โรงเรียนหนูถูกยุบ!!
ปลายปีที่แล้ว (พ.ศ. 2553) ยุทธศาสตร์การปฏิรูประบบการเงินเพื่อการศึกษาของคณะอนุกรรมการสภาการศึกษา ด้านทรัพยากรและการเงินเพื่อการศึกษามีข้อเสนอให้มีการ "ยุบ รวม เลิก" โรงเรียนขนาดเล็กสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จำนวน 7,000 แห่งจาก 1.4 หมื่นโรงทั่วประเทศ ที่เข้าข่าย "หมดความจำเป็น" "มีต้นทุนในการจัดการศึกษาสูง และ "ด้อยประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ"
มาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อให้เหลือโรงเรียนในจำนวนที่เหมาะสม และเกลี่ยงบประมาณให้แต่ละโรงเรียนได้มากขึ้น ทำให้ช่องว่างในด้านคุณภาพและมาตรฐานระหว่างโรงเรียนหดแคบลง
ทาง สมเกียรติ ชอบผล รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ยืนยันว่าจะไม่ใช้วิธีบีบบังคับแต่จะปล่อยไปตามธรรมชาติด้วยการคมนาคมที่ สะดวกขึ้น และโครงการโรงเรียนดีประจำตำบลที่กำลังจะดำเนินการในปีการศึกษา 2553 นี้จะเป็นทางเลือก และดึงดูดเด็กเข้ามาเรียน
ขณะที่ ชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการก็ออกมาย้ำถึงนโยบายในการประชุมผู้อำนวยการ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา 185 เขตทั่วประเทศ ร่วมกับนายกองค์การบริหารส่วนตำบลกว่า 100 ตำบลที่จะร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการ ดำเนินโครงการโรงเรียนดีประจำตำบลเพื่อเป็น "ตัวแปร" ในเรื่องดังกล่าวด้วย
ทั้งหมด เป็นส่วนหนึ่งของการ "โหมโรง" ปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่ 2 จะดำเนินการตั้งแต่ปี 2553-2561
โรงเรียนเก่าเอามายุบใหม่
นับตั้งแต่ประกาศนโยบาย "ยุบ รวม เลิก" ออกมา จนถึงวันนี้ มีกว่า 137 โรงเรียนที่ถูกถอดป้ายชื่อ และย้ายเด็กนักเรียนไปอยู่โรงเรียนขนาดใหญ่ในพื้นที่ใกล้เคียง โดยรองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานคนเดิมย้ำแนวทางปฏิบัติ ของกระทรวงศึกษาออกมาอย่างชัดเจนว่า จนถึงปี 2561 จะต้องยุบให้ได้ตามเป้า
"เราต้องสร้างคุณภาพของโรงรียนให้ทัดเทียมกัน" เขาบอก
ถึงอย่างนั้น ก็ไม่หมายความว่า บรรดาโรงเรียนที่ถูก "กาหัวกระดาษ" จะต้องถูกรื้อทิ้งไปเสียทีเดียว เพราะสิ่งที่แต่ละเขตพื้นที่การศึกษาต้องพิจารณาก็คือ บริบทของโรงเรียนในพื้นที่ แต่ข่าวลือถึงการนำเอาประเด็นเหล่านี้มาเป็นตัวชี้วัดความดีความชอบ ทำนอง "ยุบมาก" คือ "จัดการได้ดี" ก็สร้างความกังวลให้กับบุคลากรทางการศึกษาที่มีความเห็นยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม กับนโยบายพอสมควร
ที่สำคัญ...นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่
