ชำแหละทีโออาร์จัดการน้ำ วสท.ติดเบรค เสนอทบทวน อย่ารีบ

วสท. เตรียมยื่นข้อเสนอเบรกทีโออาร์ถึงรบ. แจงห่วงการใช้งบฯ ไม่คุ้มค่า แนะการจัดการน้ำไม่ใช่แค่ก่อสร้าง-วิศวกรรม แผนระยะกลาง-ยาว ต้องสอดคล้องแผนพัฒนาประเทศ
วันที่ 18 กรกฎาคม สมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย (วสท.) จัดสัมมนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น วิพากษ์ทีโออาร์ ระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนและระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศไทย ณ อาคารสมาคม วสท. โดยมี นายสุวัฒน์ เชาว์ปรีชา นายกสมาคม วสท. รศ.ดร.สุวัฒนา จิตตลดากร ประธานอนุกรรมการสาขาวิศวกรรมแหล่งน้ำ วิศวกรรมสถานแห่งชาติ (วสท.) และวิศวกรแหล่งน้ำร่วมแสดงความเห็น
นายสุวัฒน์ กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลกำลังจะทำงานใหญ่เพื่อประเทศชาติในการบริหารจัดการน้ำ วสท.ที่เป็นองค์กรวิชาชีพที่มีความเกี่ยวข้องจึงต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการรับรู้ และก้าวเข้ามาติดตาม แต่ไม่ได้หมายความเป็นการทักท้วงหรือคัดค้าน จะเป็นการหนุนรัฐบาลในสิ่งที่ถูกต้อง อีกทั้งตั้งข้อสังเกตและเสนอแนะในทางวิศวกรรม ทั้งนี้ การบริหารจัดการน้ำในระดับชาติไม่ใช่แค่เรื่องวิศวกรรม และการก่อสร้าง ต้องศึกษาและให้ความสำคัญกับผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมก็ควบคู่กันไป
นายสุวัฒน์ กล่าวต่อว่า วสท.ห่วงกังวลในความคุ้มค่าของโครงการและการใช้งบประมาณจำนวนมากที่มาจากภาษีของประชาชน ซึ่ง วสท.จะสรุปความเห็นรอบแรก เพื่อเสนอเป็นลายลักษณ์อักษรส่งให้รัฐบาล ภายหลังที่ กบอ.ชี้แจงหลักการทีโออาร์ในวันที่ 24 กรกฎาคม 2555 ที่สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ( National Science and Technology Development Agency : NSTDA หรือ สวทช.)
"ในเบื้องต้น วสท.มีความเห็นว่าควรยกเลิกทีโออาร์บางส่วน แล้วคิดใหม่ เพราะการดำเนินการในแผนระยะกลางและระยะยาว ต้องมีความสอดคล้องกับผังเมืองและแผนพัฒนาประเทศไทยที่ต้องมีความชัดเจนว่าวางไว้อย่างไร ดังนั้น จึงไม่ควรรีบร้อน ที่จะส่งผลลบมากกว่าผลบวก"
ขณะที่รศ.ดร.สุวัฒนา กล่าวว่า เมื่อพิจารณาจากทีโออาร์แล้ว พบว่ามีหลายประเด็นที่ไม่มีความชัดเจน รัฐบาลกำลังมุ่งออกแบบ ก่อสร้าง ทำงานให้เห็นผลโดยเร็ว วสท.ไม่ได้มีความตั้งใจคัดค้านการใช้งบประมาณ แต่ต้องการนำเสนอว่าในทางวิศวกรรม โครงการใหญ่ที่ใช้งบประมาณสูง มีระเบียบขั้นตอนการดำเนินการที่เป็นหลักปฏิบัติอยู่ 3 ขั้นตอน ได้แก่
1.การศึกษาความเหมาะสมโครงการ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ละเอียดอ่อน มีหลายโครงการที่ล้มลุกคลุกคลานในขั้นตอนนี้
