวลาตรึงราคาขายปลีก NGV ในระดับราคา 8.50 บาท/กก. และคงอัตราเงินชดเชยในอัตรา 2 บาท/กก. ต่อไปตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2554 จนถึง 15 มกราคม 2555 เพื่อเตรียมความพร้อมเรื่องบัตรเครดิตพลังงานและการปรับเปลี่ยนรถแท็กซี่ LPG เป็น NGV
2) ทยอยปรับขึ้นราคาขายปลีก NGV เดือนละ 0.50 บาท/กก. ตั้งแต่ 16 มกราคม 2555 ถึง ธันวาคม 2555 เพื่อไม่ให้กระทบผู้ใช้ NGV มากเกินไป
3) ทยอยปรับลดอัตราเงินชดเชยก๊าซ NGV ลง เดือนละ 0.50 บาท/กก. จำนวน 4 ครั้ง ตั้งแต่ 16 มกราคม 2555 ถึง เมษายน 2555 ซึ่งปัจจุบันมีการชดเชยจากกองทุนน้ำมันฯ 2 บาท/กก. 4) มอบหมายให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ไปพิจารณาแนวทางการช่วยเหลือกลุ่มรถโดยสารสาธารณะ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากแนวทางการปรับขึ้นราคาก๊าซ NGV
3.แนวทางการปรับราคาน้ำมันเชื้อเพลิง
1)ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซิน และน้ำมันแก๊สโซฮอลเดือนละ 1บาท/ลิตร ตั้งแต่ 16 มกราคม 2555 เป็นต้นไป โดยมอบให้ กบง. พิจารณาระยะเวลาการส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ตามความเหมาะสม
2)ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว อัตรา 0.60 บาท/ลิตร ตั้งแต่ 16 มกราคม 2555 เป็นต้นไป โดยมอบให้ กบง. พิจารณาระยะเวลาการส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ตามความเหมาะสม คาดว่า หากดำเนินการปรับโครงสร้างราคาก๊าซ LPG ก๊าซ NGV และแนวทางปรับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงดังกล่าว จะทำให้ฐานะกองทุนน้ำมันฯ สุทธิ ณ สิ้นปี 2555 อยู่ที่ 3,877 ล้านบาท
ทั้งนี้ ที่ประชุม กพช. ได้มอบหมายให้ กบง. พิจารณาดำเนินการแก้ไขคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 4/2547 เรื่อง กำหนดมาตรการเพื่อแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมปิโตรเคมีส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ และให้ กบง. พิจารณาการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ต่อไป
นอกจากนี้ กพช. ยังเห็นชอบแนวทางการจัดหาเงินให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง โดยการกู้ยืมเงินสถาบันการเงิน วงเงินประมาณ 10,000 ล้านบาท ระยะเวลาประมาณ 1 ปี โดยให้สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) หรือ สบพน. ขอขยายระยะเวลาการชำระหนี้คืนได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม หากกรณีกองทุนน้ำมันฯ มีสภาพคล่องคงเหลือไม่เพียงพอต่อการชำระหนี้ และวงเงินสินเชื่อเป็นวงเงินที่สถาบันการเงินรับรองการเบิกเงินได้อย่างแน่นอน (Committed Line)
หากรัฐบาลมีการกำหนดหรือเปลี่ยนแปลงนโยบายใดๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อฐานะการเงินของกองทุนน้ำมันฯ และ/หรือ ความสามารถในการชำระหนี้ของ สบพน. คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) จะประสานกับหน่วยงานรัฐบาลเพื่อให้มีมาตรการคุ้มครองเจ้าหนี้ให้ได้รับชำระหนี้อย่างครบถ้วนตามกำหนดเวลา
ขณะเดียวกันที่ประชุมยังเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดเครื่องจักรอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูงและวัสดุเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน จำนวน 6 ฉบับ โดยมอบหมายให้กระทรวงพลังงานนำร่างกฎกระทรวงฯ เสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบและส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจร่างต่อไป อีกทั้งที่ประชุมยังได้มีการหารือเกี่ยวกับนโยบายส่งเสริมพลังงานทดแทน ตามนโยบายรัฐบาลที่กำหนดเป้าหมายให้ทดแทนเชื้อเพลิงฟอสซิลได้อย่างน้อยร้อยละ 25 ภายใน 10 ปี และให้มีการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างครบวงจร โดยคาดว่าจะมีการยกเลิกเบนซิน 91 ประมาณปลายปี 2555