‘สมเกียรติ อ่อนวิมล’ ชมจส.100 และกรมประชาสัมพันธ์ 92.5 เกาะติดน้ำท่วม เป็นประโยชน์สุด

นักวิชาการด้านสื่อ ยันวิทยุกระจานเสียง เร็ว สด ด่วน ตามเวลาจริง  คู่ขนานโทรทัศน์ที่ทุ่มเททรัพยากรทั้งงานถ่ายทอดสด จำนวนคน  ทีมงานนักข่าวได้ครอบคลุมพื้นที่

วันที่ 13 ตุลาคม ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชน กล่าวถึงสื่อสารมวลชนที่ใช้ตามข่าวน้ำท่วม ตามลำดับความพึงพอใจส่วนตัวแสดง ทางทางเฟชบุค http://www.facebook.com/Somkiat.Onwimon.Public?sk=wall ว่า  มีทั้ง  (1)จส100/JS100.com (2)สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM92.5 กรมประชาสัมพันธ์ (3)ไทยทีวีสีช่อง 3 / BEC (4)TNN24@TrueVisions (5)ThaiPBS (6)NBTช่อง11 กรมประชาสัมพันธ์ (7)Facebook (8)Twitter (9)โทรศัพท์หาข่าวเอง และ (10)หนังสือพิมพ์

ดร.สมเกียรติ สรุปให้เห็นแต่ละสื่อว่า

- วิทยุกระจายเสียง เร็ว สด ด่วน ตามเวลาจริงที่สุด สถานีที่มีโครงสร้างงานข่าวกว้างไกลที่สุดเช่น จส.100 และกรมประชาสัมพันธ์ 92.5 เป็นประโยชน์มากที่สุด (iPod Nano ใช้ฟังวิทยุได้ดีมาก)

- สถานีโทรทัศน์ที่ทุ่มเททรัพยากรทั้งงานถ่ายทอดสด จำนวนบุคคลากร ทีมงานนักข่าวได้ครอบคลุมพื้นที่และเวลาออกอากาศได้มากที่สุดจะเป็นประโยชน์มากคู่ขนานกับวิทยุกระจายเสียง

ช่อง 3 แม้มิได้ออกอากาศข่าวน้้ำท่วมตลอด 24 ชั่วโมง เพราะติดผังรายการที่เชื่อมโยงสัญญาธุรกิจโฆษณา แต่ช่อง 3 นำเสนอข่าวและรายการสด ถี่ สม่ำเสมอตลอดวัน จึงเป็นประโยชน์มากที่สุด นักข่าวและผู้ประกาศทุกคนลงพื้นที่ ลุยน้ำลุยข่าว สัมผัสเหตุการณ์จริง ภาพข่าวหลากหลาย ได้อรรถรส ได้อารมณ์ และได้ความจริงในพื้นที่ นอกจากนั้นยังทำหน้าที่มากกว่าเสนอข่าวโดยจัดการงานสงเคราะห์ผู้ประสพภัยอย่างเต็มที่

TNN 24 / True Visions 7 ไม่มีอุปกรณ์เครื่องมือมากนักแต่ทำงานหนักตลอด 24 ชั่วโมง ติดตามประเด็นสำคัญของข่าวครบถ้วนพอใช้ตัดสินใจ แต่นักข่าวขาดทักษะภาษาและขาดทักษะการายงานข่าวโทรทัศน์ ผู้ประกาศไม่มีประสบการณ์ในพื้นที่ ไม่ออกไปทำงานในพื้นที่จึงเข้าไม่ถึงหัวใจของเหตุการณ์

Thai PBS ไม่มีศักยภาพงานข่าวสดครอบคลุมทั้งประเทศ แต่ให้ประโยชน์เชิงวิชาการดี การอธิบายภาพรวมของปัญหาและงานวิเคราะห์เชิงวิชาการทำได้เด่นเป็นประโยชน์ ชื่อสถานี Thai PBS เป็นชื่อภาษาอังกฤษ เหมืองช่องโทรทัศน์ของฝรั่งต่างชาติ ทำให้ขาดความสัมพันธ์กับสาธารณชน ทั้งๆที่เป็นช่องใช้เงินภาษีอากรของประชาชน

ช่อง 11 มีศักยภาพสูงที่สุดทั้งเครือข่ายทั้วประเทศ ทั้งบุคคลากรและอุปกรณ์เครื่องมือพื้นฐาน แต่ถูกรัฐบาลเอาไปใช้ในเชิงประชาสัมพันธ์งานราชการ จึงขาดการใช้ศักยภาพงานข่าว ช่อง 11 ควรจะเป็นสถานีข่าวโทรทัศนที่ดีที่สุดของประเทศแต่ไม่สามารถทำงานให้บรรลุศักยภาพที่มีอยู่ได้เพราะระบบการเมืองคุมระบบราชการ...เท่านั้นเอง ขณะนี้ช่อง 11 จึงเป็นที่แถลงข่าว สัมภาษณ์ พูดคุยของผู้ที่ทำงานที่ศูนย์ปฏิบัติการฯดอนเมือง