2.ศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีกฎหมายไทยครอบคลุมอยู่ อาจจะเป็นอุปสรรคหนึ่งของต่างชาติที่ต้องเข้ามาศึกษา อย่างไรก็ตาม เชื่อมั่นว่าวิศวกรไทยมีความสามารถและมีองค์ความรู้ในการจัดการทรัพยากรน้ำมากเพียงพอ เนื่องจากรู้ศักยภาพใน 25 ลุ่มน้ำเป็นอย่างดี เพียงแต่ไม่ได้ถูกดึงมาใช้งาน
3.แยกคุณสมบัติของแต่ละโครงการ ว่าเป็นโครงการขนาดใหญ่ โครงการขนาดกลางหรือโครงการเร่งด่วน เพื่อจัดลำดับการก่อสร้าง ความเร่งด่วน โดยไม่ต้องรีบร้อนทำพร้อมกันทุกโครงการ
ด้านนายวิชา จิวาลัย กรรมการสภาวิศวกร ด้านวิศวโยธาและการสำรวจ กล่าวว่า แม้ว่าแผนในทีโออาร์จะเป็นแผนในระยะกลางและระยะยาว และไม่ทันใช้ในปีนี้ แต่ก็ต้องหาทางบรรเทาสถานการณ์ในปีนี้ไว้ด้วย จะพบว่าที่ผ่านมาแผนบริหารจัดการน้ำไม่ได้ระบุอยู่ในแผนพัฒนาประเทศหรือผังเมือง
"การกำหนดแผนบริหารจัดการน้ำของประเทศไม่ได้มีแค่เรื่องการก่อสร้าง หรือเรื่องธรรมชาติ แต่ยังมีบริบทของสังคม ฉะนั้น แทบเป็นไปไม่ได้ว่าจะมีบริษัทเดียวหรือไม่กี่บริษัทที่นำเสนอ โครงการใหญ่ๆ เช่นนี้ควรต้องมี "มันสมอง" ให้ กบอ.ซึ่งเป็นทีมที่มีประสบการณ์ ในรูปแบบบริษัทวิศวกรรมที่ปรึกษา (General Engineering Consultants หรือ GEC) มาช่วยจัดทีโออาร์ใหม่ให้เข้ารูปเข้ารอย เพื่อให้การก่อสร้าง การปฏิบัติและการบริหารจัดการน้ำของประเทศมีประสิทธิภาพ"
นายวิชา กล่าวด้วยว่า กบอ.ไม่ควรรีบหาข้อสรุปของแผนระยะกลางและระยาวใน 1-2 เดือนนี้ ควรพิจารณาทีโออาร์ใหม่ให้ละเอียดและชัดเจนสำหรับทุกฝ่าย การแก้ปัญหาน้ำสามารถทำได้หลายทาง แต่ที่ขณะนี้ยังมองไม่เห็นทางออกที่เหมาะสม เนื่องจากยังไม่เคยมีการมานั่งพูดคุยกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราว การรีบร้อนเกินไปก็น่ากังวลว่าจะเกิดการซ้ำรอยกับโครงการโฮปเวลล์หรือไม่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
วสท.เอาคอเป็นประกัน ไม่มีทางที่ต่างชาติรู้เรื่องน้ำดีเท่าคนไทย http://www.thaireform.in.th/reform-the-news/item/7877-reporter-tja-.html
กบอ.เดินหน้าลุย! บริหารจัดการน้ำทั้งระบบ ต้องมี “เขื่อน"http://www.thaireform.in.th/drilling-band-reformed/item/7864-2012-07-12-14-45-20.html
ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง:
ร่างระเบียบสำนักนายกฯ ว่าด้วยการบริหารโครงการและการใช้จ่ายเงินกู้เพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำ http://www.thaireform.in.th/multi-dimensional-reform/2011-12-08-05-21-57/public-policy-economy/item/7814-2012-07-03-10-59-30.html
