ผ่ากันจะๆ “การ์ด จีที 200” พบแค่กระดาษแผ่นจิ๋ว ไร้กลไกหาระเบิด นายกฯไฟเขียวผ่าเครื่องซ้ำ
นาซือเราะ เจะฮะ และทีมข่าวอิศรา
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา
การที่ฝ่ายความมั่นคงโดยเฉพาะกองทัพบก ประกาศเดินหน้าใช้เครื่องตรวจวัตถุระเบิด จีที 200 ต่อไป ทั้งๆ ที่ผลการทดสอบด้วยวิธีการที่ทั่วโลกยอมรับโดยคณะกรรมการที่มีกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นเจ้าภาพ ปรากฏผลชัดเจนว่า จีที 200 ไร้ประสิทธิภาพนั้น ทำให้ประชาชนทั่วไปตกอยู่ในภาวะสับสน
ล่าสุดเมื่อค่ำวันอังคารที่ 23 ก.พ.2553 ที่องค์กรอุณาโลม ภายในราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (สนามม้านางเลิ้ง กรุงเทพฯ) นายเจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ นักวิชาการอิสระที่ออกมาเคลื่อนไหวเปิดโปง จีที 200 ว่าเป็นเครื่องมือลวงโลก ในฐานะตัวแทนชุมชนวิทยาศาสตร์หว้ากอ (กลุ่มผู้สนใจด้านวิทยาศาสตร์ซึ่งรวมตัวกันทางอินเทอร์เน็ต) พร้อมด้วย พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ อดีตประธานที่ปรึกษากองบัญชาการกองทัพไทย อดีตนายทหารชื่อดัง ได้ร่วมกันตรวจสอบเซ็นเซอร์การ์ดและตัวเครื่อง จีที 200 โดยได้นำเครื่องจริงมาพิสูจน์ให้เห็นกันอย่างชัดเจน พร้อมบันทึกภาพนิ่งและภาพวิดีโอเอาไว้
ทั้งนี้ ช่วงหนึ่งของการตรวจสอบ พล.อ.ปฐมพงษ์ ได้นำเซ็นเซอร์การ์ดของ จีที 200 ขนาดใกล้เคียงกับบัตรประชาชนหรือบัตรกดเงินสด (เอทีเอ็ม) ซึ่งบริษัทผู้ผลิตอ้างว่าใช้ค้นหาสสารได้ 3 กลุ่มนับร้อยชนิด คือกลุ่มสารประกอบระเบิด กลุ่มสารประกอบดินปืน และกลุ่มสารตั้งต้นยาเสพติด บรรจุเข้าไปในตัวเครื่องจีที 200 แล้วเขย่า ปรากฏว่ามีเสียงของการ์ดขยับดังก๊อกแก๊กๆ โดย พล.อ.ปฐมพงษ์ เปรยขึ้นขณะทำการทดลองว่า ตัวเครื่อง จีที 200 เป็นพลาสติกเปล่าๆ ไม่มีสายไฟฟ้าหรืออุปกรณ์กำเนิดไฟฟ้าใดๆ ทั้งยังน้ำหนักเบามาก ที่ด้ามจับของเครื่องมีช่องเปิด-ปิดสำหรับใส่เซ็นเซอร์การ์ด เมื่อใส่การ์ดเข้าไปก็ไม่มีกลไกล็อคให้ยึดติดกับตัวเครื่องแต่อย่างใด ซึ่งขัดกับหลักการทำงานที่ควรจะเป็นอย่างสิ้นเชิง
จากนั้น พล.อ.ปฐมพงษ์ ได้นำเซ็นเซอร์การ์ดออกมา แล้วใช้มือแกะเซ็นเซอร์การ์ดจนแยกออกเป็น 2 ชิ้น เพื่อดูว่ามีอะไรอยู่ภายใน ปรากฏว่ามีเพียงกระดาษแผ่นเล็กๆ แปะอยู่ โดยไม่มีกลไกอิเล็กทรอนิกส์ใดๆ ทั้งสิ้น จึงพูดขึ้นว่า “ไม่มีอะไร พวกนี้คิดว่าจะใช้ได้หรือ แผ่นนี้มันอะไร ระเบิดพลาสติกหรือเปล่า”
พล.อ.ปฐมพงษ์ กล่าวว่า การตรวจสอบครั้งนี้ไม่ได้ทำขึ้นเพื่อโจมตีกองทัพ แต่ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนถึงความไม่มีประสิทธิภาพของเครื่อง จึงต้องการพิสูจน์เพื่อให้กองทัพเลิกนำมาใช้งาน
ขณะที่ นายเจษฏา กล่าวว่า จะไม่เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องตรวจหาสารเสพติด อัลฟ่า 6 ซึ่งมีกลไกการทำงานแบบเดียวกับ จีที 200 เพราะถือว่าภารกิจของตนเองยุติแล้วตั้งแต่มีผลการตรวจสอบประสิทธิภาพของเครื่อง จีที 200 ออกมา
