เตือน จนท.ใช้จีที 200 ชี้เป้าบุคคล...ก่อนหน้านี้พออภัย-ใช้ต่อไปผิดแน่!
ทีมข่าวอิศรา
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา
ผู้นำรัฐบาล และกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เห็นสอดคล้องกันว่า การที่เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติยังคงเดินหน้าใช้เครื่องตรวจระเบิด จีที 200 ต่อไป มีความเสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้องกล่าวหาเรื่องละเมิดสิทธิมนุษยชน ภายหลังผลการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องจีที 200 ออกมาชัดเจนว่ามีสถิติความแม่นยำน้อยกว่าการเดาสุ่ม
พล.ต.อ.วันชัย ศรีนวลนัด กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า ขณะนี้กรรมการสิทธิฯ กำลังติดตามกระบวนการใช้เครื่อง จีที 200 ให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะในประเด็นที่ว่าเจ้าหน้าที่ใช้เครื่องนี้ไปชี้เป้าผู้ต้องสงสัยนั้นเป็นอย่างไร และการใช้เครื่องต่อไปจะกระทบสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานที่รัฐธรรมนูญรับรองหรือไม่
“หากเราเห็นว่าการใช้เครื่องอาจกระทบกับสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ก็อาจหยิบยกขึ้นมาพิจารณาได้ และหากผู้ใดเห็นว่าตนเองเป็นผู้เสียหายจากการใช้เครื่องจีที 200 ก็สามารถมาร้องเรียนให้กรรมการสิทธิฯ ตรวจสอบได้เลย”
ส่วนการใช้เครื่อง จีที 200 ไปชี้เป้าบุคคลต้องสงสัยก่อนหน้านี้ ซึ่งมีองค์กรเอกชนด้านสิทธิมนุษยชนมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิ และแนะนำให้ผู้เสียหายฟ้องร้องนั้น พล.ต.อ.วันชัย มองว่า หากเป็นการใช้เครื่องโดยสุจริต ก็แสดงว่าผู้ใช้ไม่มีเจตนาที่จะละเมิดสิทธิมนุษยชน เพราะในตอนนั้นเชื่อได้ว่าผู้ใช้มีความมั่นใจในตัวเครื่อง จึงนำมาตรวจและชี้เป้าบุคคลโดยไม่รู้ข้อเท็จจริงว่าเครื่องใช้งานได้มีประสิทธิภาพขนาดไหน แต่มาถึงขณะนี้หากนำไปใช้อีกก็ถือว่ามีปัญหาแล้ว เพราะมีการทดสอบและมีผลออกมาชัดเจน ช่วงก่อนหน้านี้กับหลังจากนี้มีสภาพแตกต่างกันแล้ว เชื่อว่าที่ผ่านมาผู้ใช้งานคงไม่มีใครรู้
“ผมขอแนะนำว่าหากเจ้าหน้าที่จะใช้ต่อไปเพราะไม่มีเครื่องมืออื่นทดแทน ก็ควรใช้เป็นเครื่องมือประกอบเท่านั้น และต้องไม่ใช้ชี้เป้าบุคคลหรือทำให้กระทบต่อบุคคล เช่น หากชี้ไปที่บ้านใคร ก็ต้องไม่ใช้เป็นเงื่อนไขบ่งบอกว่าเจ้าของบ้านมีความผิด ต่อไปนี้จะใช้ในทางที่กระทบต่อบุคคลไม่ได้แล้ว”
ส่วนเรื่องการเยียวยาผู้เสียหายในกรณีที่ถูกควบคุมตัวโดยไม่ได้กระทำความผิดนั้น พล.ต.อ.วันชัย กล่าวว่า รัฐบาลมีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม เป็นหน่วยงานรับผิดชอบอยู่แล้ว หากเข้ากรอบและเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด รัฐก็ต้องเยียวยา หรือหากกรรมการสิทธิฯตรวจพบ ก็สามารถเสนอแนะให้รัฐเยียวยาได้
นายกฯเตือน จนท.ต้องรับผิดชอบ
สอดคล้องกับความเห็นของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่บอกว่า เราเข้าใจความรู้สึกของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติ โดยเฉพาะในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่คิดว่าเครื่อง จีที 200 เป็นอุปกรณ์ที่สร้างความมั่นใจให้ อีกทั้งขณะนี้ก็ยังไม่มีอะไรไปทดแทนได้ ก็ย่อมเป็นปัญหากับเจ้าหน้าที่
อย่างไรก็ตาม คิดว่าถ้ายังจะใช้ต่อไปก็มีแต่ความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับทุกฝ่าย กล่าวคือ ประการแรก ถ้าเจ้าหน้าที่นำไปตรวจสอบเพื่อค้นหาวัตถุระเบิดแล้วไม่พบ อาจจะไปสร้างความเข้าใจผิดว่าจุดนั้นปลอดภัย ซึ่งไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุ เพราะก่อนหน้านี้มีเหตุเกิดขึ้น (ตรวจไม่เจอ แต่จริงๆ มีระเบิดและเกิดระเบิดขึ้น) ที่ผ่านมาเราไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร ก็มีการชี้แจงกันว่าเครื่องดังกล่าวไม่ 100% แต่เมื่อวันนี้ได้พิสูจน์แล้ว และยังไปใช้อีก ความรับผิดชอบก็ต้องตกอยู่กับเจ้าหน้าที่ค่อนข้างมาก
ประการที่สอง หากนำไปใช้กับตัวบุคคลจะถูกโต้แย้งแน่นอนในเรื่องของการไปละเมิดสิทธิ์ จึงได้มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไปเร่งคิดถึงเรื่องการปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานโดยไม่ใช้เครื่องมือตัวนี้ให้เร็วที่สุด เพราะโอกาสเลิกใช้เครื่องจีที 200 มีอยู่แล้ว
ภาคประชาชนเชื่อมีชาวบ้านถูกจับเพราะจีที 200
