ใต้อ่วม...นราฯจมน้ำ-ยิงรายวันยังเพียบ
แวดาโอ๊ะ หะไร / รอซิดะห์ ปูซู
อะหมัด รามันห์สิริวงศ์
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา
ชายแดนใต้อ่วมเจออุทกภัยอีกระลอก นราธิวาสหนักสุดจมน้ำ 13 อำเภอ เทศบาลสุไหงโก-ลกน้ำท่วมสูง 2-3 เมตร ต้องอพยพชาวบ้านนับพันคนไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว ส่วนที่ยะลาท่วมหนักที่รามัน ปัตตานีน้ำทะลัก 6 อำเภอ อุตุฯเตือนสามจังหวัดยังรับฝนต่อถึง 27 พ.ย. ด้านเหตุร้ายในพื้นที่ยังเพียบ ไล่ยิงชาวบ้านตาย 3 เจ็บ 1 ปะทะเดือดบนภูเขาที่ยะหา วิสามัญฯแนวร่วมอีกศพ
สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้กลับมาวิกฤติจากน้ำท่วมอีกครั้ง โดยเฉพาะใน จ.นราธิวาส ซึ่งมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องหลายวัน ตั้งแต่วันที่ 18 พ.ย.เป็นต้นมา ส่งผลให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำสุไหงโก-ลกท่วมล้นตลิ่งกว่า 3 เมตร ประกอบกับน้ำป่าจากเทือกเขาหลากลงสู่พื้นราบ ทำให้มีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 11 อำเภอของจังหวัด โดยอำเภอที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ อ.สุไหงโก-ลก บริเวณชุมชนหัวสะพาน ท่าโรงเลื่อย และซอยประปา ในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก มีน้ำท่วมสูง 2-3 เมตร ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 3,666 ครัวเรือน รวม 16,014 คน
รองลงมาคือ อ.ยี่งอ มีระดับน้ำท่วมขังเฉลี่ย 80–100 เซนติเมตร ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 909 ครัวเรือน 2,727 คน เจ้าหน้าที่ได้อพยพราษฎรใน 3 อำเภอ คือ จะแนะ ยี่งอ และสุไหงโก-ลก จำนวน 1,081 คน ไปพักอาศัยยังศูนย์อพยพที่ทางอำเภอจัดให้เป็นการชั่วคราวแล้ว
ล่าสุดเมื่อวันอังคารที่ 24 พ.ย.2552 แม้ฝนจะเริ่มหยุดตกแล้ว แต่ท้องฟ้ายังคงมืดครึ้ม ขณะที่น้ำป่าและน้ำที่เอ่อล้นจากแม่น้ำได้ท่วมขยายวงกว้างกินพื้นที่ 13 อำเภอของ จ.นราธิวาส โดยระดับน้ำทรงตัวอยู่ที่ 1-1.5 เมตร
ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม จ.นราธิวาส สรุปความเสียหายจากภาวะน้ำท่วมในพื้นที่ 13 อำเภอว่า มีมูลค่าสูงถึง 43,271,040 บาท โดยมีถนนถูกน้ำท่วมขัง จำนวน 103 สาย ยานพาหนะทุกชนิดไม่สามารถสัญจรไปมาได้ 80 สาย ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 61,833 คน บ้านเรือนถูกกระแสน้ำเชี่ยวกรากพัดได้รับความเสียหาย 15 หลัง มีโรงเรียนต้องปิดการเรียนการสอนอย่างน้อย 20 โรง
ที่ อ.สุคิริน สาธารณูปโภคได้รับความเสียหายหนักที่สุด ทั้งดินถล่มทับเส้นทางสายหลัก เสาไฟฟ้าหักโค่น และสะพานได้รับความเสียหายเป็นจุดๆ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยทั้งทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ได้ระดมกำลังกันเข้าช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยแล้ว
