ปาฐกถา ::: “เขาหาว่าพุทธทาสบ้า...ที่จะทำให้สื่อมวลชนเป็นปูชนียบุคคล”
งานปาฐกถาประจำปี 2552 หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ “สื่อมวลชน เพื่อนร่วมสร้างโลก” ณ หอประชุมกรมประชาสัมพันธ์ เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา มีการเผยแพร่เสียงและภาพประกอบ ปาฐกถาเกียรติยศหัวข้อ “เขาหาว่าพุทธทาสบ้า...ที่จะทำให้สื่อมวลชนเป็นปูชนียบุคคล” โดยพระธรรมโกศาจารย์ (พุทธทาสภิกขุ)
นักนสพ.เป็นปูชนียบุคคลได้ต้องมีธรรมะ
“...เราจะต้องทำตนให้มีลักษณะเป็นปูชนียบุคคล นักหนังสือพิมพ์คงคิดว่าอาตมาบ้า พุทธทาสบ้าทำนักหนังสือพิมพ์ให้เป็นปูชนียบุคคล อาตมาเชื่อว่า เป็นได้ ถ้านักหนังสือพิมพ์ตั้งใจจะทำ มันรู้คุณค่าของการจะทำ ตั้งใจจะทำ นักหนังสือพิมพ์จะเป็นปูชนียบุคคลได้ต้องมีธรรมะ การใช้ธรรมะแก้ไขปัญหาโลกนี้จะมีความสุข มีคุณค่า
พระพุทธเจ้าเป็นปูชนียบุคคลของโลก รับเงินเดือนวันละบาท บาตรใส่ข้าวฉัน รับประโยชน์เพียงวันละบาท เป็นปูชนียบุคคลของโลก ทำประโยชน์ต่อโลก นี่คือลักษณะปูชนียบุคคลรับประโยชน์เพียงดำรงชีวิตของตน โดยสะดวกสบายในการจะปฏิบัติหน้าที่การงาน นักหนังสือพิมพ์ทำได้ ถ้าสมัครจะทำ อาตมาจึงขอร้อง ขออ้อนวอน ในหลักการอันนี้จะมีการกระทำที่เป็นการกุศล เป็นปูชนียบุคคล
ความเห็นแก่ตัว กำลังทำโลกวินาศ
เดี๋ยวนี้เรามีปัญหาทำไมจึงทำไม่ได้ สิ่งที่ต้องแก้ไขคืออะไร เดี๋ยวนี้โลกกำลังจะวินาศ เพราะความเห็นแก่ตัว เชื่อหรือไม่เชื่อ โลกกำลังวินาศไปทุกที ทุกที เพราะสิ่งเดียว ชื่อเดียว คือ ความเห็นแก่ตัว กำลังทำโลกให้วินาศ นักหนังสือพิมพ์จะช่วยกันแก้ไขทำลายความเห็นแก่ตัวบนโลก จะสร้างโลกนี้ให้มีสันติสุข สันติภาพ นักหนังสือพิมพ์ก็จะกลายเป็นปูชนียบุคคลไป
ถ้านักหนังสือพิมพ์เห็นแก่ตัวเสียเอง จะสังเกตเห็นบางฉบับบางที่ยังเห็นแก่ตัว ทำงานเพียงเพื่อประโยชน์เป็นวัตถุ ทำสิ่งไม่มีสาระประโยชน์ แต่คนชอบอ่าน หนังสือพิมพ์ขายเรื่องลามก อนาจาร เรื่องแปลกประหลาด ไร้สาระเรื่องของคนปัญญาอ่อน ใส่ลงไป เป็นเรื่องความเห็นแก่ตัว ไม่คุ้มค่าเวลาของผู้อ่าน โลกนี้เสียกระดาษไปวันละกี่หมื่นกี่แสนตันก็ไม่รู้ ไม่คุ้มค่า บางทีให้โทษ เพราะไปเปิดหน้าที่ส่งเสริมกิเลส ส่งเสริมความเห็นแก่ตัว ไม่ได้พยายามทำหน้าที่กำจัดความเห็นแก่ตัว เป็นสิ่งที่ทำได้