"ก่อนหน้านี้ ช่วงปี 2536 - 2547 ก็มีการยุบโรงเรียนขนาดเล็กไป 3,000 แห่งแล้ว" ชัชวาลย์ ทองดีเลิศ เลขาธิการสภาการศึกษาทางเลือกเล่าถึงการ "ยุบรอบแรก" ที่ผ่านมา ซึ่งครั้งนั้น ถือเป็นการยุบแบบ ไม่มีปี่มีขลุ่ย
แต่การขยายตัวของโรงเรียนขนาดเล็กก็ยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ปี 2536 ที่มีอยู่ 10,741 แห่ง ก้าวกระโดดขึ้นมาเป็น 11,599 แห่งในปี 2547
ปัจจุบัน ตัวเลขของโรงเรียนขนาดเล็กที่อยู่ในมือของเขามีราว 14,056 แห่ง คิดเป็น 44.78 เปอร์เซ็นต์ของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ที่มีอยู่ 30,000 แห่งทั่วประเทศ
ยังไม่นับโรงเรียนชุมชมที่ผูกพันคู่ขนานกับท้องถิ่น ทั้งที่มีสถานะเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก และเป็นศูนย์การเรียนรู้ที่แต่ละชุมชนร่วมกันสร้างขึ้นมา โดยผลวิจัยเรื่องโรงเรียนขนาดเล็กของสภาการศึกษาทางเลือกที่กำลังทำอยู่ตอน นี้ เบื้องต้นพบว่า มีหลายชุมชนที่ชุมชน ผู้ปกครอง เข้ามาร่วมกับโรงเรียนพัฒนาคุณภาพของเด็ก พัฒนาหลักสูตรท้องถิ่น มีกิจกรรมทั้งทางวัฒนธรรม ประเพณีที่เกิดขึ้นร่วมกันระหว่างโรงเรียนและชุมชนมาโดยตลอด
ไม่ใช่เรื่องใหม่อีกเหมือนกัน
เมื่อปี 2548 หลายครอบครัวในชุมชนท่าสะท้อน ต.ชะอวด อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ต่างได้รับผลกระทบจากการที่ โรงเรียนวัดท่าสะท้อน ถูกปิดลง ทำให้ลูกหลานในหมู่บ้านต้องเดินทางไปเรียนหนังสือยังท้องที่อื่นซึ่งห่างจาก หมู่บ้านออกไปราว 5 กิโลเมตร ทำให้หลายบ้านต้องแบกภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นไปโดยปริยาย
จากผลเสียที่ชุมชนมองเห็นร่วมกัน กระบวนการจัดการศึกษาชุมชนจึงเกิดขึ้น เพื่อให้ลูกหลานได้มีที่เรียนใกล้บ้าน และพัฒนาหลักสูตรที่มีสาระของท้องถิ่นไว้ในหลักสูตรการเรียนการสอนไปพร้อม กัน โดยเนื้อหาการสอนเป็นหลักสูตรกลางร้อยละ 70 และหลักสูตรท้องถิ่นร้อยละ 30 อย่าง วัฒนธรรมท้องถิ่น ภูมิปัญญา และการประกอบอาชีพ
ด้วยการเห็นความสำคัญ และความร่วมมือของชุมชน ในที่สุดกระดานดำแผ่นเดิมก็ได้กลับมาใช้ใหม่อีกครั้งในปี 2551และกลายเป็นตัวอย่างของการจัดการศึกษาโดยชุมชนท้องถิ่น ที่มีผู้สนใจจากพื้นที่ต่างๆ เดินทางไปให้กำลังใจและศึกษาดูงานอยู่อย่างต่อเนื่อง![]()
จนมาถึง "การปฏิรูปฯ รอบ 2" นี้ จำนวนนักเรียนเพียง 23 คน มีครูข้าราชการ 2 คน ครูอัตราจ้าง 2 คน ทำให้วัดท่าสะท้อน ตกอยู่ในกลุ่มเสี่ยง "ถูกยุบ" อีกครั้ง
"ขุมทรัพย์" นอกตำรา
ในคำนิยามของโรงเรียน หลายคนมักมองเห็นถึง โต๊ะ เก้าอี้ ในห้องสี่เหลี่ยม มีเด็กในชุดนักเรียน และคุณครูตรงหน้ากระดานดำ แต่ถ้าถามถึงโรงเรียนในความหมายของ ธีรดา นามให มันมีอะไรมากกว่านั้นเยอะ
