ทูตความดี ปี 2 สานต่อโครงการมุ่งต้านคอร์รัปชั่น ดึงเยาวชนไทย-อเมริการ่วม
“ดีแอมบาสเดอร์ 2” เฟ้นหาเยาวชนปลุกจิตสำนึกต้านโกง เชื่อจะผ่านวิกฤติคอร์รัปชั่นได้ ตัวแทนทูตความดีหวังพลังร่วมกันทำดี สร้างสังคมให้สว่างทลายมุมมืด เกิดค่านิยมอายต่อการทุจริตในสังคมไทย
วันที่ 22 กันยายน สำนักงานทูตความดีแห่งประเทศไทย และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) แถลงข่าวทูตความดีแห่งประเทศไทย 2554 (ปี 2) D Ambassador Season II : Imagine Thailand ณ หอประชุมพุทธคยา อาคารอัมรินทร์ พลาซ่า ชั้น 22 โดยมีนายดนัย จันทร์เจ้าฉาย ประธานสำนักงานทูตความดีแห่งประเทศไทย นายปราโมทย์ โชติมงคล ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร หอการค้าไทย นายดำรง ใคร่ครวญ กงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส และรศ.ดร.วิลาสินี อดุลยานนท์ ผู้อำนวยการสำนักรณรงค์สื่อสารสังคม สสส.ร่วมงาน
นายดนัย กล่าวถึงโครงการทูตความดี หรือ ดีแอมบาสเดอร์ ปี 2 ได้สานต่อและต่อยอดจากปีแรก โดยเปิดโอกาสให้เยาวชนทุกคนเข้ามาเชื่อมโยงหัวใจที่ดีงาม ปลุกพลังและเปิดศัยกภาพเพื่อเปลี่ยนแปลงตนเอง เปลี่ยนแปลงครอบครัวและสังคม ซึ่งในปีนี้มุ่งเน้นการสานต่อภารกิจต่อต้านคอร์รัปชั่นทุกรูปแบบเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยสู่ประเทศมหาอำนาจแห่งความดี อีกทั้งโครงการได้ขยายออกไประดับอินเตอร์ มีเยาวชนไทย-อเมริกัน 6 คนจากโครงการ Thai-American Young Leadership 2011 มาเข้าร่วมด้วย
ด้านนายดำรง กงสุลใหญ่นครลอสแอนเจลิส ผู้ริเริ่มโครงการ Thai-American Young Leadership 2011 ร่วมกับโครงการทูตความดีแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เด็กและเยาวชนกว่า 4 แสนคนในประเทศสหรัฐอเมริกา ก็เปรียบเหมือนจังหวัดเล็กๆ จังหวัดหนึ่งในประเทศไทย โครงการดังกล่าว จึงเกิดขึ้นโดยมุ่งหวังให้เยาวชนไทยในแต่ละประเทศทั่วโลกได้รับรู้ความเป็นไทย สถานการณ์ในประเทศไทย ไม่ดูดายที่จะมีจิตอาสาต่อต่อชุมชน สังคม และช่วยเป็นทูตให้กับชาวต่างชาติเกี่ยวกับประเทศไทย โดยจะพยายามผลักดันให้เป็นโครงการถาวรทุกปี แผ่วงกว้างไปยังประเทศอื่นๆ ด้วย
ขณะที่นายปราโมทย์ กล่าวว่า ทุกคนต่างรู้ถึงสภาพปัญหาบ้านเมืองดี ว่า มีวิกฤติหลักๆ อยู่ 2 ประการ ได้แก่ 1.ความแตกแยกสามัคคี มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายแบ่งสีอย่างรุนแรง ซึ่งไม่ว่าจะเสื้อสีไหนก็ล้วนทำให้ “สีของธงชาติไทยเจือจางลง” 2.การทุจริตคอร์รัปชั่น ดังนั้น การจะลุกขึ้นมาสู้กับปัญหาที่เป็นวิกฤติหลักของประเทศดังกล่าวนี้ จึงเป็นความรับผิดชอบของคนทุกฝ่าย ทุกภาคส่วนในสังคม
“กระทั่งเด็กและเยาวชน จะมาหวังพึ่งผู้ใหญ่ฝ่ายเดียวไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ผู้ใหญ่เองก็หวังพึ่งพลังที่เข้มแข็งและความคิดที่สร้างสรรค์ของเด็กมาสานต่อการต่อต้านคอร์รัปชั่น และพร้อมที่จะช่วยขยายผล สร้างกระแสการทำความดีให้ต่อยอดยิ่งๆ ขึ้นไป”