มีความเห็นแก่ตัวแล้วไม่กำจัดความเห็นแก่ตัว ต้องไม่เห็นแก่ตัว จึงจะกำจัดความเห็นแก่ตัวของคนบนโลก ความเห็นแก่ตัวคำเดียวทำปัญหาทุกชนิด ทุกอย่าง ทุกขนาดที่มีในโลก พันปัญหา หมื่นปัญหา แสนปัญหา ล้านปัญหา เพราะความเห็นแก่ตัว ถ้าไม่มีความเห็นแก่ตัวสิ่งเดียวเท่านั้น เราไม่ต้องมีกฎหมาย ไม่ต้องมีตำรวจ ไม่ต้องมีพระ มีการปกครอง ไม่ต้องมีศาสนาด้วย เลิกกฎหมาย เลิกอะไรได้หมด ถ้าคนทุกคนไม่เห็นแก่ตัว ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
พุทธทาสฝากนสพ.แพร่ความโหดร้าย-เห็นแก่ตัว
เดี๋ยวนี้มีแต่ความเห็นแก่ตัว ความเลวร้ายเกิดขึ้น อาตมาอยากให้ช่วยกันคิดในข้อนี้ นักหนังสือพิมพ์ทำได้ หนังสือพิมพ์ช่วยได้มากกว่าคนธรรมดา มีอิทธิพล เป็นที่สนใจเป็นที่เชื่อถือเป็นทุนอยู่แล้ว ทำได้ง่าย ถ้ามุ่งหมายจะกำจัดความเห็นแก่ตัว ช่วยกันชี้แจงให้เห็นโทษ โหดร้ายของความเห็นแก่ตัว ชี้แจงให้เห็นประโยชน์อานิสงค์ของความไม่เห็นแก่ตัว
อยากฝากคำประหลาดๆ ไว้สักคำหนึ่งแก่ท่านทั้งหลาย ระบบการปกครองที่ประเสริฐที่สุดนั้นเป็นอย่างไร อาตมาอ่านหนังสือเรื่อง เหลาจื้อขงจื้อ นักปราชญ์ของจีนแต่ดึกดำบรรพ์ เรื่องมีอยู่ว่า คนถามเหลาจื้อว่า การปกครองอย่างไรเรียกว่าประเสริฐที่สุด เหลาจื้อตอบว่า การปกครองที่ไม่มีการปกครอง เป็นการปกครองที่ประเสริฐที่สุด นี่มันบ้าหรือดี พูดคำพูดนี้ การปกครองที่ไม่มีการปกครอง
ต่อมาศึกษาธรรมะมากเข้า เรื่องนี้ความไม่เห็นแก่ตัว เข้ามา ทุกคนไม่เห็นแก่ตัว ไม่มีใครทำผิดทางคดีแพ่ง อาญา คดีอะไรๆ ไม่มีทางทำไปได้ถ้าไม่เห็นแก่ตัว เป็นการอยู่กันโดยไม่ต้องมีการใช้กฎหมาย ใช้การลงโทษ ไม่ต้องมี ไม่มีการปกครองแต่ประชาชนผู้ไม่เห็นแก่ตัว ไม่ต้องมีการปกครอง นี่เรียกว่าการปกครองที่ไม่มีการปกครอง เป็นระบบการปกครองที่ประเสริฐที่สุด
ท่านทั้งหลายทำความเข้าใจในเรื่องนี้ พอใจจะช่วยเกิดมีขึ้นมา ช่วยกันเผยแพร่โทษของความเห็นแก่ตัวจนคนเกลียด คนกลัวให้มันมีขึ้นมา นักหนังสือพิมพ์ช่วยได้มาก และช่วยได้มากกว่าใครๆ ช่วยได้มากกว่าพระเสียอีก พระไม่ได้มีโอกาสพูดกับประชาชนได้อย่างมากมายเหมือนหนังสือพิมพ์ หนังสือพิมพ์ทำได้ หนังสือพิมพ์ช่วยได้ ทำให้โลกนี้หมดจากไปจากความเห็นแก่ตัว ช่วยกันโฆษณาความเลวร้าย ของความเห็นแก่ตัว จนประชาชนมีจิตโน้มไปโน้มไป ในทางที่ไม่เห็นแก่ตัว”