สำหรับองค์กรอุณาโลม เป็นองค์กรอิสระซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับภาครัฐหรือฝ่ายการเมือง ตั้งขึ้นหลังมีรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 มีวัตถุประสงค์เพื่อปลูกฝังอุดมการณ์รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และให้ข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลด้านการทหาร รวมทั้งติดตามการพัฒนากองทัพ ตลอดจนดูแลกำลังพลด้านสิทธประโยชน์และสวัสดิการด้วย
“เจษฎา”แจงเหตุไขก๊อกพ้น กก.ทดสอบ จีที 200
ส่วนการลาออกของ นายเจษฎา จากคณะกรรมการทดสอบประสิทธิภาพเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิด จีที 200 ซึ่งกำลังจะรับหน้าที่ทดสอบประสิทธิภาพเครื่องตรวจหาสารเสพติด อัลฟ่า 6 นั้น นายเจษฎาได้ทำเป็นหนังสือลงวันที่ 21 ก.พ.2553 ถึง คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระบุเหตุผลว่า รู้สึกไม่สบายใจกับรูปแบบและการดำเนินการของคณะกรรมการฯ ในห้วงเวลาที่ผ่านมา ในหลายเรื่อง ได้แก่
1. องค์ประกอบของคณะกรรมการฯ ทั้ง 20 ท่าน มีเขาเพียงผู้เดียวที่ประกาศตนว่าไม่เห็นด้วยกับเครื่อง จีที 200 และเครื่องอื่นๆ ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน (เช่น เครื่องอัลฟ่า 6) ขณะที่มีผู้ที่เห็นด้วยกับการใช้เครื่องอยู่มากเกินกว่ากึ่งหนึ่งของคณะกรรมการฯ รวมทั้งยังไม่มีตัวแทนอื่นๆ ของภาคประชาชนและสื่อมวลชนเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการฯ ด้วย จึงทำให้ที่ผ่านมา เขาไม่มีสิทธิมีเสียงเต็มที่ในการเสนอและผลักดันความคิดเห็น การทำงานของคณะกรรมการฯ ก็ถูกกล่าวหาได้ว่าไม่มีความโปร่งใสเท่าที่ควร
2. การที่จัดให้เขาเป็นประธานฝ่ายซ่อนวัตถุนั้น ทำให้เกิดภาพลบแก่เขา เหมือนเป็นการต่อสู้กันระหว่างภาคประชาชนกับภาคความมั่นคง รวมทั้งยังอาจจะนำไปสู่ข้อครหาว่ามีความพยายามตุกติกในระหว่างการซ่อนของหรือไม่ ทั้งๆ ที่เขาควรดำรงตำแหน่งอยู่ในฝ่ายกรรมการกลางมากกว่า เนื่องจากเป็นผู้ที่คัดค้านเครื่อง
3. แนวทางการทำงานของคณะกรรมการฯ ไม่ได้เป็นไปตามรูปแบบที่เคยขอกับคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวคือ ไม่ได้มีการศึกษาความเป็นไปได้ของเครื่องว่าเป็นเครื่องมือวิทยาศาสตร์หรือไม่ มีการทำงานที่แท้จริงเช่นไร มีความน่าเชื่อถือหรือไม่ในเชิงทฤษฎีและกลไกหรือไม่ ฯลฯ ไม่ได้ทำแม้แต่การทดสอบขั้นต้นเพื่อดูลักษณะภายในของเครื่อง เช่น การเอ็กซเรย์หรือการผ่าพิสูจน์ คณะกรรมการฯได้ทำเพียงแค่การทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องตามที่ได้รับคำสั่งลงมา
แฉซ้ำลดจำนวนตัวอย่างช่วย จีที 200
4. นอกจากจะขาดความหนักแน่นทางวิชาการในเรื่องการทดสอบความเป็นวิทยาศาสตร์ของเครื่องแล้ว คณะกรรมการฯ ยังยินยอมประนีประนอมให้การทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมีความง่ายมากขึ้นตามลำดับ จากที่เคยเสนอให้มีการทดสอบชี้หาวัตถุ 6 ตัวอย่าง จำนวน 30 ซ้ำ ก็ลดลงมาเหลือเพียง 4 ตัวอย่าง 20 ซ้ำ รวมไปถึงการที่คณะกรรมการฯ วางแผนการทดสอบโดยไม่ตั้งสมมติฐานเพื่อทดสอบในเชิงสถิติ ซึ่งจะต้องประกาศสู่สาธารณชนอย่างชัดเจนตั้งแต่แรก (กล่าวคือในกรณีที่มีวัตถุให้หา 4 ชิ้น ผู้ค้นหาจะต้องค้นหาสำเร็จมากกว่า 13 ครั้งจาก 20 ครั้ง จึงจะเริ่มนับว่ามั่นใจได้เต็มที่ว่าเครื่องเหล่านี้ไม่ได้อาศัยหลักการเดาสุ่ม ถึงจะค่อยมาวิเคราะห์หาประสิทธิภาพของเครื่อง)