อุตุฯเตือนชายแดนใต้รับฝนต่อ
สถานีอุตุนิยมวิทยานราธิวาส ได้ออกประกาศว่า พื้นที่ภาคใต้ตอนล่างจะยังคงมีฝนตกชุกและมีฝนตกหนักต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 27 พ.ย.นี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำเคลื่อนเข้าสู่ตอนเหนือของประเทศมาเลเซีย ซึ่งอาจทำให้กลุ่มผู้ใช้แรงงานชาวไทยในประเทศมาเลเซียไม่สามารถเดินทางกลับมาร่วมเฉลิมฉลองในวันตรุษ
อีดิลอัฎฮากับครอบครัวในวันที่ 27 พ.ย.นี้ได้
ส่วนที่ จ.ยะลา ก็มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องเช่นกัน เมื่อประกอบกับปริมาณน้ำในแม่น้ำสายบุรีเพิ่มสูงขึ้น ทำให้พื้นที่ ต.กายูบอเกาะ ต.อาซ่อง ต.ท่าธง ต.ตะโล๊ะหะลอ ต.เกะรอ และ ต.บาลอ อ.รามัน จ.ยะลา ซึ่งอยู่ติดลำน้ำสายบุรีประสบภาวะน้ำท่วม ชาวบ้านต้องขนย้ายข้าวของ และอพยพสัตว์เลี้ยงไปไว้บนที่สูง พร้อมกางเต็นท์บนถนนสายรามัน–มายอ และรามัน- ตะโล๊ะหะลอ เพื่อใช้เป็นที่พักอาศัยชั่วคราว
สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ยะลา รายงานว่า มีพื้นที่ประสบอุทกภัย ประกอบด้วย ต.ปะแต ต.ละแอ อ.ยะหา ต.ท่าสาป ต.ยุโป อ.เมืองยะลา และ ต.เกะรอ ต.ท่าธง ต.ตะโล๊ะหะลอ ต.กายูบอเกาะ ต.อาซ่อง ต.บาลอ อ.รามัน ส่วนโรงเรียนที่ต้องหยุดทำการเรียนการสอนเป็นการชั่วคราวเนื่องจากน้ำท่วมภายในโรงเรียน และน้ำท่วมเส้นทางเข้าออกโรงเรียน มีจำนวน 7 โรง
ขณะที่ จ.ปัตตานี มีฝนตกหนักต่อเนื่องจนทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่ มีราษฎรได้รับความเดือดร้อน 1,360 ครัวเรือน 4,287 คน ในพื้นที่ 6 อำเภอ คือ อ.ทุ่งยางแดง อ.ปะนาเระ อ.ไม้แก่น อ.ยะหริ่ง อ.มายอ อ.สายบุรี
บุกยิงวัยรุ่นถึงในบ้านที่บันนังสตา
แม้ในพื้นที่สามจังหวัดจะประสบอุทกภัย แต่ก็ยังมีเหตุร้ายรายวันเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 18.27 น. วันอังคารที่ 24 พ.ย.2552 ตำรวจ สภ.บันนังสตา จ.ยะลา รับแจ้งมีคนถูกยิงเสียชีวิตที่บ้านเลขที่ 138/1 ริมทางหลวงหมายเลข 410 ยะลา–เบตง ท้องที่บ้านตาเนาะปูเต๊ะ หมู่ 4 ต.ตาเนาะปูเต๊ะ อ.บันนังสตา จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุ พบศพ นายไซดี ยูโซ๊ะ อายุ 25 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนอาก้า และเอ็ม 16 เข้าที่ศีรษะและลำตัวหลายนัด เสียชีวิตคาที่ สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ขณะที่นายไซดีกำลังนั่งพักผ่อนอยู่ภายในบ้าน ได้มีกลุ่มคนร้าย 3-5 คนแอบเข้าไปในบ้าน และใช้อาวุธปืนสงครามยิงนายไซดีจนเสียชีวิต เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นฝีมือของกลุ่มก่อความไม่สงบ เนื่องจากนายไซดีให้ความร่วมมือกับทางราชการ และก่อนหน้านี้นายไซดียังเป็นลูกน้องของอดีตผู้ใหญ่บ้านที่ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิต เมื่อปลายปี 2550 ที่ผ่านมาด้วย
