อิกไนท์ ดึงพลังเยาวชน ร่วมจุดชนวนคิดบวก
เวทีคนคิดบวกรุ่นเยาว์ ชู 11 อิกไนท์เตอร์ เล่าแนวคิด เยาวชนไร้สัญชาติขอความทัดเทียมด้านแรงงานเท่าคนไทย เสนอทำ “บัตรไอดีการ์ด” สำหรับคนไร้รัฐ ลูกชาวนา ชี้ ระบบการเรียนไทยไม่ตอบสนองการประกอบอาชีพ โดยเฉพาะ “เกษตรกร”
เมื่อเร็วๆ นี้ เครือข่ายพลังบวก จัดเวที Ignite พลังเยาวชน ในงานมหกรรมพลังเยาวชน พลังสังคม ครั้งที่ 2 รวบรวม Igniters รุ่นใหม่ 11 คน ร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ แนวคิดดีๆ ภายในเวลา 5 นาที เพื่อเป็นการจุดชนวนระเบิดความคิดแง่บวก และนำไปต่อยอดใช้ในชีวิตประจำวัน ณ เวทีหอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ (สวนรถไฟจตุจักร กรุงเทพฯ)
โดยมีเยาวชนนำเสนอเรื่องราวสะท้อนความคิด แสดงศักยภาพ จำนวน 11 คน ได้แก่ น.ส.ธนารี ฟุ้งภิญโญภาพ (น้องนุ้ย) “หัวใจไม่พิการ” นายทักษพล ศรีวชิราวัฒน์ (น้องเอิ้น) “ปรัชญา RPG” นายยอด ปอง (น้องยอด) “ไร้สัญชาติ ไม่ไร้หัวใจ” น.ส.มนทรัตน์ สุจีรกุลไกร (น้องมน) “เรื่องเล่าในโรงพยาบาลเด็ก” นายอัษฎายุทธ คุณวิเศษพงษ์ (หนูหนึ่ง) “1 วัน มี 25 ชั่วโมง” น.ส.เหมือนฝัน คงช่วย (น้องเอ) “แตกต่าง แต่ไม่แปลกแยก” น.ส.สายธาร อินทฤทธิ์ (น้องแอน) “รักษ์ป่าสัก” นายไพรัชช์ แดนกะไสย (น้องเก่ง) “ฤ แผ่นดินไทย จะไร้เกษตรกร” นายเจนณรงค์ แดงเพ็ชร (น้องเจน) “เส้นทางเดิน” น.ส.ศรีสุดา โรจน์เสถียร (น้องดา) “บางสะพานบ้านเรา” และนายศักดา เหลาเกตุ (น้องศักดา) “เรียนรู้ รื้อฟื้น ฮิต12”
นายยอด 1 ใน 11 Igniter นำเสนอเรื่องราวในหัวข้อ “ไร้สัญชาติ ไม่ไร้หัวใจ” โดยระบุว่า แม้ตนเองจะเกิดที่พม่า เป็นชาวเผ่าดาราอั้ง จังหวัดเชียงราย ทำให้ต้องเป็นบุคคลไร้สัญชาติ ไร้รัฐ แต่เมื่อเลือกเกิดไม่ได้แล้ว ก็เลือกที่จะทำตัวให้เป็นประโยชน์ โดยการเข้าร่วมงานด้านเยาวชน ในการอนุรักษ์เพลงพื้นบ้านและวัฒนธรรม ประเพณีไทย
“สิ่งที่เด็กไร้รัฐภูมิใจคือการได้อนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทย และยังมีอีกหลายชีวิตในประเทศไทยที่เป็นคนไร้รัฐ ไร้สัญชาติที่คิดอยู่เสมอว่าสักวันจะได้เป็นคนไทย จึงอยากให้คนไทยทุกคนที่มีบัตรประชาชนไทย มีสัญชาติไทย รู้สึกภาคภูมิใจในความเป็นไทย ผมคิดว่าชาตินี้หากตายไปก็ไม่เสียใจที่ได้เติบโตบนพื้นแผ่นดินไทย และได้ร่วมอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทย ถึงแม้จะไม่ได้มีสัญชาติไทยก็ตาม”