 Nation TV ทำข่าวน้ำท่วมทั้งวันแต่ไม่มีศักยภาพทั้งเทคนิคอุปกรณ์และบุคคลากร จึงมีแต่การสนทนา วิจารณ์ ส่งข่าวทางโทรศัพท์ ภาพมีน้อย แถมยังออกอากาศผ่านดาวเทียมซึ่งมีคนดูได้ไม่มาก ดู Nation TV ไม่เห็นภาพมากนัก มีแต่เสียงคนคุยกันในห้องส่งเป็นส่วนใหญ่ ได้ความเห็นมากกว่า ข่าว

- Facebook ใช้แลกเปลี่ยนข่าวสารส่วนกลุ่มส่วนตัวได้ประโยชน์เป็นระยะๆเมื่อได้เพื่อนที่อยู่กับข่าวสารใกล้ตัว

- Twitter ใช้ติดตาม จส.11 และสื่ออื่นที่เสนอข่าวตามเวลาจริง และตรวจ Tweets ย้อนหลังได้

- โทรศัพท์หาข่าวเองส่วนตัว ได้จากญาติพี่น้องและเพื่อนๆ เป็นประโยชน์โดยตรง ได้ข้อมูลที่ต้องการทันที

- หนังสือพิมพ์ช้า ไม่ทันข่าวสารที่เกิดขึ้นตลอดเวลา จะได้ประโยชน์เพียงบทความแสดงความเห็นและข้อมูลสะสม นับวันหนังสือพิมพ์จะปรับตัวให้ทันเทคโนโลยีสารสนเทศได้ช้าและยากมากขึ้น Website ของหนังสือพิมพ์โดยทั่วไปก็ช้าเช่นกัน

ขณะที่ก่อนหน้านี้ ทางศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม (ศปภ.) อาคารท่าอากาศยานดอนเมือง พล.ต.อ.พงศพัศ พงศ์เจริญ และพล.อ.พลางกูร กล้าหาญ โฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ได้รายงานผลการดำเนินงานของ ศปภ.

พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวตอนหนึ่งถึงกรณี ประชาชนจำนวนมากก็มีความห่วงใยในทรัพย์สิน กลัวว่าจะมีโจรพายเรือเข้ามาขโมยทรัพย์สินจึงไม่ออกจากบ้านไปไหน ว่า การดูแลรักษาความปลอดภัยบ้านเรือนประชาชนเป็นหน้าที่หลักของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยทหารที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกำลังมีการบูรณาการกันในการรับฝากบ้านไว้กับตำรวจหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง และพยายามที่จะซุ่มจุดสกัดอยู่ ถือว่าเป็นการกระทำความผิดที่ซ้ำเติมความทุกข์ร้อนของพี่น้องประชาชน

"ตำรวจจะดำเนินการตามมาตรการเด็ดขาดภายใต้กรอบของกฎหมาย และเมื่อกระทำการไปประการใด มีคนร้ายเสียชีวิตหรือไม่ จะรายงานให้ประชาชนทราบ ปัจจุบันพยายามดำเนินการอย่างเต็มที่ทั้งการป้องกันและสร้างความสบายใจให้กับประชาชน คดีลักทรัพย์ คดีโจรกรรมทรัพย์สินในเคหะสถานในภาวะปกตินั้นโทษสูงสุดคือ 3 ปี แต่ถ้าในขณะนี้ทำในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย โทษสูงสุดถึง 7 ปี ฉะนั้นถ้าหากประชาชนมีข้อมูล เบาะแสว่าในตำบล ในชุมชนของท่าน มีเหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้น หรือมีผู้ต้องสงสัยว่าเป็นใครในหมู่บ้าน ขอให้แจ้งมาที่ ศปภ. เพื่อจัดชุดตำรวจเข้าไปดำเนินการ ขณะนี้ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยามีกำลังตำรวจตระเวนชายแดนพร้อมด้วยเรือท้องแบนอยู่ประมาณ 600 นาย ซึ่งจะมีการลาดตระเวนตลอดเวลา จึงขอความกรุณาประชาชนช่วยแจ้งเบาะแสผู้กระทำผิดด้วย"

ด้าน พล.อ.พลางกูร กล่าวเพิ่มเติมโดยขอร้องผู้ประกอบการ อย่ากักตุนสินค้า รวมทั้งขอให้ขายสินค้าในราคาที่เป็นธรรม ไม่ใช่ขึ้นราคาจากเดิมไปมาก เพราะเวลานี้ต้องการความร่วมมือ ความรัก ความสามัคคี เพื่อที่จะระดมพลังก้าวเดินไปร่วมกัน