'ธานินทร์' ห่วงคนไทยมองคอรัปชั่นเป็นเรื่องธรรมดา
องคมนตรี ย้ำชัดเป็นเคราะห์กรรมบ้านเมือง ที่ยังมีคนคิดแบบนี้อยู่ในสังคม แนะถึงเวลาต้องอบรม ปลูกจิตสำนึกที่ดีตั้งแต่ยังเล็ก วอนคนไทยหมั่นปรับปรุงตนเอง ยึดมั่นและปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้องและชอบธรรม
วันที่ 21 กรกฎาคม 20 เครือข่ายสมัชชาคุณธรรม ประกอบด้วยหน่วยงานองค์กรอิสระภาคเอกชน เครือข่ายด้านคุณธรรมจริยธรรม ภาคประชาสังคมและหน่วยงานภาครัฐ จัดงานสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 5 ณ อิมแพค เมืองทองธานี โดยมี ศาตราจารย์ธานินทร์ กรัยวิเชียร องคมนตรี เป็นประธานเปิดงาน พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “สร้างชาติโปร่งใส สร้างไทยซื่อตรง” ศ.ธานินทร์ กล่าวว่า วิกฤตในการฉ้อราษฎร์บังหลวงในประเทศไทย ยังคงมีอยู่มาก มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียงในการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะในระดับภาคหรือท้องถิ่น และในปัจจุบันลุกลามทั่วทุกระดับ ทุกภาคส่วน
“การที่ประชาชนมองเรื่องของฉ้อราษฎร์ยังหลวง โดยมีความคิดว่า อะไรก็ได้ ฉันไม่แคร์ ฉันไม่เกี่ยวข้อง คอรัปชั่นเป็นเรื่องธรรมดา จะโกงกันบ้างก็ไม่เป็นไร ขอให้ฉันได้ประโยชน์บ้างก็พอ สิ่งเหล่านี้เป็นเหมือนเคราะห์กรรมของบ้านเมือง ที่ยังมีคนคิดแบบนี้อยู่ในสังคม คุณธรรมและจริยธรรมจึงตกต่ำลงไปมาก”
องคมนตรี กล่าวอีกว่า มาตรการทางกฎหมายก็ไม่ยังเพียงพอในการที่จะแก้ปัญหา เพราะอย่างมากที่สุด ทำได้แค่เอาตัวคนผิดมาลงโทษ ส่วนในเรื่องของการปรับปรุงจิตใจนั้น กฎหมายไม่สามารถที่จะทำได้ เพราะฉะนั้นคนในสังคมต้องมีการปลูกฝังและส่งเสริม ให้ลูกหลานตั้งแต่เล็กๆ โดยยึดหลัก คติธรรม 7 ประการสำหรับฝึกอบรมตามแบบของอังกฤษ ได้แก่ พุดความจริง, ความซื่อตรง สุจริต, การระลึกในหน้าที่, ความอดกลั้น, ความเป็นธรรม, ความเอาใจใส่, มีเมตตาธรรม “คติธรรมสำหรับคนไทยไว้อีก 5 ประการ ได้แก่ ความกตัญญู กตเวที, ความสุภาพนุ่มนวล, ความคารวะผู้อาวุโส, การรักษาคำพูด และการมีจิตสาธารณะ แต่ในความจริงแล้วพื้นฐานของทางศาสนาคนไทยควรยึดหลัก หิริโอตัปปะ หรือการละเว้นที่จะทำความชั่วเพราะละอายต่อบาป โดยมีกฎแห่งกรรมเป็นข้อบังคับ โดยพึงระลึกไว้เสมอว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว หากคนในสังคมคิดได้เช่นนี้ จะไม่มีคนกล้าทำความชั่ว”
ศ.ธานินทร์ กล่าวด้วยว่า วอนคนไทยมีจิตสำนึกที่ดี มีจิตสาธารณะ มีความเสียสละเพื่อแผ่นดิน หมั่นปรับปรุงตนเอง การที่จะให้มีคนดีร้อยเปอร์เซ็นนั้นหาไม่ได้ หรือชั่วเต็มร้อยก็หาไม่ได้ คนเรานั้นมีทั้งดีทั้งชั่วปนกันไป เพราะฉะนั้นเราต้องใฝ่หาความดีของตนเอง โดยการร่อนทอง ร่อนเอาสิ่งปฏิกูล สิ่งสกปรกทั้งหลายออกไป ต้องคอยปรับปรุง และแสวงหาความดีของตนเอง
จากนั้นมีภายในงาน มีการกล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับแผนพัฒนาความซื่อตรงแห่งชาติ โดยผู้แทนหน่วยงานองค์กรภาคี ได้แก่ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน, เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม, และประธานคณะกรรมาธิการศึกษา ตรวจสอบเรื่องการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา