เปิดศึกราคาปุ๋ย เช้าพาณิชย์สั่งขึ้น เย็นอภิสิทธิ์สั่งเลิก
ขึ้นราคาปุ๋ยป่วน รบ.ผวาคะแนนตก เช้าไฟเขียวขยับ เย็น ‘พาณิชย์’ เบรก อ้างเกษตรกรร้องเดือดร้อน ข่าวสะพัดนายกฯสั่งชะลอหวั่นเสียเสียง ยอมแลก ‘พณ.’นำเข้า 1 แสนตัน ทำโครงการธงฟ้าช่วย นายกสมคมปุ๋ยโวยขาดทุน 6 เดือน ข้องใจ ‘มาร์ค’ ยื้อ
อนุกก.อนุมัติขึ้นราคาปุ๋ย 4 สูตร
การพิจารณาขึ้นราคาปุ๋ยสุดป่วนเมื่อที่ประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาราคาเมื่อเช้าวันที่ 7 เมษายน มีมติให้ปรับขึ้นมีผลตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน เป็นต้นไป แต่พอตกเย็นกระทรวงพาณิชย์สั่งเบรกขึ้นราคาอ้างหลังประกาศปรับราคาเกษตรกรในหลายจังหวัดร้องเรียนว่าได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ โดยมีนายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี รีบออกมาชี้แจงว่าการชะลอขึ้นราคาปุ๋ยเพราะกระทรวงพาณิชย์ยังไม่มีมาตรการช่วยเหลือรองรับ ขณะมีกระแสข่าววิพากษ์วิจารณ์ว่าการชะลอขึ้นราคาแบบทันควัน เพราะฝ่ายการเมืองกลัวเสียคะแนนเสียงที่กำลังจะมีการเลือกตั้ง เนื่องจากเป็นการทำให้เกษตรกรเดือดร้อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้ ก่อนจะมีการชะลอขึ้นราคาปุ๋ย นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน ได้แถลงภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาปุ๋ยเคมี เมื่อเช้าวันที่ 7 เมษายน ว่าที่ประชุมมีมติอนุมัติปรับราคาปุ๋ยยูเรีย 4 สูตร ได้แก่ 46-0-0, 15-15-15, 16-20-0 และ 21-0-0 ขึ้นตั้งแต่ 10-35% โดยมีการบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน 2554 และกำหนดให้มีการประชุมคณะอนุกรรมการทุกเดือน เพื่อพิจารณาปรับราคาขึ้นหรือลงตามต้นทุนแท้จริง
อ้างต้นทุนวัตถุดิบนำเข้าขยับ
นางวัชรีกล่าวว่า การปรับขึ้นราคาครั้งนี้พิจารณาจากต้นวัตถุดิบปุ๋ยยูเรียนำเข้าขึ้นตามราคาน้ำมันโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น การปลูกพืชพลังงานทดแทนมากขึ้น เกษตรกรขยายพื้นที่เพาะปลูกมากขึ้น ทำให้ความต้องการตลาดสูงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งจีนผู้ผลิตปุ๋ยยูเรียรายใหญ่ของโลก เพิ่มอัตราภาษีส่งออกจาก 7% เป็น 110% โดยกรมการค้าภายในจะประกาศราคาแนะนำปุ๋ยยูเรียทุกสูตรจากทั่วประเทศให้ร้านค้าจำหน่ายและเกษตรกรทั่วประเทศได้ตรวจสอบต่อไป
นางวัชรีกล่าวว่า ทั้งนี้ 1.ปุ๋ยยูเรียสูตร 46-0-0 ราคาหน้าโรงงานปรับจากตันละ 11,000 บาท หรือถุง (50 กิโลกรัม) ละ 550 บาท เป็นตันละ 13,410-14,210 บาท หรือถุงละ 671-711 บาท ทำให้ราคาขายปลีก (เฉพาะ กทม.) เพิ่มจากถุงละ 584 บาท เป็น 725-765 บาท เพราะต้นทุนนำเข้าเพิ่มจากตันละ 9,703 บาท หรือถุงละ 485 บาท ในเดือนกันยายน 2553 เป็น ตันละ 12,113-12,913 บาท หรือถุงละ 605-645 บาท ในเดือนกุมภาพันธ์ 2554 ส่วนราคาขายปลีกภาคเหนือถุงละ 762-866 บาท อีสาน 786-821 บาท และใต้ 807-864 บาท
เพิ่มตันละ 1,000-2,000 บาท
“2. ปุ๋ยยูเรีย สูตร 15-15-15 ราคาหน้าโรงงานจากตันละ 14,000 บาท หรือถุงละ 700 บาท เป็นตันละ 15,671-16,342 บาท หรือถุงละ 784-816 บาท ทำให้ราคาขายปลีก (เฉพาะ กทม.) เพิ่มจาก 609 บาท เป็น 672-746 บาท เพราะต้นทุนต่อจากถุงเพิ่มจาก 519 บาท เป็น 572-746 บาท เพราะต้นทุนต่อถุงเพิ่มจาก 519 บาท เป็น 562-636 บาท” อธิบดีกรมการค้าภายในระบุ
นางวัชรีกล่าวว่า 4. ปุ๋ยยูเรีย สูตร 21-0-0 ราคาหน้าโรงงานจากถุงละ 300 บาท เป็น 357-400 บาท ทำให้ขายปลีก (เฉพาะ กทม.) เพิ่มจาก 334 บาท เป็น 411-454 บาท เพราะราคาต้นทุนเพิ่มจากถุงละ 225 บาท เป็น 282-325 บาท โดยคาดว่าปี 2554 ไทยจะต้องนำเข้าปุ๋ยยูเรียประมาณ 4.7 ล้านตัน ลดลงจากปีก่อนที่นำเข้า 5.1 ล้านตัน โดยสูตร 46-0-0 เป็นปุ๋ยที่มีการใช้มากที่สุด ปีละกว่า 2 ล้านตัน
ตกเย็นพาณิชย์สั่งชะลอขึ้นปุ๋ย
ต่อมาเวลา 16.30 น. กระทรวงพาณิชย์โดยกรมการค้าภายใน ได้ออกข่าวแจกว่า ตามคณะอนุกรรมการพิจารณาราคาปุ๋ยเคมีได้พิจารณาราคาปุ๋ยเคมีได้พิจารณาและมีมติให้มีผลตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน 2554 นั้น เกษตรกรในหลายจังหวัดร้องเรียนว่าได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ เช่น ภัยแล้ง น้ำท่วม และการระบาดของศรัตรูพืช ทำให้รายได้จากการขายผลผลิตทางการเกษตรลดลงขอให้ภาครัฐช่วยเหลือ
ทั้งนี้ นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มอบหมายให้กรมการค้าภายในติดตามข้อเท็จจริงและหาแนวทางในการช่วยเหลือเกษตรกรดังกล่าว กรมการค้าภายในจึงได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการผลิตและนำเข้าปุ๋ยเคมีชะลอการปรับขึ้นราคาปุ๋ยเคมีออกไปก่อนนอกจากนี้ ยังได้ร่วมกับสมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทยจัดทำโครงการปุ๋ยธงฟ้า จัดจำหน่ายปุ๋ยราคาถูกให้กับเกษตรกร เพื่อบรรเทาภาระตันทุนการผลิตให้เกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างเป็นรูปธรรม
สะพัดนายกฯเบรกกลัวเสียเสียง
นางวัชรีกล่าวอีกครั้งว่า สมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทยยินดีให้ความร่วมมือจัดปุ๋ยเคมีเพื่อจำหน่ายตามโครงการปุ๋ยธงฟ้าจำนวน 1 แสนตัน โดยจะดำเนินการให้ทันกับความต้องการของเกษตรกรในช่วงฤดูเพาะปลูกนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีกระแสข่าวว่าการชะลอการปรับขึ้นราคาปุ๋ย เพราะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ขอให้ยกเลิก เนื่องจากเกรงว่าอาจจะกระทบต่อฐานเสียงเกษตรกรที่จะมีผลต่อการเลือกตั้งเร็วๆนี้ และแลกกับการเสนอให้จัดซื้อปุ๋ยจำนวน 1 แสนตัน เพื่อแจกจ่ายหรือจำหน่ายให้เกษตรกรผ่านโครงการธงฟ้าตามข้อเสนอของกระทรวงพาณิชย์ แต่เมื่อสอบถามผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ อ้างว่าเป็นแนวคิดของนางพรทิวาเอง เพราะวิตกว่าจะกระทบต่อต้นทุนการเพาะปลูกและราคาสินค้าเกษตร ที่จะกระทบต่อค่าครองชีพและเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นก่อนการเลือกตั้ง
นายกปุ๋ยโวย ‘มาร์ค’ สั่งชะลอ
ขณะที่ นายเปล่งศักดิ์ ประกาศเภสัช นายกสมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย เปิดเผยว่า หลังจากคณะอนุกรรมการพิจารณาราคาปุ๋ยเคมีให้ปรับขึ้นราคาปุ๋ยในช่วงเช้า และช่วงบ่ายอธิบดีกรมการค้าภายในกลับโทรศัพท์อ้างคำสั่งนายกรัฐมนตรีให้ชะลอการปรับขึ้นราคาไปก่อน ซึ่งตนไม่เข้าใจว่าทำไมนายกรัฐมนตรีจึงตัดสินใจเช่นนี้ ซึ่งผู้ประกอบการต้องแบกรับภาระขาดทุนมาถึง 6 เดือนแล้ว ผู้ผลิตปุ๋ยเคมีของไทยคงต้องชะลอการนำเข้าแม่ปุ๋ยเข้าเนื่องจากประสบปัญหาภาวะขาดทุนอย่างหนักซึ่งปกติการนำเข้าต้องใช้เวลา 1-2 เดือน ขณะที่มีสต๊อคปุ๋ยทุกชนิดเหลือ 4 แสนตัน
“สมาคมจะมีการเรียกประชุมเร่งด่วน และจัดทำหนังสือร้องถึงนายกรัฐมนตรี ที่สั่งชะลอการปรับราคา โดยเอกชนไม่เข้าใจว่าการไม่ให้ขึ้นราคา เพราะรัฐบาลจะสั่งปุ๋ยเองจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซีย หรือไม่ และจะเสนอให้รัฐบาลพิจารณาว่าหากต้องการให้ขายปุ๋ยเคมีราคาถูกให้กับเกษตรกร รัฐควรจัดงบประมาณมาอุดหนุนให้กับผู้ประกอบการ เพื่อลดภาระการขาดทุน” นายเปล่งศักดิ์กล่าว
อภิสิทธิ์อ้างรอมาตรการช่วย
จากนั้น เวลา 17.30 น. ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กระทรวงพาณิชย์มีมติที่จะขึ้นราคาปุ๋ย ว่าได้พูดคุยกับนางพรทิวา นาคาศัย รมว. พาณิชย์ แล้วหลังมีข่าวว่าจะขึ้นราคาปุ๋ยในวันที่ 8 เมษายน โดยให้นโยบายไปแล้วว่าหากจะขึ้นราคาจริง ต้องมีมาตรการช่วยเหลือประชาชนที่ชัดเจน ซึ่งนางพรทิวาได้รับกลับไปพิจารณาแล้ว ส่วนจะมีการชะลอการขึ้นราคาได้ถึงเมื่อไหร่นั้น ต้องรอให้กระทรวงพาณิชย์เสนอมาตรการที่เป็นรูปธรรมชัดเจนก่อน แต่นางพรทิวาชี้แจงว่าเท่าที่หารือกับทางสมาคมชาวนาไทยแล้วยืนยันว่าไม่มีปัญหาแค่ต้องการให้ ครม.