มจธ.ส่งนศ.ช่วยฟื้นฟูโรงงาน ‘เอสเอ็มอี’ ประหยัดงบฯ ได้นับล้าน

อาจารย์ มจธ. ระบุ มหาวิทยาลัยส่งนักศึกษาเข้าช่วยฟื้นฟูโรงงาน ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีประหยัดงบฯ ได้นับล้านบาท-เดินเครื่องจักรได้เร็ว แนะ ศึกษาข้อมูลจากต่างประเทศ เตรียมรับมือภัยพิบัติ
ในช่วงเหตุการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมา บทบาทของสถาบันการศึกษาเด่นชัดขึ้น เนื่องจากหลายแห่งได้เข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย อาทิ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ที่ได้ใช้องค์ความรู้ทางวิชาการ กำลังบุคลากรและนักศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัย ช่วยกันผลิตสิ่งของอุปโภคบริโภคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสุขาเคลื่อนที่ ไม้ตรวจไฟรั่ว น้ำดื่ม อาหารสำเร็จรูป น้ำยากำจัดเชื้อรา เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชน
ผศ.สุรพนธ์ ตุ้มนาค รองคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มจธ. กล่าวถึงการมีส่วนร่วมของ มจธ. ในช่วงวิกฤตน้ำท่วมที่ผ่านมาว่า ในระยะแรกคณาจารย์และนิสิตนักศึกษาในมหาวิทยาลัยได้รวมตัวกัน เพื่อผลิตสิ่งของที่จำเป็นแจกจ่ายให้กับผู้ประสบภัย แต่เมื่อมีผู้เดือดร้อนจำนวนมากก็เกิดความร่วมมือกันระหว่างมหาวิทยาลัย ภาคเอกชน ภาคประชาสังคมในการระดมความช่วยเหลือ รวมทั้งงบประมาณต่างๆ
“แม้ว่าขณะนี้สถานการณ์วิกฤตน้ำท่วมได้ผ่านพ้นไปแล้ว แต่มหาวิทยาลัยยังคงเดินหน้ากิจกรรมต่อไป โดยมหาวิทยาลัยได้ส่งนักศึกษาที่มีความรู้ความสามารถเข้าไปช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในการฟื้นฟูโรงงานที่จมน้ำ โดยนักศึกษาเหล่านี้จะเข้าไปช่วยทดลอง ซ่อมแซมมอเตอร์ ระบบไฟฟ้า ระบบควบคุมต่างๆ ให้กลับมาใช้งานได้ดั่งเดิม”
ส่วนสาเหตุที่เลือกให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีนั้น ผศ.สุรพนธ์ กล่าวว่า ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมีคนดูแลน้อย ต่างจากบริษัทในนิคมอุตสาหกรรมที่มีประกันภัย มีระบบจากต่างประเทศเข้ามาช่วยเหลือ ขณะที่บริษัทเอสเอ็มอีในบ้านเรานั้น ไม่มีประกันภัย ไม่มีใครเข้ามาช่วยเหลือ การส่งนักศึกษาเข้าไปจึงช่วยให้โรงงานประหยัดงบประมาณในการฟื้นฟูได้ตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักล้านบาท ที่สำคัญกว่านั้นยังช่วยให้โรงงานสามารถเปิดรายการผลิตได้โดยเร็ว
อย่างไรก็ตาม ผศ.สุรพนธ์ กล่าวถึงการบริหารจัดการ ความรู้ด้านภัยพิบัติในประเทศไทยด้วยว่า บ้านเราไม่มีการศึกษา หรือการเรียนการสอนด้านภัยพิบัติ ต่างกับในต่างประเทศที่มีการศึกษาในเรื่องดังกล่าว ฉะนั้น ประเทศไทยต้องไปเรียนรู้จากประเทศเหล่านี้ เพื่อนำข้อมูลความรู้มาปรับใช้ให้กับเข้ากับความรู้เดิมที่เรามีอยู่
“การนำความรู้ไปใช้ช่วยเหลือผู้ประสบภัยในช่วงภัยพิบัติ ไม่จำเป็นต้องใช้ความรู้ที่เลิศเลอ ลึกซึ้ง แต่ต้องนำความรู้พื้นฐานไปปรับใช้เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ ขณะเดียวกันต้องมองถึงการดูแลตนเองอย่างยั่งยืนในอนาคตควบคู่ไปด้วย อย่างเช่นกรณีน้ำท่วมต้องเตรียมการป้องกัน ไม่ใช้มาแก้ไขเมื่อเกิดเหตุน้ำท่วมขึ้นแล้ว”
ขณะที่ รศ.ดร.ศักรินทร์ ภูมิรัตน์ อธิการบดี มจธ. กล่าวถึงบทบาทของมหาวิทยาลัยต่อการผลิตบัณฑิตว่า จะเน้นในเรื่องวิชาการอย่างเดียวไม่ได้ มหาวิทยาลัยต้องมีกลไกในการผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพและมีความรับผิดชอบต่อสังคมควบคู่ไปด้วย โดยเฉพาะเรื่องการรับใช้สังคม หรือจิตอาสาเป็นเรื่องสำคัญมาก
“มหาวิทยาลัยมีหน้าที่ต้องปลูกฝังให้นักศึกษาตระหนักถึงการดูแลสังคม การมีจิตอาสาตลอดระยะเวลาที่อยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย เพราะในอนาคตบัณฑิตเหล่านี้จะกลายเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาและขับเคลื่อนประเทศต่อไป”