5. ผลจากการดำเนินงานทั้งหมดของคณะกรรมการฯ แม้ว่าจะได้เปิดเผยความจริงให้ประจักษ์แก่สาธารณชนว่า เครื่องจีที 200 ไม่มีประสิทธิภาพในการทำงาน แต่ด้วยรูปแบบการทดสอบดังกล่าวข้างต้นที่ขาดการศึกษาเครื่องอย่างรอบด้าน ดังเช่น ขาดการทดสอบความเป็นวิทยาศาสตร์ของเครื่อง กลับทำให้เกิดความสับสนแก่ผู้คนในสังคม รวมไปถึงส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของกองทัพและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการใช้เครื่องจีที 200 และสร้างความยากลำบากในการชี้แจงเหตุผลให้แก่เจ้าหน้าผู้ปฏิบัติงาน
จากความไม่สบายใจทั้ง 5 ข้อดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นซ้ำรอยอีกกับการทดสอบเครื่อง อัลฟ่า 6 ในอนาคตอันใกล้นี้ จึงได้พิจารณาไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้ว พบว่าไม่มีความสบายใจมากเพียงพอที่จะทำงานภายใต้รูปแบบและแนวทางของคณะกรรมการฯ ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน จึงขอลาออกจากณะกรรมการฯ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
นายกฯไฟเขียวผ่าเครื่องพิสูจน์ซ้ำ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวเมื่อวันพุธที่ 24 ก.พ.2553 ถึงความชัดเจนในการพิสูจน์และทำความเข้าใจประสิทธิภาพของเครื่องตรวจวัตถุระเบิดจีที 200 ว่า ทางกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯสอบถามมาว่าอยากจะเปิดพิสูจน์ตัวเครื่อง จีที 200 ได้หรือไม่ จึงได้สอบถามกลับไปว่าอุปสรรคคืออะไร ทางกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯก็บอกว่า ถ้าเปิดเครื่องพิสูจน์ บริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายจะไม่รับผิดชอบ
“ในความเข้าใจของผมคือ ถ้าเครื่องไหนเราเปิด เขาก็ไม่รับผิดชอบเครื่องนั้น แต่เรามี 700 กว่าเครื่อง เปิดเครื่องเดียวคงไม่ได้หมายความว่าไม่รับผิดชอบทั้ง 700 เครื่อง ฉะนั้นผมคิดว่าถ้าเปิดเครื่องเดียวแล้วบริษัทฯไม่รับผิดชอบเครื่องนั้นก็คุ้ม จะได้เห็นว่ามีอะไรที่เป็นการทำงานตามหลักวิทยาศาสตร์หรือไม่ เพราะในต่างประเทศที่มีการเปิดตัวเครื่องลักษณะเดียวกันก็พบว่าไม่มีอะไรที่สามารถอธิบายในเชิงวิทยาศาสตร์ได้เลย”
ผู้สื่อข่าวถามว่า การผ่าพิสูจน์เครื่องจะทำให้เจ้าหน้าที่ที่ใช้งานยอมรับง่ายขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่าจะมีส่วนช่วยให้เกิดความเข้าใจ การค้นหาข้อเท็จจริงเป็นเรื่องที่อยากให้ทำ แต่ให้ไปดูให้รัดกุมในสัญญาที่บอกว่าไม่ให้เปิดนั้นมีที่มาอย่างไร แต่ส่วนตัวไม่เชื่อว่าจะเปิดไม่ได้เลยสักเครื่อง
ปะทะเดือดที่ปะแตทหารพรานสาหัส-กลุ่มป่วนดับ 1