ก่อนหน้านี้ มูลนิธิผสานวัฒนธรรม โดย น.ส.พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการโครงการเข้าถึงความยุติธรรมและการคุ้มครองทางกฎหมาย ออกแถลงการณ์ระบุว่า ประเด็นการนำเครื่องจีที 200 มาใช้ในภารกิจแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เริ่มมาตั้งแต่ปี 2550 ซึ่งเป็นภารกิจที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของกองทัพบก โดยในช่วงนั้นมีการนำมาใช้กันอย่างแพร่หลาย เพราะเชื่อว่าเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูง จึงไม่แปลกที่ทำให้มีประชาชนผู้บริสุทธิ์ถูกดึงเข้าไปติดร่างแหว่ามีส่วนร่วมหรือเกี่ยวข้องกับการก่อความไม่สงบเป็นจำนวนมาก ทั้งการถูกเชิญตัว จับกุม และอาจมีส่วนหนึ่งได้รับการปล่อยตัว ขณะที่ส่วนใหญ่จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ภายใต้กฎอัยการศึกและพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ)
จากการแยกประเภทพบว่า อาจมีผู้ได้รับผลกระทบ 3 กลุ่ม คือ
1.กลุ่มเยาวชนที่ถูกเกณฑ์ให้เข้าร่วมอบรมสร้างอาชีพในค่ายทหารระยะเวลา 4 เดือน ซึ่งแม้ปัจจุบันได้รับการปล่อยตัวแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการเยียวยา
2.กลุ่มประชาชนที่ถูกเจ้าหน้าที่ปิดล้อมตรวจค้นบ้าน และเชิญตัวไปซักถามหรือสอบสวน
3.กลุ่มที่ถูกตรวจสอบจากเครื่องจีที 200 โดยตรง และถูกนำตัวไปควบคุมระยะเวลา 37 วัน (ตามกฎอัยการศึก และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ) กลุ่มนี้ไม่ได้ผ่านกระบวนการตรวจสอบจากหน่วยงานใดเลย
จี้รัฐเยียวยา-ตั้งองค์กรกลางตรวจสอบ
“ทั้งหมดรวมกันมีผู้ที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยกว่า 4,000 ราย แต่เนื่องจากไม่มีหน่วยงานใดเก็บข้อมูลบุคคลที่ได้รับผลกระทบโดยตรงเฉพาะจากการที่เครื่องมือจีที 200 ชี้เป้าอย่างจริงจังว่ามีจำนวนกี่ราย จึงไม่มีใครทราบ อย่างไรก็ดี ความบกพร่องจากประสิทธิภาพของจีที 200 ต้องมีผู้รับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นกองทัพบก หน่วยงานทหารในพื้นที่ รวมถึงรัฐบาล เนื่องจากเชื่อว่ามีประชาชนที่ได้รับผลกระทบและได้รับความเสียหายจากเครื่องมือดังกล่าว ซึ่งหมายรวมถึงผู้ต้องขังที่อยู่ในเรือนจำในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ประมาณ 500 คนในปัจจุบันที่อาจเป็นหนึ่งในผู้เสียหายจากเครื่อง จีที 200 ที่รัฐอาจต้องเยียวยาทั้งทางจิตใจและด้านอื่นๆ ด้วย" น.ส.พรเพ็ญ ระบุ
แถลงการณ์ของมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ยังระบุด้วยว่า เบื้องต้นอยากเรียกร้องให้รัฐบาลตั้งคณะกรรมการกลางหรือองค์กรกลางที่ได้รับความเชื่อถือทั้งจากฝ่ายรัฐและประชาชนเพื่อร่วมกันคัดกรองและตรวจสอบช่วยเหลือบุคคลที่อาจได้รับผลกระทบจากเครื่องจีที 200 โดยเฉพาะการเร่งรัดการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมให้เสร็จสิ้นโดยเร็วเพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับความเป็นธรรมโดยไม่จำเป็นต้องรื้อคดีสอบใหม่ทั้งหมด แต่คัดกรองเอาเฉพาะกลุ่มที่อาจถูกฟ้องโดยไม่มีมูล
พร้อมกันนี้ ฮิวแมนไรท์วอทช์ องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนระดับโลก รวมทั้งคณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพ ที่มี นางอังคณา นีละไพจิตร เป็นประธาน ได้ออกแถลงการณ์เช่นกัน โดยเรียกร้องให้รัฐบาลและกองทัพแสดงความรับผิดชอบกรณีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงใช้เครื่อง จีที 200 ในการตรวจค้นหมู่บ้าน และควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวมลายูมุสลิมจำนวนมากในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายใต้ยุทธการ “พิทักษ์แดนใต้” ตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา
อนึ่ง คณะกรรมการทดสอบประสิทธิภาพเครื่องจีที 200 ที่มีกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นเจ้าภาพ ได้สรุปผลการทดสอบที่มีตัวแทนจากกองทัพร่วมเป็นกรรมการด้วย และเป็นการทดสอบในพื้นที่ปิดเพื่อป้องกันการเบี่ยงเบนแทรกซ้อนของสสารต่างๆ ในสภาพแวดล้อม พบว่าเครื่อง จีที 200 ค้นหาสารทีเอ็นที ซึ่งเป็นสารประกอบระเบิดได้เพียง 4 ครั้งจาก 20 ครั้ง คิดเป็น 20% ซึ่งต่ำกว่าการเดาสุ่มเสียอีก
------------------------------------------------------------------------
อ่านประกอบ : จีที 200 ส่อวุ่น...อนุพงษ์ : ใช่ต่อ, นายกฯ : ห้ามใช้!