“เครือข่ายประชาธิปไตยไม่ละเมิด” จี้ รบ.เร่งคลอดกม.คุมม็อบ แก้ปัญหาชุมนุมเกร่อ-ตำรวจหงอ
ภาคีเครือข่ายประชาธิปไตยไม่ละเมิด รวมตัวบุกทำเนียบฯ ยื่นจดหมายเปิดผนึกต่อนายกฯ ยิ่งลักษณ์ เรียกร้องให้เร่งออกกฎหมายการชุมนุมในที่สาธารณะ -ตั้งกก.เยียวยา ผู้ที่เดือดร้อนจากเหตุเพลิงไหม้ราชประสงค์
นายชาย ศรีวิกรม์ ภาคีเครือข่ายประชาธิปไตยไม่ละเมิด ให้สัมภาษณ์ "ศูนย์ข้อมูลข่าวสารปฏิรูปประเทศไทย" ถึงกรณีภาคีเครือข่ายประชาธิปไตยไม่ละเมิด ได้แก่ ผู้ค้าย่านประตูน้ำ ราชประสงค์ พหลโยธิน ฯ จะเดินทางไปยังทำเนียบรัฐบาล วันพรุ่งนี้ (21 ก.ย.) เวลาประมาณ 10.30 น. เพื่อยื่นจดหมายเปิดผนึกต่อนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า เนื้อหาสาระสำคัญนั้นประกอบด้วย 1.เรียกร้องให้เร่งเรื่องพระราชบัญญัติการชุมนุมในที่สาธารณะ และ 2.แต่งตั้งคณะกรรมการเยียวยา ผู้ที่เดือดร้อนจากเหตุเพลิงไหม้ในการชุมนุมครั้งที่ผ่าน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการรายย่อยที่ยังต้องการความช่วยเหลือจากรัฐบาล เนื่องจากหลายรายยังตั้งตัวไม่ได้ อีกทั้งการชุมนุมยังมีต่อเนื่องเป็นระยะๆ แม้จะเปลี่ยนรัฐบาลไปแล้วก็ตาม
“ภาคีเครือข่ายฯ จึงอยากให้รัฐบาลเร่งรัดให้มี พ.ร.บ.ชุมนุมฯ ออกมา หรือระหว่างที่ยังไม่มี พ.ร.บ.ดังกล่าว ก็อยากให้มีกลไกการจัดการที่ดีขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้ภาคีเครือข่ายได้เสนอแนวทาง 9 ข้อเกี่ยวกับการชุมนุมไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้วว่า อย่างน้อยก่อนการชุมนุมทุกครั้งจะต้องมีการประชุมหารือร่วมกันระหว่างแกนนำผู้ชุมนุม เจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้นำชุมชน ซึ่งอยู่ในบริเวณพื้นที่ที่จะมีการชุมนุมเกิดขึ้น เพื่อจะได้เห็นถึงรูปแบบการชุมนุม ที่ความเดือดร้อนอยู่ในระดับที่ทุกฝ่ายพอรับได้”
นายชาย กล่าวต่อว่า ประชาชนไม่ได้เป็นคู่กรณีกับผู้ชุมนุม แต่ที่ผ่านมาในบ้านเรายังไม่เห็นมีการพัฒนากระบวนการอะไรเลย ที่จะช่วยสร้างความพอเหมาะพอสมในการชุมนุม เพราะการที่ผู้ชุมนุมไม่มีการแจ้งล่วงหน้า สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ประกอบการอย่างมาก
“กฎเกณฑ์ในการชุมนุมนั้น เริ่มมีการปรับปรุงกันมากในปีที่ผ่านมา จนกระทั่งเห็นเป็นรูปเป็นร่าง แต่ระยะหลังก็หายไปและกลับสู่วัฒนธรรมการชุมนุมแบบเดิมๆ อีก ผมจึงคิดว่า รัฐจะต้องเข้ามาทำหน้าที่รับผิดชอบในการจัดกระบวนการประชุมระหว่างบุคคล 3 ฝ่ายดังกล่าว ทั้งนี้ เชื่อว่า หากมีการพูดคุยและมีความเข้าใจเกิดขึ้น ความเดือดร้อน ความแตกแยกจะเบาลง”
เมื่อถามว่าถึงกรณีที่ประชาชนและเอ็นจีโอบางส่วนไม่เห็นด้วยกับกฎหมายดังกล่าว นายชาย กล่าวว่า มุมมองของเอ็นจีโอก็มีเหตุผล แต่เมื่อการปฏิบัติยังทำกันไม่ได้ การชุมนุมยังมีลักษณะที่เกรอะไปหมด ทั้งตั้งเวที ร้องเพลง ขายของฯ ต่างกับเมืองนอกที่การชุมนุมมีความชัดเจน ทั้งพื้นที่และเวลา ชุมนุมเพื่อสะท้อนเสียงและความต้องการ แต่เมื่อหลายอย่างในบ้านเรายังไม่มีข้อสรุป การชุมนุมยังมีต่อเนื่อง เราจึงขอเร่งให้มี พ.ร.บ.การชุมนุมขึ้นมา แต่ทั้งนี้ จะเป็นฉบับไหนหรืออย่างไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
“จุดสำคัญที่ในเรื่องการชุมนุมนั้น ที่จริงอาจไม่ต้องมี พ.ร.บ.ชุมนุมก็ได้ แต่รัฐบาลต้องออกแนวทางให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามแนวทาง 9 ข้อที่ทางภาคีเครือข่ายเสนอ เพื่อให้การชุมนุมมีแผนชัดเจน หรือจัดการชุมนุมในที่ที่เหมาะสม เช่น สวนสาธารณะ เป็นต้น” นายชาย กล่าว และว่า หากผู้ชุมนุมมีความรับผิดชอบต่อส่วนร่วม ต้องเล็งเห็นความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น แต่การชุมนุมตั้งแต่ครั้งปิดสนามบิน กระทั่งถึงปัจจุบัน ก็ยังไม่เห็นผู้นำการชุมนุมคนไหน ที่คำนึงถึงความเดือดร้อนของส่วนร่วม มองเฉพาะข้อเสนอของตนเอง หรือเพื่อเอาชนะกันอย่างเดียว
ทั้งนี้ นายชาย กล่าวทิ้งท้ายถึงจุดประสงค์ในการเรียกร้องให้เกิด พ.ร.บ.การชุมนุมฯ ว่า ต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานได้ง่ายขึ้น เพราะที่ผ่านมาตำรวจทำอะไรก็ถูกพิพากษาว่าผิด จนไม่กล้าทำอะไรเลย ทำให้คนหมู่มากสามารถปิดถนนที่ใดก็ได้ โดยตำรวจไม่กล้าทำอะไร ประชาชนเดือดร้อนก็ช่วยไม่ได้ ขณะที่ความเสียหายก็ไม่มีใครรับผิดชอบ
“ประเทศไทยมีคนเสียภาษี 2,000,000 กว่าคน ขณะที่มีผู้ที่ไม่ต้องเสียภาษีอีก 8,000,000 คน แต่ผมไม่เข้าใจว่า ทำไมคนที่เสียภาษีกลับไม่มีใครมาช่วยได้ ฉะนั้น ผมคิดว่า การพูดคุยสร้างความเข้าใจร่วมกันในเรื่องการจัดการชุมนุมจะต้องเกิดขึ้น เพื่อให้ทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันได้ โดยการจัดการชุมนุมให้เหมาะสม”