"ชัชวาลย์ ทองดีเลิศ" ตั้งโจทย์ "จะผลิตเด็กป้อนอุตสาหรรม หรือสร้างคนบนรากเหง้า"
จากวิทยาลัยการจัดการทางสังคม และ โฮงเฮียนสืบสานภูมิปัญญาล้านนา สู่การเคลื่อนไหวคัดค้านยุบโรงเรียนเล็ก ในนาม สภาการศึกษาทางเลือก หนึ่งในหัวขบวนหลัก คือ "ชัชวาลย์ ทองดีเลิศ" ศูนย์ข่าวเพื่อชุมชน สำนักข่าวอิศรา ร่วมขยายมุมมองการศึกษาเพื่อสังคมรากหญ้า
ทาง เครือข่ายการศึกษาทางเลือกได้เดินทางเข้าพบนายชินวรณ์ บุญเกียรติ รัฐมนตรี รมต.กระทรวงศึกษาธิการ ว่ามีนโยบายการยุบโรงเรียนขนาดเล็กจริงหรือไม่ ซึ่งได้รับคำตอบ ว่าเป็นความจริง และหากมีโอกาสเป็น รมต. อีก ก็ยังยืนกรานว่าจะยุบ
@ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากนโยบายนี้มีอะไร อย่างไรบ้าง
ความจริงแล้วโรงเรียน ไม่ได้เล็กเองตามที่กระทรวงฯ บอกว่าเด็กน้อยเพราะการเกิดน้อย แต่มันถูกทำให้เล็กโดยการบริหารที่ล้มเหลว คือ
@ท่าทีล่าสุดของ สพฐ. และกระทรวงศึกษาฯ เป็นอย่างไร
@โรงเรียนขนาดเล็กจะตออบโจทย์ กระทรวงศึกษาฯ ทั้งสามข้อคือ โอกาส คุณภาพ และประสิทธิภาพได้อย่างไร
แนว ทางที่สำคัญที่สุดคือ ต้องสร้างกระบวนการการมีส่วนร่วมครับ ผู้บริหาร ครู ผู้นำท้องถิ่น องค์การบริหารส่วนท้องถิ่นต้องมานั่งคุยกันก่อนว่า แนวทางการบริหารแนวใหม่จะเป็นอย่างไร "ผมเชื่อว่า แค่เริ่มเชิญชวน พูดคุย อย่างน้อยก็เป็นการเปลี่ยนแปลงก้าวสำคัญ ที่จะมาสู่กระบวนการที่สอง คือ การพัฒนาหลักสูตรร่วมกันของท้องถิ่น ไม่ได้เอาแต่หลักสูตรส่วนกลาง แต่วางไว้บนพื้นฐานชีวิต ภูมิปัญญาท้องถิ่นผสมผสานกัน”
@นอกจากเรื่องนี้ คุณชัชวาลย์ ทำงานพัฒนาชุมชนเรื่องอะไรบ้าง
ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการศึกษา เช่น วิทยาลัยการจัดการทางสังคม (วจส.) เราก็ผลักดันเรื่อง "ห้องเรียนชุมชน" เพราะเมืองไทยมีภูมิปัญญาที่เป็นองค์ความรู้อยู่เต็มแผ่นดิน แต่ถูกตัดขาดออกจากระบบ โดยสนับสนุนให้เกิดศูนย์การเรียนรู้เพื่อชุมชนกระจายอยู่ทั่วประเทศ ส่วน โฮงเฮียนสืบสานภูมิปัญญาล้านนา เกิดมา 11 ปี แล้ว เป็นการรวบรวมองค์ความรู้จากพ่อครู แม่ครู ภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยเฉพาะวัฒนธรรม ประเพณีต่างๆ เป็นห้องเรียนไว้ ถ้าเด็กคนไหนสนใจเรียนอะไร ก็สามารถไปศึกษาเรียนรู้เรื่องนั้นๆ ได้ ซึ่งความจริงน่าจะมีศูนย์การเรียนรู้เรื่องวัฒนธรรมท้องถิ่น อยู่ทุกจังหวัด มีพ่อครูแม่ครูมากมายอยากสอนในสิ่งที่ท่านรู้ และยังมีเด็กอีกมากมายที่อยากเรียนรู้วัฒนธรรมตนเองแต่ไม่รู้ว่าจะไปเรียน ที่ไหน
สิ่ง ที่เห็นได้ชัดคือ สมัยก่อนเด็กๆ จะอายที่จะแต่งชุดพื้นเมือง อายที่จะพูดคำเมือง กินอาหารพื้นเมือง เล่นดนตรีพื้นเมือง แต่ปัจจุบันเปลี่ยนไปแล้ว เด็กๆ มีความภาคภูมิใจใน วัฒนธรรมท้องถิ่นของตนเอง ได้ตีกลองสะบัดชัยได้ แต่งกายพื้นเมืองได้โดยไม่อาย เรื่องความภาคภูมิใจในตนเอง ภูมิใจในวัฒนธรรมของตนเองเป็นฐานสำคัญมาก เพราะเราสอนให้อยู่ในหลักการเคารพธรรมชาติ และการเรียนรู้การอยู่ร่วมกัน มีรัก เคารพต่อครูบาอาจารย์ในขณะที่การเรียนสมัยใหม่พวกเขาก็ยังเรียนรู้ได้ ดังคำกล่าวที่ว่า “เรียนรู้รากเหง้า เท่าทันโลกาภิวัตน์”
@อะไรที่เป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้มาทำ เรื่องการศึกษาทางเลือก
ผม เห็นว่าสังคมไทย มีทุน มีองค์ความรู้ และภูมิปัญญามากมาย แต่เรากลับไม่เห็นคุณค่า เราเอาความรู้และภูมิปัญญาตะวันตกมาใช้กันมาก ซึ่งล้วนแต่เป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ไม่เคารพกัน เสรี แข่งขันกัน จนทำให้ผู้คนเห็นแก่ตัว เป็นนักบริโภคตัวยง ไม่พึ่งตนเอง นับเป็นหายนะของโลก เป็นการทำลายชีวิต และจิตวิญญาณมนุษย์
พื้นหลัง ของสังคมไทยที่มาจากรากฐานของสังคมไทย ทำให้คนเป็นคน และรักษาทรัพยากรธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรม เราจะอยู่กันอย่างไร เมื่อไม่มีทรัพยากรธรรมชาติเหลืออยู่เลย มีส่วนร่วมในการสร้างพื้นฐานเหล่านี้ไว้ จะก่อให้เกิดความงอกงามในระยะยาว
ทุก วันนี้ ผมได้เห็นเด็กๆ เรียนรู้ และมีภาคภูมิใจในวัฒนธรรมตนเอง เห็นชาวบ้านรักเคารพธรรมชาติ เห็นชาวบ้านรักษาป่า ทำเรื่องสมุนไพร ใส่ผ้าย้อมสี มันเป็นเป็นพลังในการทำงาน และผมมีความสุขที่จะทำครับ
คุณชัชวาลย์ ได้ตอบโจทย์กระทรวงศึกษาธิการไปแล้ว และแนะแนวทางการจัดการโรงเรียนขนาดไปแล้วบางส่วน ก็คงถึงเวลา เราๆ ท่านๆ จะตั้งคำถามกับตัวเอง และผู้หลักผู้ใหญ่ที่เป็นผู้ออกแบบนโยบายการการศึกษา ผู้กำหนดทิศทางการพัฒนาประเทศว่า "จะผลิตเด็กเพื่อป้อนอุตสาหกรรมต่อไป ... หรือจะสร้างเด็กให้ เรียนรู้รากเหง้า เท่าทันโลกาภิวัตน์"