รัวกระสุนใส่ครูปอเนาะสาวดับหน้าร้านน้ำชา
ที่ จ.ปัตตานี เมื่อเวลา 20.00 น.วันอาทิตย์ที่ 22 พ.ย.2552 มีคนร้าย 4 คน ใช้รถจักรยานยนต์ 2 คันเป็นพาหนะ ขี่ไปจอดที่หน้าร้านน้ำชา เลขที่ 126 หมู่ 5 ต.ปากู อ.ทุ่งยางแดง ก่อนชักปืนพกสั้นแบบลูกโม่ยิงใส่ น.ส.คอลีเยาะ วามะ อายุ 25 ปี ที่นั่งอยู่หน้าร้านกับน้องชาย 3 คน กระสุนถูก น.ส.คอลีเยาะ 3 นัด เสียชีวิตคาที่
สอบสวนทราบว่า น.ส.คอลีเยาะ เป็นลูกจ้างของโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม โดยสอนอยู่ที่ปอเนาะบ้านน้ำใส อ.มายอ จ.ปัตตานี และมีเพื่อนชายเป็นทหารอยู่ในค่ายอิงคยุทธบริหาร ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าคนร้ายน่าจะเป็นแนวร่วมก่อความไม่สงบในพื้นที่
ซุ่มยิงลูกผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านสาหัส
ที่ จ.ยะลา เมื่อเวลา 20.00 น.วันเดียวกัน ตำรวจ สภ.เมืองยะลา รับแจ้งเหตุยิงกันบนถนนในหมู่บ้าน หมู่ 2 ต.เปาะเส้ง อ.เมืองยะลา จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบ มีผู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ ชาวบ้านช่วยกันนำส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา ทราบชื่อคือ นายสุกรี เจ๊ะเยะ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 113/1 หมู่ 2 ต.เปาะเส้ง ถูกยิงเข้าที่หน้าท้องทะลุชายโครง อาการสาหัส โดย นายสุกรี เป็นลูกจ้างโครงการจ้างงานเร่งด่วนของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 (กอ.รมน.ภาค 4) และเป็นลูกชายของ นายเจ๊ะมุ เจ๊ะเยะ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ต.เปาะเส้ง
สอบสวนทราบว่า ขณะที่นายสุกรีกำลังขี่รถจักรยานยนต์เดินทางไปเข้าเวรที่โรงเรียนสลากกินแบ่งรัฐบาลสงเคราะห์ที่ 134 หมู่ 2 ต.เปาะเส้ง ระหว่างทางถูกคนร้ายที่ดักซุ่มอยู่ในป่าละเมาะข้างทางใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาดยิงใส่ 2 นัดจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุของการลอบยิงครั้งนี้
ปะทะเดือดกลางเขาวิสามัญฯอีกศพ
เมื่อเวลา 02.45 น. วันเสาร์ที่ 21 พ.ย.2552 พ.ต.อ.สวัสดิ์ เตียวิรัตน์ ผู้กำกับการ สภ.ยะหา จ.ยะลา รับแจ้งเหตุยิงปะทะกันระหว่างทหารหน่วยเฉพาะกิจยะลา 14 กับผู้ต้องสงสัยก่อความไม่สงบ บนเทือกเขาฮูยงซูแง หมู่ 6 ต.บาโร๊ะ อ.ยะหา จึงรีบนำกำลังตามไปสมทบ โดยจุดเกิดเหตุอยู่ในสวนยางพาราลึกเข้าไปในป่าประมาณ 1 กิโลเมตร พบ พ.ต.จิรวัฒน์ จุฬากาญจน์ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลา 14 พร้อมเจ้าหน้าที่ทหารกำลังปิดล้อมพื้นที่อยู่
ในที่เกิดเหตุพบศพ นายมาหะมะ มะหร๊ะ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 68/1 หมู่ 6 บ้านกูวิง ต.บาโร๊ะ ตรวจสอบประวัติพบว่าเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับคดีความมั่นคงถึง 5 คดี ในมือกำอาวุธปืนเอ็ม 16 ซึ่งถูกลบทะเบียน 1 กระบอก ใกล้กันพบเป้สีแดงและเป้ลายพรางอย่างละ 1 ใบ ภายในมีสายไฟยาว 200 เมตร อุปกรณ์ประกอบระเบิด โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ซิมการ์ด 2 อัน ของใช้ส่วนตัว และอาหารแห้งจำนวนหนึ่ง
สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุมีกลุ่มชาวบ้านประมาณ 20 คน นำโดย นายหวน ใจบุญ อายุ 54 ปี อยู่บ้านคลองพี หมู่ 9 ต.บาละ อ.กาบัง จ.ยะลา เข้าไปหาหมูป่าบนเทือกเขา ระหว่างนั้นมีกลุ่มคนร้าย 5-7 คนใช้อาวุธปืนสงครามซุ่มยิงชาวบ้าน ทำให้นายหวนถูกยิงเข้าที่สีข้างด้านซ้ายและต้นขาซ้ายได้รับบาดเจ็บ
ส่วนชาวบ้านที่เหลือได้ช่วยกันใช้ปืนลูกซองยิงตอบโต้กลุ่มคนร้าย จังหวะนั้นเจ้าหน้าที่ทหารนำโดย พ.ต.จิรวัฒน์ ปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวนอยู่ใกล้ๆ จุดเกิดเหตุ เมื่อได้ยินเสียงปืนจึงรุดไปตรวจสอบ และเกิดการยิงปะทะกันอีกครั้งราว 20 นาทีจนกลุ่มคนร้ายล่าถอยไป หลังเสียงปืนสงบจึงเข้าไปตรวจสอบพบศพ นายมาหะมะ ถูกยิงเสียชีวิตดังกล่าว
กู้ระเบิดดักบึ้มชุดคุ้มครองครูที่จะแนะ
ก่อนหน้านั้นเมื่อเวลา 15.00 น. วันพฤหัสบดีที่ 19 พ.ย.2552 พ.ต.ท.พูนศักดิ์ เซ็งแซ่ รองผู้กำกับการ สภ.จะแนะ จ.นราธิวาส รับแจ้งจาก ร.ท.นที ปรารถนาดี หัวหน้าชุดลาดตระเวน สังกัด ร้อย ร.2933 หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 34 ว่าพบวัตถุต้องสงสัยฝังไว้กลางถนนสายดุซงญอ-ตันหยงมัส ท้องที่บ้านดุซงญอ หมู่ 1 ต.ดุซงญอ อ.จะแนะ เยื้องกับปั๊มน้ำมัน ปตท. โดยมีสายไฟฟ้าลากเข้าไปในสวนลองกองของชาวบ้าน จึงประสานขอกำลังหน่วยเก็บกู้ทำลายล้างวัตถุระเบิดเข้าตรวจสอบ พบเป็นระเบิดแสวงเครื่องประกอบไว้ในถังดับเพลิง น้ำหนักประมาณ 20 กิโลกรัม จึงเก็บกู้เอาไว้ได้สำเร็จ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า เป็นฝีมือของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่เตรียมลอบวางระเบิดดักสังหารเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ที่จัดกำลังออกปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยครูโรงเรียนต่างๆ ในพื้นที่ อ.จะแนะ แต่โชคดีที่กำลังทหารหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 34 ลาดตระเวนมาพบเสียก่อน จึงเก็บกู้เอาไว้ได้อย่างปลอดภัย