โรงเรียนชุมชนชาวนาบ้านปลาบู่ ต.หนองแสง อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม ที่เธอนั่งเก้าอี้ผู้อำนวยการอยู่ "ป้าแล่ม" ของเด็กๆ ไม่ได้ปล่อยให้การเรียนรู้ถูกกักบริเวณเอาไว้แต่บนกระดานหน้าชั้น
ที่นี่ผนวกเอา "วิชาชีวิต" เข้ามาสร้างให้คันนา ลำห้วย และป่าหลังบ้าน กลายเป็นแบบฝึกหัดชั้นดี ที่มีไม่รู้หมด
"เพราะเราอยากให้ลูกหลานกลับบ้าน" สาวพัฒนาชุมชนให้เหตุผลง่ายๆ
ด้วยประสบการณ์ความรู้สึกที่ตัวเองได้สัมผัส หลังออกไปร่ำเรียน เดินทางอยู่หลายปี อะไรก็ไม่ดีเท่า "กลับมาอยู่บ้าน" และคงจะดีไม่น้อยหากทำให้คนรุ่นหลัง อยู่ติดชุมชน ใช้ท้องถิ่นเป็นแหล่งทำกินเลี้ยงชีพต่อไปได้ถึงลูกถึงหลาน
อีกส่วนหนึ่ง เป็นเพราะเมื่อ 15 ปีก่อน โรงเรียนที่บ้านปลาบู่หายไปโดยยังไม่ได้ทันฟังเสียงประชาชน ทำให้สภาพปัจจุบัน ผู้ปกครองต้องแบกรับภาระค่าเดินทางของบุตรหลานในการไปเรียนหนังสือจาก "ครูตู้" ในโรงเรียนที่ห่างออกไป 5 กิโลเมตร เด็กจึงไกลบ้าน และเรียนไม่รู้เรื่อง
"เด็กในชุมชนของเราไปเรียนชั้นป.5 ที่นั่นกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ยังอ่านไม่ออกเลย" เธอชี้หลักฐาน
แบบเรียนที่เกิดขึ้น จึงเป็นลักษณะของศูนย์การเรียนรู้ชุมชนกลายๆ ทั้ง การจัดการความรู้ชุมชน จิตสำนึกท้องถิ่น งานวิจัยท้องถิ่น ศูนย์ดนตรีพื้นบ้าน หรือกลุ่มหัตถกรรมมัดย้อมซึ่งตอนนี้กำลังดูแนวทางการผูกปิ่นโตกับโรงเรียน ขนาดเล็กอีกแห่งใกล้ๆ กันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนการสอน และนักเรียนด้วย
แนวคิดการเรียนรู้ในชุมชนทำนองนี้ที่ โรงเรียนบ้านเกาะแรต ต.ดอนสัก อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี ชุมชนประมงเชื้อสายจีนไหหลำ ก็ไม่ต่างกัน เริ่มต้นที่การพูดคุยระหว่างสถานศึกษากับชุมชน เพื่อหาแนวทางจัดการความรู้ที่เหมาะสมร่วมกัน โดยได้ตัวอย่างการจัดการศึกษามาจากโรงเรียนวัดท่าสะท้อน
"ครูบ้าน ครูวัด ครูโรงเรียน" คือแบบเรียนที่ชุมชน กับโรงเรียนช่วยกันสังเคราะห์ออกมา ทั้งเรื่องประวัติศาสตร์ อาชีพ ภูมิปัญญาท้องถิ่น และกิจกรรมคุณธรรม ซึ่งได้รับความสนใจจากเด็กๆ และความร่วมมือจากชุมชนเป็นอย่างดี
"วันนี้ เราเริ่มมีการนำกระบวนการวิจัยท้องถิ่นมาช่วยเสริมศักยภาพของชุมชนและ โรงเรียน ให้จัดการเรียนการสอนที่เหมาะสม และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น" นิวัตร์ โฮ้เต้กิ้ม ที่ปรึกษากลุ่มเยาวชนสร้างสรรค์สุราษฎร์ธานี หนึ่งในกลุ่มที่เข้ามาช่วยด้านการจัดการวิชาชีพท้องถิ่นเล่าถึงความก้าวหน้าที่เกิดขึ้น