ได้พิจารณาร่วมกันก่อนว่ามีมาตรการอะไรรองรับ และการขึ้นราคาปุ๋ยเป็นอย่างไร เพราะแต่ละสูตรปุ๋ยขึ้นราคาไม่เหมือนกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ปัจจุบันราคาสินค้าต่างๆขยับสูงขึ้นมาจากสาเหตุอะไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เป็นเพราะราคาต้นทุนทั่วโลกสูง ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ อะไรที่สามารถบริหารได้ ก็บริหารไป อย่างกรณีของน้ำมันดีเซลที่กองทุนน้ำมันให้อุดหนุนอยู่ ซึ่งประมาณการว่าเงินในกองทุนขณะนี้เหลืออยู่ประมาณ 11,000 ล้านบาท เมื่อตัวเลขใกล้ตามที่กำหนดไว้ต้องมาคุยกันอีกรอบว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะมาตรการดังกล่าวจะครบกำหนดในปลายเดือนเมษายน และนัดหารือกับทางกระทรวงการคลังและกระทรวงพลังงาน
เล็งภาษีสรรพสามิตตรึงดีเซล
เมื่อถามว่า จำเป็นต้องใช้มาตรการทางภาษีสรรพสามิตมาช่วยแก้ปัญหาหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวยอมรับว่า เป็นทางเลือกหนึ่ง และมีอีกหลายทางเลือกที่ รมว.คลังเตรียมแผนไว้ ตนคิดว่ายังมีความจำเป็นต้องตรึงราคาดีเซลต่อไป แต่หากใช้มาตรการทางทางภาษีก็จะไม่กระทบต่อรายได้ของประเทศ เพราะขณะนี้การจัดเก็บรายได้เกินเป้า และเกินมากกว่าที่ตอนเสนองบกลางปี ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบตัวต่ออัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) หรือไม่นั้น หน่วยงานที่เกี่ยงข้องยังยืนยันประมาณการตัวเลขจีดียังเป็นตัวเลขเดิม และในไตรมาสแรกที่มีตัวเลขเข้ามา 2 เดือนแรก ยังอยู่ที่ประมาณ 2-3
กบง.อนุมัติชดเชยอีก 50 สต./ลิตร
ขณะที่ นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) มีมติให้ปรับเพิ่มการชดเชยราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในประเทศเพิ่มอีก 50 สตางค์ต่อลิตร รวมการชดเชยทั้งสิ้น 5.90 บาทต่อลิตร เนื่องจากราคาน้ำมันดิบดูไบในตลาดโลกได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 115.30 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดีเซลในตลาดโลกปรับขึ้นมาอยู่ที่ 138.27 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งจะส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯมีเงินไหลออกจากเดิม 345.7 ล้านบาทต่อวัน หรือประมาณเดือนละ 11,271 ล้านบาท จากเดิมไหลออกเดินละ 10,436 ล้านบาท
“สำหรับฐานะกองทุนน้ำมันล่าสุด มีเงินคงเหลือประมาณ 11,206 ล้านบาท คาดว่าจะได้ใช้ถึงสิ้นเดือนเมษายนนี้ โดยมีการชดเชยราคาน้ำมันดีเซลไปแล้วตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2553 ถึงปัจจุบัน รวม 14 ครั้ง ใช้เงินไปแล้วประมาณ 19,350 ล้านบาท” รมว.พลังงานกล่าว และว่ากระทรวงพลังงานจะขอความร่วมมือให้ผู้ค้าน้ำมันต่างชาติที่ปับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไปเกินกว่า 30 บาทต่อลิตร ให้ปรับลดลงราคาลงมาและจะประเมิณสถานการณ์อีกครั้งก่อนช่วงเทศกาลสงกรานต์
ชง กพช.เพิ่มเพดานดีเซลเกิน 30บ.
นพ.วรรณรัตน์กล่าวว่า ในวันที่ 27 เมษายนนี้ กระทรวงพลังงานจะเสนอที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ให้มีการปรับเพิ่มเพดานราคาน้ำมันดีเซลให้เกิน 30 บาทต่อลิตร และเสนอให้มีการปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน เพื่อเป็นทางเลือกในการตรึงราคาน้ำมันต่อไป และเพื่อเป็นการลดภาระกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงด้วย
นายบุญส่ง เกิดกลาง รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า เงื่อนไขที่จะไปหารือกับผู้ค้าน้ำมันต่างชาติไม่ให้ปรับขึ้นราคาน้ำมันเกิน 30 บาทต่อลิตร โดยเฉพาะในช่วงสงกรานต์เนื่องจากผู้ค้าน้ำมันส่วนใหญ่ถือหุ้นในโรงกลั่นน้ำมันอยู่แล้วและขณะนี้มีค่ากลั่น (มาร์จิ้น) อยู่ในระดับสูงที่ 1.70 บาทต่อลิตร
8 เม.ย. ปตท.-บางจากขึ้นเบนซิน
รายงานข่าวแจ้งว่า ปตท. และบางจาก จะปรับขึ้นราคาน้ำมันขายปลีกสำหรับน้ำมันในกลุ่มเบนซินจำนวน 40 สตางค์ต่อลิตร และน้ำมันแก๊ซโซฮอล อี 85 จำนวน 20 สตางค์ต่อลิตร ยกเว้นน้ำมันดีเซล ส่งผลให้ราคาขายปลีก ณ สถานีบริการน้ำมันในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ในวันที่ 8 เมษายน 2554 ตั้งแต่เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป เป็นดังนี้ น้ำมันแก๊ซโซฮอล์ อี 20 อยู่ที่ 34.94 บาทต่อลิตร น้ำมันแก๊ซโซฮอล์ อี 85 อยู่ที่ 22.62 บาทต่อลิตร น้ำมันแก๊ซโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 35.84 บาทต่อลิตร น้ำมันแก๊ซโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 38.34 บาทต่อลิตร น้ำมันเบนซิน 91 อยู่ที่ 43.24 บาทต่อลิตร น้ำมันดีเซลอยู่ที่ 29.99 บาทต่อลิตร
คน.ขอร่วมมือตรึงราคาสินค้า
วันเดียวกัน นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวถึงการร้องเรียนหลังอนุมัติให้ปรับขึ้นราคาน้ำมันถั่วเหลืองขวดลิตรละ 9 บาท จาก 46 บาท เป็น 55 บาท และยังมีปัญหาขาดแคลน ว่า ห้างค้าปลีกอ้างเรื่องการปรับระบบข้อมูลการจำหน่ายสินค้าและในวันที่ 6 เมษายนที่ผ่านมาเป็นวันหยุด อาจำทำให้เกิการล่าช้าแต่รับปากว่าจะเร่งแก้ไขและวางสินค้าให้คบทุกสาขาภายใน 1-2 วันนี้
นายดามพ์ สุคนธทรัพย์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส เทสโก้ โลตัส กล่าวถึงกรณีกรมการค้าภายในมีมติให้ปรับขึ้นราคาน้ำมันพืชขวดลิตรละ 9 บาท ว่า ยินดีที่จะปรับราคาตามการควบคุมอยู่แล้วและยังไม่เห็นสัญญาณการขาดแคลนสินค้าแต่อย่างใด
นางวรรณิภา ภักดีบุตร รองประธานกรรการบริหารด้านการตลาดผลิตภัณฑ์ความงาม บริษัท ยูนิลิเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำ เปิดเผยว่า บริษัทได้รับหนังสือจากกรมการค้าภายในกระทรวงพาณิชย์ขอความร่วมมือเรื่องตรึงราคาสินค้าต่อไป หลังมาตรการขอความร่วมมือให้ตรึงราคา สินค้าอุปโภคบริโภคสิ้นสุดในวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา