เอดีบีชี้ปัญหา "เหลื่อมล้ำรายได้" ถ่วงไทย
ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชียหั่นจีดีพีไทย 4.1% พิษน้ำมันแพง-น้ำท่วมใต้-ภัยพิบัติยุ่น กระทุ้งรัฐแก้ปัญหาเหลื่อล้ำรายได้ แนะทยอยเลิกมาตรการช่วยค่าครองชีพ-ต่อเนื่องสวัสดิการสังคม-ให้ อปท. ร่วมตัดสินใจนโยบายโครงสร้างพื้นฐาน
วันที่ 7 เมษายน นางลักษมณ อรรถาพิช เศรษฐกรอาวุโส ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ประจำประเทศไทย เปิดเผย รายงานวิเคราะห์สถานการณ์และแนวโน้มเศรษฐกิจเอเชียประจำปี 2554 ว่า เอดีบีได้ปรับประมาณการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ไทยปี 2554 ขยายตัว 4.1% จากเดิมคาดว่าจะขยายตัว 4.5% จากผลกระทบแผ่นดินไหวในญี่ปุ่น น้ำท่วมภาคใต้ และความไม่สงบในตะวันออกกลางส่งผลให้น้ำมันแพง “จีดีพีที่คาดว่าจะโต 4.1% การเลือกตั้งต้องราบรื่นไม่มีเหตุวุ่นวายทางการเมือง”
นางลัษมณกล่าวว่า ความไม่มั่นคงทางการเมืองภายในประเทศเป็นปัจจัยเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นผู้บริโภค ข้อสังเกตคือเหตุความไม่สงบทางการเมืองในประเทศที่เกิดขึ้นและชุมนุมประท้วงที่รุนแรงเมื่อปีที่แล้วได้สะท้อนถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำด้านรายได้และโอกาสของประเทศไทยที่ท้าทายการพัฒนาประเทศที่ต้องเร่งแก้ไข โดยไทยมีค่าสัมประสิทธิ์ความไม่เสมอภาคสูงถึง 0.51 โดยกลุ่มผู้มีรายได้สูงสุด 20% ของประเทศ มีรายได้รวมเกือบครึ่งของรายได้ครัวเรือนทั้งหมด แม้รัฐบาลจะมีความพยายามที่จะแก้ปัญหาดังกล่าว แต่เอดีบีมองว่าควรทำควบคู่กับการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นโดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการตัดสินใจมากขึ้นในเรื่องโครงสร้างพื้นฐานและบริการ และเอื้อให้มีการบริหารจัดการงบฯท้องถิ่นของตนเอง
“รัฐบาลชุดใหม่ควรมีความต่อเนื่องของนโยบายโดยเฉพาะนโยบายด้านสวัสดิการสังคม แต่ไม่เห็นด้วยหากจะมีมาตรการอุดหนุนและลดค่าครองชีพในระยะยาว ควรทยอยถอนมาตรการปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาดจะดีกว่า”
นางลักษมณกล่าวว่า ปีนี้ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะต้องเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อคาดว่าจะขยายตัวที่ 5.1% สูงกว่าปี 2553 อยู่ที่ 4% แต่ไทยคงอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ คาดว่าจะเร่งตัวสูงขึ้นที่ 3.5% ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คงจะทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 3-3.5% จากปัจจุบัน 2.50% แต่คงไม่ง่ายนักเพราะจะเจอแรงกดดันเงินทุนไหลเข้า จึงต้องใช้ความระมัดระวัง ส่วนเหตุน้ำท่วมภาคใต้และภัยพิบัติในญี่ปุ่นคาดว่าจะมีผลต่อเศรษฐกิจไตรมาสที่ 2 แต่ไม่ถึงติดลบส่วนการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นมองว่าเป็นไปได้ด้วยดี
ที่มาภาพ : http://www.tnews.co.th/html/read.php?hot_id=6688