ส่วน โรงเรียนบ้านมอวาคี (หนองมณฑา) ต.แม่วิน อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ เพราะความต้องการให้เด็กในชุมชนได้เรียนหนังสือเหมือนกับเด็กทั่วไป จึงได้มีการนำหลักสูตรการศึกษานอกโรงเรียนมาใช้สอนภายในห้องเรียน ขณะที่ทักษะชีวิตข้างนอกก็มีครูชาวบ้านคอยสอดผสาน ความรู้ท้องถิ่น ทั้งในเรื่องการดำรงชีวิต และจัดการทรัพยากรธรรมชาติ โดยยึดหลัก โรงเรียนเป็นของชุมชน โดยชุมชน เพื่อชุมชน
ทั้งหมด ล้วนอยู่ในคำจำกัดความของ โรงเรียนขนาดเล็ก และโรงเรียนชุมชนทั้งนั้น
ถ้า "ยุบ" ไม่ใช่คำตอบ![]()
"ผู้ปกครองต้องเสียเงินมากขึ้น เพราะโรงเรียนไกลชุมชน"
"พ่อแม่ ผู้ปกครองเด็กเกิดความกังวล เพราะอยู่ไกลหูไกลตา"
"เด็กถูกดึงออกจากชุมชนมากขึ้น"
สิ่งเหล่านี้เป็นความกังวลหลักๆ ที่ชัชวาลย์นึกถึงหากเกิดเหตุการณ์ "ยุบ รวม เลิก" ขึ้นกับโรงเรียนขนาดเล็กทั้ง 7,000 แห่งตามแผนที่กระทรวงศึกษาวางเอาไว้ ถึงแม้ระดับผู้บริหารในกระทรวงอย่าง รองฯ สมเกียรติจะบอกว่า ให้ดูตามความจำเป็น และบริบทของพื้นที่ รวมทั้งเรื่องของการทำความเข้าใจให้ผู้คนในชุมชนหมดข้อสงสัยก็ตาม
"ทางกระทรวงไม่ได้แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ จริงๆ แล้วปริมาณโรงเรียนขนาดเล็กที่เพิ่มขึ้นคือความผิดพลาดของการบริหารที่ กระทรวงไม่ได้แก้ไขมานานแล้ว การใช้การสอบแข่งขัน เน้นผลสัมฤทธิ์ทางวิชาการเป็นที่ตั้ง ยิ่งทำให้โรงเรียนเหล่านี้ถูกละเลย และถูกมองในแง่ลบว่าไม่มีคุณภาพมากขึ้น แทนที่จะเข้ามาพัฒนาอย่างจริงจัง" เขาอธิบาย
ภาพสะท้อนถึงการเดินสวนทางระหว่างการพัฒนากับการศึกษาท้องถิ่นที่กลาย เป็นคนละเรื่องเดียวกันของ กรณี สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เรียกคืนเงินสนับสนุนและส่งเสริมการศึกษาของ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั่วประเทศจนนำไปสู่การฟ้องร้องในเวลาต่อมาดูจะเป็นอีกคำตอบถึง "ความลักลั่น" ที่เกิดขึ้น
ธนาวุฒิ ถาวรพราหมณ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลปากพูน จ. นครศรีธรรมราช อ. เมือง จ. นครศรีธรรมราช และคณะกรรมการปฏิรูปการศึกษาของ สภาการศึกษาแห่งชาติ มองว่านี่คือทัศนคติของหน่วยงานราชการซึ่งขีดวงความหมายของถ้อยคำไว้ แคบอย่างยิ่ง ทั้งเรื่อง "อำนาจ" "หน้าที่" "การส่งเสริม" "การสนับสนุน" สำคัญที่สุดคือความหมายของคำว่า "การศึกษา"
กรณีตัวอย่างของการส่งเสริมการศึกษาในระบบ เช่น มีสถานศึกษาที่อยู่กับชุมชนท้องถิ่น อบต. อาจจะส่งเสริมสถาบันการศึกษา เช่น ซื้อวัสดุ เครื่องไม้เครื่องมือ จัดการศึกษาเสริม จ้างครูพิเศษ นี่คือการส่งเสริมการศึกษาในระบบ กรณีการศึกษานอกระบบ ที่ผ่านมาหลายท้องถิ่นจัดการเรื่องงบมหาวิทยาลัยชีวิต หรือสนับสนุนการศึกษานอกโรงเรียน ซึ่งทุกวันนี้นักเรียนภายใต้การดูแลของกระทรวงศึกษาธิการยังขาดอยู่มาก