ด้านสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ตลอด 2 วันที่ผ่านมา ยังคงมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 15.40 น. วันพุธที่ 24 ก.พ.2553 เจ้าหน้าที่ทหารพรานได้สนธิกำลังกับทหารหน่วยเฉพาะกิจยะลา 14 และตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ (นปพ.) สภ.ปะแต อ.ยะหา จ.ยะลา จำนวน 50 นาย เข้าพิสูจน์ทราบในป่าท้องที่หมู่ 5 บ้านจาเราะซีโป๊ะ ต.ปะแต หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบกลุ่มติดอาวุธมาชุมนุมกันอยู่หลายคน
ขณะเดินเท้าเข้าไปตรวจสอบ กลุ่มติดอาวุธมองเห็นเจ้าหน้าที่ก่อน จึงใช้อาวุธสงครามทั้งเอ็ม 16 อาก้า ยิงใส่ จนเกิดการยิงปะทะกันนาน 20 นาทีเสียงปืนจึงสงบลง
จากการเข้าเคลียร์พื้นที่ พบ อาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) พัทยา แปงคำใส อายุ 20 ปี สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 4703 กรมทหารพรานที่ 47 ประจำฐานปฏิบัติการในพื้นที่ ต.ปะแต ถูกยิงเข้าที่ลำคอ อาการสาหัส จึงรีบนำส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา นอกจากนั้นยังพบศพ นายอับดุลเลาะ ยาวางอ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 42 หมู่ 3 ต.กระเสาะ อ.มายอ จ.ปัตตานี นอนจมกองเลือดโดยมีอาวุธสงครามตกอยู่ข้างๆ เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่า กลุ่มติดอาวุธดังกล่าวน่าจะเป็นแนวร่วมกลุ่มก่อความไม่สงบที่เข้ามาหลบซ่อนตัวเพื่อเตรียมก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ อ.ยะหา อ.กรงปินัง จ.ยะลา และใกล้เคียง
ดักบึ้มทหารที่กรงปินังไร้คนเจ็บ-ยิง อส.ดับคาถนน
ช่วงเช้าวันเดียวกัน ที่ อ.กรงปินัง คนร้ายลอบวางระเบิดบนถนนในหมู่บ้าน หมู่ 3 บ้านสลาแด ต.ห้วยกระทิง เพื่อดักสังหารทหารหน่วยเฉพาะกิจยะลา 13 ขณะนำกำลังเดินทางไปตรวจจุดเกิดเหตุคนร้ายลอบวางเพลิงร้านน้ำชาของชาวบ้านในท้องที่ ต.สาเอะ อ.กรงปินัง เมื่อคืนที่ผ่านมา แต่โชคดีที่ระเบิดซึ่งคนร้ายประกอบใส่ไว้ถังแก๊สขนาดเล็กทำงานผิดพลาด จึงไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นแผนลวงเพื่อลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่ของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ค่ำวันอังคารที่ 23 ก.พ. คนร้ายใช้อาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 ม.ม. ตามประกบยิง นายมะฮะเซ็ง เซ็ง อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10/1 หมู่ 3 ต.บาเจาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส และเป็นอาสารักษาดินแดน (อส.) ประจำที่ว่าการอำเภอบาเจาะ โดยคนร้ายรัวกระสุนใส่ถึง 9 นัด ทำให้ นายมะฮะเซ็ง เสียชีวิตคาที่ เหตุเกิดบนถนนเพชรเกษม สายปัตตานี-นราธิวาส ท้องที่บ้านส้มป่อย หมู่ 4 ต.บาเจาะ ขณะนายมะฮะเซ็งกำลังขี่รถจักรยานยนต์ไปทำงานที่ฐานปฏิบัติการชุดพัฒนาสันติ ตั้งอยู่หลังโรงเรียนบ้านดูกู ต.บาเจาะ เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบที่ต้องการสังหารบุคคลที่ทำงานให้กับรัฐ
---------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1-2 ขั้นตอนการผ่าเซ็นเซอร์การ์ด จีที 200
3 นายเจษฎา เด่นดวงบริพันธ์