สภาพัฒฯชูตั้งหน่วยงานชาติรับภัยพิบัติ
นายแพทย์มารุต มัสยวาณิช รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (19 พ.ค.) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)เสนอให้กลไกรับมือภัยพิบัติที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น โดยตั้งหน่วยงานระดับชาติ และจัดระบบการจัดการระดับชุมชนและท้องถิ่น
สศช. ได้เสนอ 5 ประเด็น ได้แก่ 1.เสนอให้พัฒนากลไกจัดการภัยพิบัติ โดยเพิ่มบทบาทของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยให้เป็นกลไกระดับชาติ มีความคล่องตัวในการบริการจัดกรรและสั่งการ 2.ส่งเสริมระบบงานอาสาสมัครประเทศอย่างจริงจังในการกู้ภัย ช่วยเหลือยามฉุกเฉิน การค้นหาผู้รอดชีวิต และการช่วยเหลือสงเคราะห์ผู้ประสบภัย
3.จัดระบบการจัดการภัยพิบัติโดยชุมชนและท้องถิ่น ซึ่งจากการศึกษาพบว่าชุมชนที่เข้มแข็ง ผู้รอดชีวิตจากภัยพิบัติจำนวนหนึ่งจะเปลี่ยนสถานภาพจากผู้ประสบภัยมาเป็นผู้ร่วมกอบกู้วิกฤติและเป็นกำลังสำคัญในการค้นหาและช่วยเหลือผู้รอดชีวิต เพราะรู้จักบุคคลในชุมชน และสภาพทางกายภาพ
4.ผนึกกำลังจากภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน สื่อสารมวลชน กองทัพ ประชาสังคม และอาสาสมัครต่างๆ เพื่อนำพลังของกลุ่มต่างๆมาทำงานร่วมกันให้บรรลุวัตถุประสงค์ และ
5.การผนวกมาตรการด้านการจัดสาธารณภัยเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการพัฒนา เช่น การช่วยให้ชุมชนที่มีความเข้มแข็งและมีภูมิต้านทานพัฒนาฐานข้อมูล ระบบการสื่อสาร
สศช.รายงานว่า เหตุการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในประเทศไทยปี 2553 และ 2554 รวมทั้งภัยพิบัติขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก เช่น เหตุการณ์สึนามิในภูมิภาคเอเชียปี 2547 พายุเฮอริเคนแคทรินาที่สหรัฐปี 2548 พายุไซโคลนนาร์กิสที่พม่าปี 2551 และกรณีภัยพิบัติแผ่นดินไหวและสึนามิที่ญี่ปุ่นเมื่อเดือน มี.ค. 2554 ก่อให้เกิดความสูญเสียมาก
“เฉพาะเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิที่ญี่ปุ่นครั้งเดียว สร้างความเสียหายเท่ากับจีดีพีของไทย ขณะที่รายงานภัยพิบัติโลก (World Disaster Report) ชี้ว่า 2 ทศวรรษที่ผ่านมามีผู้ประสบภัยพิบัติทั่วโลก 4 พันล้านคน มีผู้เสียชีวิต 2 ล้านคน ซึ่งภับพิบัติขนาดใหญ่ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศและทำให้ขีดความสามารถการแข่งขันลดลง การลงทุนหยุดชะงัก งบประมาณและเงินทุนถูกใช้ในการฟื้นฟูความเสียหาย โดยธนาคารโลกระบุว่าภัยพิบัติที่เกิดขึ้น ทำให้รายได้ประชาชาติของประเทศต่างๆ ลดลง 1-15%”
เขา กล่าวว่า สศช. ได้เปรียบกรณีศึกษาพบว่าปัญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติมีแนวโน้มทวีความรุนแรงก่อให้เกิดความเสียหายเพิ่มขึ้น และถือเป็นภัยคุกคามใหม่ที่ประเทศต้องเผชิญ แม้ว่าจะพัฒนาเทคโนโลยีรองรับและสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศแต่ยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการรองรับภัยพิบัติ เช่น สหรัฐมีหน่วยงานจัดการภัยพิบัติระดับชาติ คือ Federal Emergency หรือ FEMA และญี่ปุ่นมีสภาการจัดการภัยพิบัติแห่งชาติ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ระบบป้องกันภัยที่ได้เตรียมพร้อมและมีประสิทธิภาพสูง สามารถช่วยชีวิตชาวญี่ปุ่นจำนวนมาก