เปิดผลสำรวจ คนไทยแยกไม่ออก ระหว่างคำว่า “ประชาชน -พลเมือง”
สถาบันพระปกเกล้าจับมือมธบ. เปิดผลสำรวจความเห็นต่อคำว่า พลเมือง พบคนในสังคมมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ เข้าใจ พลเมือง ไม่ต่างจากประชาชน พุ่งเป้าไปเรื่องสถานภาพ มากกว่า สิทธิหน้าที่ความรับผิดชอบ
วันที่ 12 เมษายน สถาบันพระปกเกล้า และมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (มธบ.) จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในกระบวนการสร้างความเป็นพลเมือง ณ ห้องประชุมสมภพ โหตระกิตย์ อาคารสำนักอธิการบดี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ โดยมีศ.ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ศ.ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ นายศุภณัฐ เพิ่มพูนวิวัฒน์ ผู้อำนวยการส่งเสริมการเมืองภาคพลเมือง สถาบันพระปกเกล้า และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธานี วรภัทร์ ผู้ช่วยรองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา มธบ. ร่วมลงนาม
ศ.ดร.วรากรณ์ กล่าวถึงการเรียนการสอนในสถาบันการศึกษานั้น เฉพาะการให้ความรู้อย่างเดียวยังถือว่า ไม่เพียงพอ สถาบันการศึกษาจำเป็นต้องให้บุคลิกลักษณะบางอย่างที่ดีแก่นักศึกษาด้วย ซึ่งบุคลิกลักษณะนิสัยที่ดีของคนปัจจุบัน อันหนึ่งก็คือความเป็นพลเมือง
"ความเป็นพลเมือง หมายถึง การเป็นคนที่รับผิดชอบได้ด้วยตัวเอง มีความสำนึกในสันติวิธี มีการยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น ยอมรับความแตกต่างและเคารพความคิดเห็นของผู้อื่น ที่สำคัญคือศรัทธาในระบอบประชาธิปไตย"
อธิการบดี มธบ. กล่าวถึงโลกในวันข้างหน้านั้น เป็นโลกของความหลากหลาย และแตกต่าง ซึ่งหากคนในประเทศใดไม่ยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ไม่เคารพความคิดเห็นที่แตกต่างกันก็อยู่ในสังคมได้ลำบาก และไม่มีความสุข ดังนั้น ความเป็นพลเมืองจึงไม่ได้หมายความว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นทุกเรื่องเป็นเรื่องของคนอื่น เป็นสิ่งที่คนอื่นสร้างขึ้นแล้วทุกคนจะต้องมาแก้ไข แต่ขอให้คิดว่า เรามีส่วนร่วมในการสร้างปัญหาทุกเรื่องในโลกนี้ และเราเท่านั้นที่จะช่วยแก้ไขปัญหาได้
เปิดผลสำรวจ ความเข้าใจต่อคำว่าพลเมือง
จากนั้น มีการแถลงผลการสำรวจความเห็นเรื่อง "ความเข้าใจต่อคำว่าพลเมือง" จัดทำโดยสถาบันพระปกเกล้า และมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ โดยทำการสำรวจความเข้าใจของนักศึกษา อาจารย์ และพนักงานมหาวิทยาลัย รวมถึงผู้ประกอบการร้านค้าในมหาวิทยาลัย ที่มีต่อคำว่า “พลเมือง” ทั้งในเรื่องความหมาย และความสำคัญของพลเมืองต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย รวมไปถึงคุณลักษณะที่สำคัญของพลเมือง ในมหาวิทยาลัย 4 แห่ง ได้แก่ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต และมหาวิทยาลัยศรีปทุม ประมาณ 2,500 คน ระหว่างวันที่ 29 มีนาคม – 1 เมษายน 2554
ผลสำรวจพบว่า ในเรื่องความเข้าใจที่มีต่อความหมายของคำว่า พลเมืองนั้น ส่วนใหญ่มีการรับรู้และเข้าใจคำว่า พลเมืองว่า มีความหมายไม่ต่างจากคำว่า ประชาชน
47.6 % มองว่า พลเมืองหมายถึง ประชาชน, 28.25% ตอบว่า พลเมืองหมายถึงคนทั่วไป นอกนั้นตอบว่า พลเมืองหมายถึงคนไทยทุกคน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความไม่เข้าใจคำถาม หรือการที่บุคคลนั้นอาจไม่เคยตั้งคำถามถึงความแตกต่างกันระหว่างประชาชนและพลเมืองมาก่อน
สิ่งที่น่าสนใจ คือ เมื่อพูดถึงพลเมือง คำตอบส่วนใหญ่มุ่งไปที่เรื่องของสถานภาพ ว่า เป็นประชาชน พลเมือง หรือคนทั่วไป มากกว่ามอง พลเมือง ในเรื่องสิทธิหน้าที่ความรับผิดชอบ
เมื่อถามถึงคุณลักษณะของพลเมืองตามความเข้าใจ ผลการสำรวจพบว่า 22.29% มองว่า พลเมืองคือผู้ที่เป็นคนดีมากที่สุด โดยเป็นเพศหญิงมากกว่าเพศชาย,21.3% ตอบว่า พลเมือง คือ ผู้ที่คิดถึงชาติบ้านเมือง, 11.7% มองว่า พลเมืองคือผู้มีจิตสาธารณะ, 2.6% มองว่า พลเมือง คือ ผู้ที่มีความตื่นตัวและมีส่วนร่วมทางการเมือง และ 2% มองว่า พลเมืองหมายถึงผู้ที่คิดถึงผู้อื่น
นอกจากนั้น มองพลเมืองในความหมายที่หลากหลายออกไป เช่น มองว่า พลเมืองคือบุคคลที่มีความรับผิดชอบต่อตนเอง เคารพในสิทธิของบุคคลอื่น และทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด มีความคิดที่ดี กล้าแสดงออก รวมไปถึงสามารถพัฒนาตนเอง และช่วยให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคง
สำหรับผู้มีรายได้ 5,000-10,000 บาท ตอบว่า พลเมือง คือผู้ที่เป็นคนดีมากที่สุด ขณะที่ผู้ที่มีรายได้ ต่ำกว่า 5,000 บาท มองว่า พลเมือง คือผู้ที่นึกถึงชาติบ้านเมืองมากที่สุด
และเมื่อถามว่า ท่านคิดว่า ท่านเป็นพลเมืองหรือไม่ 85% มองตนเองว่า คือ พลเมือง มีแค่ 11.8% มองว่า ตนไม่ใช่พลเมือง และ 3.2% ไม่มีความเห็น อย่างไรก็ตาม การสำรวจครั้งนี้ ยังมีคำถามที่สะท้อนความเข้าใจและการแสดงออกที่สะท้อนความเป็นพลเมือง โดยผลจากการสำรวจมีเรื่องน่ายินดีว่า มีผู้ที่คิดว่า ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมนั้น ตนเองเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาอยู่ถึง 78.92% อีกทั้ง 89.52% เข้าใจว่า ตนเองต้องมีบทบาทสำคัญในการเข้าไปแก้ปัญหาและส่งเสริมประชาธิปไตย