ยกเข่งประกัน-สินเชื่อ มัดจำชาวนา
สำหรับมาตรการที่ให้ชาวนาเที่ยวนี้มากันแบบแพ็กเกจ ทั้งการประกันรายได้เกษตรกร การประกันภัยพืชผล และสินเชื่อปุ๋ยดอกเบี้ยต่ำแถมราคาถูก
ในส่วนของการประกันรายได้เกษตรกรที่ผ่านมาเดือน มี.ค. คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบให้ปรับเพิ่มราคาประกันรายได้เกษตรกรอีก 500-1,000 บาทต่อตัน แบ่งเป็น ข้าวหอมปทุมธานีราคา 1.1 หมื่นบาทต่อตัน เป็น 1.15 บาทต่อตัน ข้าวเจ้า 1 หมื่นบาทต่อตัน เป็น 1.1 หมื่นบาทต่อตัน และข้าวเหนียว 9,500 บาทต่อตัน เป็น 1.05 หมื่นบาทต่อตัน
การเพิ่มจำนวนเงินของการประกันราคาดังกล่าว ถือว่าเป็นการชิมลางเท่านั้น เพราะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้สัญญากับเกษตรกรล่วงหน้าอีกว่า การประกันรายได้เกษตรกรยังต้องปรับราคาเพิ่มอีก เพื่อเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรสู้กับปัญหาราคาสินค้าแพง นั่นหมายความว่า หากเกษตรกรเทใจให้รัฐบาลกลับมาบริหารประเทศอีกครั้ง การได้ปรับเพิ่มราคาประกันรายได้ก็อยู่แค่เอื้อม
ในส่วนของการประกันภัยพืชผล ถือเป็นมาตรการใหม่ที่รัฐบาลผลักดันเพื่อลดภาระรายจ่ายให้กับเกษตรกรที่เกิดจากปัญหาภัยธรรมชาติ ที่นับวันยิ่งรุนแรงมากขึ้น แม้โครงการนี้จะเป็นแบบสมัครใจเพื่อลดแรงกดดันจากเกษตรกร แต่ประกันที่ว่าดีแสนดีไม่มีใครหน้าไหนเอาใจใส่ขนาดนี้แล้ว ราคาค่าเบี้ยประกัน 130 บาทต่อไร่ เกษตรกรยังต้องจ่าย 60 บาทต่อไร่ รัฐบาลช่วยจ่ายสมทบ 70 บาทต่อไร่
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการเพิ่มแรงจูงใจให้เกษตรกรมาทำประกันภัยพืชผล ทางธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะลดดอกเบี้ยสินเชื่อให้เกษตรกรที่กู้ไปปลูกข้าว 1% หมายความว่าเงินทุก 1 หมื่นบาท จะมีภาระดอกเบี้ยลดลง 100 บาท เงินที่ลดลงจากดอกเบี้ยนำไปชดเชยส่วนที่เกษตรกรควักกระเป๋าค่าเบี้ยได้อย่างสบาย รับรองไม่มีหน้าไหนเข้าเนื้อ
ที่สำคัญเมื่อมีประกันภัยพืชผล ชาวนาเมื่อประสบปัญหาภัยธรรมชาติ ไม่ว่าจะเจอภัยแล้ง น้ำท่วม โรคระบาดต่างๆ จากที่เคยได้ชดเชยจากกระทรวงเกษตรฯ แค่ไร่ละ 606 บาท จะได้เพิ่มเป็นไรละ 2,000 บาท โดยบริษัทประกันภัยจะจ่ายสมทบให้ทันที 1,400 บาท