ส่วนนางกอบกาญจน์ กล่าวว่า ประเทศไทยมีโอกาสที่จะก้าวผ่านวิกฤติปัญหาคอร์รัปชั่นไปได้ แต่ขึ้นอยู่กับว่าทุกคนยังมีศรัทธาต่อตัวเอง และต่อประเทศชาติอยู่หรือไม่ ทางหอการค้าไทย ได้พยายามผลักดันและขับเคลื่อนการทำงาน โดยสร้างเป็นภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่น มีองค์กรภาคเข้าร่วมกว่า 30 องค์กร ที่ตระหนักตรงกันว่าเป็นปัญหาส่วนรวมที่ต้องร่วมแก้ไข ได้แก่ 1.การลดความเหลื่อมล้ำในทุกภาคส่วน 2.ต่อต้านคอร์รัปชั่น ซึ่งทั้ง 2 ประการนี้ เป็นสิ่งที่ทางหอการค้าไทยให้คำมั่นสัญญาว่าจะสานต่อ
“หากแม้ภาคธุรกิจ เอกชน ไม่เปลี่ยนพฤติกรรม ไม่จัดการกับปัญหาคอร์รัปชั่น ภาคธุรกิจก็จะเติบโตแบบ “ไปไม่ถึงดวงดาว” ทั้งนี้ ภาคเอกชนจะรวมกันประกาศให้เป็นบริษัทสีขาว การเลือกรับคนที่เข้ามาทำงานต่อไป จะพิจารณาคนที่พร้อมจะช่วยเหลือผู้อื่น มีจิตอาสา เพราะปัจจุบันหมดยุคการรับคนเข้าทำงานโดยดูจากเกรดแล้ว ดังนั้น ทั้งเด็กและผู้ใหญ่จะต้องร่วมเดินขับเคลื่อนต่อต้านคอร์รัปชั่นไปพร้อมๆ กัน”
ทั้งนี้ ในช่วงท้าย นายปฏิภาณ บุณฑริก ตัวแทนทูตความดีแห่งประเทศไทย ซีซัน 1 และตัวแทนนักเรียนไทย-อเมริกันนางสาวเอลนี่ วรรณทิม รองนายกฯ ฝ่ายต่างประเทศ สมาคมไทยแห่งแคลิฟอร์เนียภาคใต้ นายสมชาญ วนรักษา ได้ให้สัมภาษณ์กับศูนย์ข้อมูลข่าวสารปฏิรูปประเทศไทย ถึงการเข้าร่วมโครงการ และฝากเป็นเสียงสะท้อนถึงปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นในสังคมไทย
นายปฏิภาณ กล่าวว่า การทำความดี เปรียบเหมือนการจุดเทียน ให้มองเห็นปัญหาต่างๆ ชัดเจนขึ้น ทั้งปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น ปัญหายาเสพติด และปัญหาเด็กท้องก่อนวัยอันควร โครงการทูตความดี จึงเป็นเหมือนประตูแห่งโอกาส ที่ทำให้เห็นปัญหาใกล้ชิดมากขึ้น และลงมือทำในสิ่งที่พอจะทำได้
“ผมเชื่อว่าคนหนึ่งคนทำอะไรได้มากมาย และการจุดเทียนในมือของตนเองแล้วส่งต่อไปทีละคน จะทำให้สามารถมองเห็น ปัญหาการคอร์รัปชั่นที่อยู่ในที่มืดของสังคม ถูกปิดบัง ซ้อนเร้น เพราะการจุดเทียน 1 คนเป็นแค่แสงแรงเทียน เทียน 10 เล่มก็อาจจะแค่เท่ากับไฟฉาย แต่เมื่อไหร่ที่คนไทยทั้งประเทศ จุดเทียนพร้อมกันทุกคน มุมมืดในสังคมก็จะหมดไป และเมื่อนั้นคอร์รัปชั่นก็จะไม่มีที่อยู่ อยากให้ทุกคนเชื่อว่าประเทศไทยเปลี่ยนแปลงได้แน่นอนเมื่อคนเล็กๆ อย่างพวกเราลุกขึ้นมาพร้อมกัน”
ด้านนางสาวเอลนี่ กล่าวว่า การทุจริตคอร์รัปชั่น เป็นเรื่องที่ไม่น่ายอมรับ แม้ว่าคอร์รัปชั่นแล้วเศรษฐกิจหรือความเป็นอยู่จะดีขึ้นก็ตาม อย่างที่สหรัฐฯ หากมีการคอร์รัปชั่นแม้เพียงเรื่องเล็กๆ ก็จะมีการประจาน
“หากนักการเมืองทุจริตคอร์รัปชั่นจะมีการเปิดโปงทันที ทำให้อายจนต้องลาออกแสดงความรับผิดชอบ หรือไม่ก็ต้องโดนกดดันจนต้องลาออก ซึ่งแนวคิดและค่านิมยมแบบนี้ อยากให้เกิดขึ้นในสังคมไทยเช่นกัน”
ขณะที่นายสมชาญ กล่าวว่า การทำงานของตัวแทนนักเรียนไทย-อเมริกันต่อจากนี้ ได้คิดโครงการสร้างเครือข่ายให้เด็กนักเรียนไทย-อเมริกัน กลับมาช่วยเหลือประเทศไทย เพื่อให้รับรู้ถึงความเป็นไทย และนำความรู้ของตนเองมาช่วยเหลือคนไทยมากขึ้น โดยเฉพาะการต่อต้านคอร์รัปชั่น
"จะมีการสร้างเครือข่ายนำร่อง ทำสื่อทางเว็บไซต์ เพื่อสื่อสารในวงกว้าง ไปให้เด็กและเยาวชนในประเทศอื่นๆ รับรู้ด้วย ให้เยาวชนคิดว่าคุณธรรมเป็นสิ่งสำคัญ เป็นเรื่องที่สามารถทำให้คนมีหน้ามีตาได้ โดยไม่ต้องพึ่งเงิน และให้คิดตรงกันว่าการช่วยเหลือสังคมจะทำให้ตนเองได้ประโยชน์ไปด้วย”