"ในห้องเราให้เรียนอย่างเดียว เป็นการศึกษาที่ทิ้งถิ่น ลืมไปแล้วว่าการกำจัดยุงในบ้านทำได้อย่างไร ก็นึกได้ว่า ห่านดินกินหญ้าห่านฟ้ากินยุง พอกลับไปดูภูมิปัญญาท้องถิ่น เขาปลูกตะไคร้หอม เลี้ยงปลาอะไรต่างๆ นี่คือวิถี แต่ถ้าใช้วิชาก็กลับไปใช้ดีดีที เรื่องแบบนี้คือตัวอย่าง หรือเด็กในบ้านเราที่ไปเรียนแพทย์ พอรักษางูสามเหลี่ยมหรืองูกะปะลายพรมกัดต้องตัดเนื้อเยื่อหรือตัดนิ้ว แต่ความรู้ท้องถิ่น หมองูท้องถิ่นที่ตำบลปากพูน รักษาคนโดนงูกะปะกัด ไม่ต้องตัดนิ้ว แผลหายสนิท มีแผลเป็นเล็กน้อยเรื่องแบบนี้ท้องถิ่นเห็นแต่คนที่กระทรวงไม่เห็น ไม่รู้ว่ามีสิ่งเหล่านี้อยู่ในท้องถิ่นซึ่งสามารถจัดการได้ ซึ่งไม่ใช่วิชาการ" เขาบอก
อดีตครูเกษียณอย่างนิวัตร์เอง ก็มีความเห็นแบบเดียวกันว่า เด็กๆ ควรจะได้เรียนรู้ในฐานสังคมวัฒนธรรมของถิ่นฐานบ้านเกิดอันถือเป็นหลักการ พื้นฐาน
"การจัดการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติได้เขียนเรื่องการจัด กระบวนการเรียนรู้เพื่อสร้างความเข้มแข็งของชุมชนไว้ชัดเลยว่าโรงเรียนต้อง ร่วมกับองค์กรอื่นๆ จัดกระบวนการเรียนรู้เพื่อพัฒนาชุมชน การยุบโรงเรียนที่ทางกระทรวงอ้างว่าจะยุบในพื้นที่ที่ชุมชนไม่เข้มแข็ง ไม่มีความพร้อมหมายถึงทางกระทรวงศึกษาธิการปัดความรับผิดชอบในการจัดกระบวน การเรียนรู้เพื่อการพัฒนาชุมชนดังกล่าวด้วย นอกเหนือจากการผลักไสให้เด็กๆ ห่างไกลออกไปจากชุมชนตนเอง ซึ่งกล่าวได้ว่ากระทรวงศึกษาธิการกำลังทำผิดกฏหมายนั่นเอง" เขาตั้งอีกข้อสังเกต
"แต่หากกระทรวงดำเนินตามขั้นตอน เราก็ไม่มีปัญหานะ" ชัชวาลย์เสนอจุดร่วม
"ตามขั้นตอน" ในความหมายของเขาก็คือ การลงพื้นที่อธิบาย-ทำความเข้าใจให้ชุมชนได้มีส่วนร่วมว่าจะยังอยากให้มี โรงเรียนอยู่ในท้องที่หรือไม่ หรือ จะพัฒนาให้เป็นหลักสูตรทักษะชีวิต อีกบริบททางการศึกษาคู่ขนานไปกับการเรียนในเชิงวิชาการก็ถือเป็นแนวทางที่ น่าสนใจอย่างยิ่ง
"แค่ตั้งฐานวิธีคิดกับโรงเรียนขนาดเล็กแบบเดียวกับโรงเรียนเตรียมฯ นั่นก็ผิดแล้ว เพราะมันคนละบริบทกัน" เขาย้ำ
ไม่ว่า "การทำความเข้าใจ" ตามความหมายของกระทรวงจะเป็นอย่างเดียวกันกับคนในภาคการศึกษาท้องถิ่นหรือ ไม่ แต่การ "ยุบ รวม เลิก" ดูเหมือนจะเป็นโจทย์ที่ท้าทายกับนโยบายการเปิด "โอกาสทางการศึกษา" ให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ของกระทรวงฯ ที่ออกอากาศบนหน้าจอโทรทัศน์ช่วงนี้อย่างยิ่ง