งานนี้ถือว่ารัฐบาลพ่อมาร์คทำให้เกษตรกรได้ทั้งขึ้นทั้งล่องเบี้ยไม่ต้องจ่ายแถมได้เงินประกันเพิ่ม ขณะที่รัฐบาลก็เบาตัวจากภาระความเสี่ยงและต้องจัดสรรงบกลางไปแจกจ่ายในแต่ละครั้ง
ในส่วนของประกันนั้น ทาง ธ.ก.ส. ยังมีของแถมให้เกษตรกรที่เป็นลูกค้าชั้นดีของธนาคาร โดยจัดทำประกันสินเชื่อให้กับเกษตรกรรายละ 1 แสนบาท โดยที่ธนาคารจะออกเบี้ยประกันให้ทุกคนแบบฟรีๆ การประกันนี้ หากเกษตรกรเสียชีวิต ก็จะได้รับการยกหนี้ให้ 1 แสนบาททันที
ยังไม่หมด รัฐบาลยังมีมาตรการสินเชื่อปุ๋ยให้เกษตรผ่านความเห็นชอบ ครม. นัดสุดท้ายสดๆ ร้อนๆ เพราะจับจุดได้ว่า ต้นทุนซื้อปุ๋ยของเกษตรกรเป็นปัญหาเพิ่มขึ้นมาตลอด หากเข้าไปช่วยเกษตรกรในจุดนี้จะได้ใจจากเกษตรกรกลับมาอีกไม่ใช่น้อย ว่าแล้ว ครม. ก็เห็นชอบวงเงินปล่อนสินเชื่อเกษตรกรไปซื้อปุ๋ยราคาถูก 3 หมื่นล้านบาท เป็นสินเชื่อต้นทุนต่ำมากๆ เพราะ ธ.ก.ส. ได้ขอเงินชดเชยจาก ครม.ในการปล่อยสินเชื่อไปแล้ว 3,000 ล้านบาท เงินกู้ซื้อปุ๋ยชุดนี้ นอกจากเกษตรกรจะได้ดอกเบี้ยต่ำกว่าปกติแล้ว ยังมีลุ้นได้ราคาปุ๋ยราคาถูกอีกต่างหาก
ขณะนี้นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ไปหารือกับพ่อค้าปุ๋ยทั้งหลายให้กำหนดเพดานปุ๋ยสูตรหลักๆ 5-6 สูตร ในแต่ละสูตรให้มีราคาเดียว เพื่อให้เกษตรกรทุกคนซื้อได้ในราคาถูกเหมือนกันทั่วประเทศ
งานนี้รัฐบาลใจป้ำชดเชยราคาปุ๋ยให้เกษตรกรอีก 1.50 บาทต่อกิโลกรัม โดยเตรียมวงเงินกว่า 2,000 ล้านบาท เพื่อชดเชยให้เกษตรกรเป็นที่เรียบร้อย เฉพาะในส่วนของมาตรการปุ๋ย เกษตรกรได้ถึง 3 เด้ง ได้ทั้งสินเชื่อดอกเบี้ยถูก ได้ปุ๋ยราคามาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ ไม่ถูกพ่อค้าเอาเปรียบเหมือนที่ผ่านมา แล้วยังได้เงินจากรัฐบาลชดเชยค่าปุ๋ยให้ถูกลงอีก
ขณะนี้รัฐบาลมุ่งมั่นกับมาตรการทั้งหมดเป็นอย่างมาก โดยทำแพ็กเกจเดียวแบบครบวงจรวันสต๊อปเซอร์วิส โดยเกษตรกรที่ลงทะเบียนประกันรายได้การปลูกข้าวนาปีที่จะถึงนี้ก็ขอทำประกันภัยพืชผล ขอสินเชื่อซื้อปุ๋ยได้ทันที
ในแง่ของรัฐบาลต้องถือว่าการยกเข่งขนมาตรการให้เกษตรกรเที่ยวนี้ เป็นการยิงเข้าตรงเป้า เข้ากล่องดวงใจชาวนาทั้ง 5-6 ล้านครอบครัวทั่วประเทศ เป็นการให้รอบด้าน ตั้วแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ
เหลือแต่ลุ้นตอนเลือกตั้งเท่านั้นว่า มัดใจกันขนาดนี้ เกษตรกรทั้งหลายจัเทใจตอบแทนรัฐบาลมากน้อยแค่ไหน