นายยอด กล่าวว่า สิ่งที่อยากฝากให้ผู้ใหญ่ในสังคมมองเห็น และพิจารณา คือ นอกจากให้เด็กไร้รัฐ ไร้สัญชาติจะได้มีโอกาสเรียน ซึ่งขณะนี้นับว่าเพิ่มขึ้นมากแล้ว แต่หากเรียนจบออกมา ตลาดแรงงานจะทัดเทียมคนไทยได้หรือไม่ อีกทั้งการใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัย หรือกลับไปเยี่ยมครอบครัวที่ต่างจังหวัด ก็อาจจะประสบปัญหาได้ เพราะไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน รวมทั้งในด้านสาธารณะสุขที่ยังไม่ได้รับสิทธิเท่าเทียมกับคนทั่วไป จึงต้องพยายามดูแลรักษาตัวเองไม่ให้เจ็บป่วย
“สิ่งที่อยากได้มากที่สุด คืออยากเป็นคนไทย เพื่อที่จะได้ทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศนี้ได้มากยิ่งขึ้น และอยากให้รัฐบาลช่วยให้คนไร้รัฐ ได้มีหลักฐานเพื่อใช้ในการเรียนหนังสือ เช่น บัตรไอดีการ์ด เพื่อไม่ต้องคอยตอบคำถาม หรือเกิดปัญหาเรื่องสัญชาติในภายหลัง ทั้งนี้ อยากให้ทุกคน โดยเฉพาะคนไร้สัญชาติเข้ามาทำงานอาสา ที่จะช่วยเปิดโอกาสทางสังคม และเปิดมุมมองหลากหลายมากขึ้น รวมทั้งทำให้รู้จักคุณค่าในตัวเอง”
ขณะที่ นายไพรัชช์ ได้นำเสนอเรื่องราวในหัวข้อ “ฤ แผ่นดินไทย จะไร้เกษตรกร” โดยกล่าวถึงความภาคภูมิใจในการเป็นลูกเกษตรกรไทยว่า หากย้อนหลังไป 3 ปี คงรู้สึกอาย เพราะภาพของพ่อแม่ และคนทำอาชีพนี้เท่าที่เคยเห็นมาตลอดมีแต่ความเหนื่อยล้า ยากลำบากและไม่มีทางรวย แต่เมื่อได้เข้ามาทำงานอาสาวิจัยท้องถิ่น ทำให้ได้เห็นการทำเกษตรแบบผสมผสาน โดยพิจารณาจากทุนเดิมของบ้านเกิด และจัดการความรู้ด้วยตนเองเท่าที่ทุนมี สามารถทำชีวิตดีขึ้นได้ เพราะในแต่ละชุมชนมีทรัพยากร มีแหล่งภูมิปัญญาและแหล่งความรู้อยู่มาก ทัศนคติทางลบต่อการเกษตรจึงเปลี่ยนไป
นายไพรัชช์ กล่าวต่อว่า การออกมาจัดการความรู้ด้วยตนเองก็ถือเป็นการเรียนอย่างหนึ่ง เพราะชีวิตคือการเรียนรู้ แม้จะออกจาสถานศึกษาไปแล้วก็ตาม ทั้งนี้ ระบบการเรียนการสอนไม่ได้ตอบโจทย์และตอบสนองต่ออาชีพที่จะออกมาทำจริงได้ โดยเฉพาะอาชีพเกษตรกร กลับไปเอื้อต่อภาคอุตสาหกรรมมากกว่า และกระบวนการเรียนของบ้านเรา ก็ไม่ได้สร้างความเชื่อมั่นให้ออกไปทำอาชีพเกษตรได้
“ลูกเกษตรกรควรจะกลับมาอยู่บ้านกันมากขึ้น นำความรู้มาประยุกต์ใช้กับชีวิต เพราะการพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็งจะทำให้มีความสุขมากขึ้น เกษตรทำให้ได้ความสุข ไม่ต้องเร่งรีบแข่งขันกับเวลา และไม่ต้องเป็นลูกน้องใคร ปัจจุบันผมได้เป็นเจ้าของสวนเกษตรผสมผสานที่บ้านเกิด ทั้งที่เพิ่งจบ ปวส. และพร้อมจะผลักดันให้เกษตรรุ่นใหม่ได้กลับคืนสู่วิชาชีพเกษตรของสังคมไทย บนความเชื่อที่ว่า หากคนบนโลกนี้ยังต้องกินอาหาร หากคนไทยยังต้องกินข้าว เกษตรกรอย่างผม คืออาชีพที่มีเกียรติและมีศักดิ์ศรี เพราะผมคือคนผลิตอาหารเลี้ยงประชากรบนโลกใบนี้”