อิกไนท์ฯ ยกระดับจับมือทีวีไทย ขยายแนวคิดปลุกพลังบวก
“ภาณุ อิงคะวัต” เชื่อเป็นช่องทางสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ขยายแนวคิดพลังบวกในสังคมไทย ดีเดย์ ก.พ.คลอด“อิกไนท์ ทีวีไทย” ทุกอังคาร 23.00-23.50 น. “ปรเมศวร์” เผยครั้งต่อไป จัดตรงอิกไนท์ โลก พร้อมกัน 5 ทวีป 60 ประเทศ
เมื่อเร็วๆ นี้ เครือข่ายพลังบวก จัดเวที “ปลุกพลังบวก Ignite Thailand++ ครั้งที่ 3” ณ โรงภาพยนตร์ สกาล่า โดยมี 22 Igniter ร่วมปลุกพลังคนไทยไปกับเรื่องราวดี ๆ ถึง 22 เรื่อง 22 สไตล์ โดยมีนายภาณุ อิงคะวัต ประธานกลุ่มเครือข่ายพลังบวก และนายปรเมศวร์ มินศิริ ผู้จัดการฝ่ายกิจกรรมเครือข่ายพลังบวกและเวทีพลังบวก กล่าวเปิดงาน
นายภาณุ กล่าวถึงการจัดงานในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากสถานีโทรทัศน์ ทีวีไทย (Thai PBS) ในการเป็นเครือข่ายสร้างความร่วมมือยกระดับเวที Ignite Thailand++ ให้เกิดแรงพลังในระดับที่กว้างขวาง สร้างกระแสสู่มวลชนได้มากขึ้น และขยายแนวคิด “ปลุกพลังบวก เปลี่ยนประเทศไทย” ซึ่งที่ผ่านมาการจัดกิจกรรม “ปลุกพลังบวก Ignite Thailand++” จะเผยแพร่ในกลุ่มผู้ฟังที่ร่วมกิจกรรมในห้องประชุม เว็บไซต์ และโซเชียล เน็ตเวิร์ก เท่านั้น มีผู้รับรู้ระดับแสนคน
“คาดว่า ความร่วมมือกับทีวีไทยจะทำให้ผู้ชมมีโอกาสรับชมกิจกรรมเวทีพลังบวกเพิ่มขึ้น ถือเป็นช่องทางการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพในการขยายแนวคิดพลังบวกในสังคมไทย และหลังจากนี้จะนำไปเผยแพร่ทางช่องทีวีไทย ในรายการ “อิกไนท์ ทีวีไทย” ที่จะเริ่มออกอากาศ 1 กุมภาพันธ์นี้ โดยจะนำเสนอทุกวันอังคาร เวลา 23.00-23.50 น.”
ด้านนายปรเมศวร์ กล่าวว่า กิจกรรมปลุกพลังบวก ครั้งต่อไป จะจัดขึ้นในวันที่ 8 ก.พ. 2554 ณ โรงภาพยนตร์ สกาล่า เหมือนเดิม ซึ่งตรงกับการจัดกิจกรรมอิกไนท์โลก (Global Ignite Week) ระหว่างวันที่ 7-11 ก.พ. ที่จะจัดขึ้นพร้อมกัน ทั่วโลก ใน 5 ทวีป 60 ประเทศ เพื่อนำเสนอ และรวบรวมไอเดียในการเปลี่ยนแปลงสังคม จึงอยากให้ทุกคนเตรียมไอเดียมานำเสนอ และถือเป็นกิจกรรมต่อยอดสำหรับผู้ที่สนใจ
ทั้งนี้ พระไพศาล วิสาโล เจ้าอาวาสวัดป่าสุคะโต จังหวัดชัยภูมิ ในฐานะกรรมการปฏิรูป 1 ใน 22 Igniter ได้นำเสนอเรื่องราวในหัวข้อ ‘สมานใจด้วยความดีปลูกไมตรีในผองชน’ ว่า คนเราไม่ได้มีแต่กิเลศ ความเห็นแก่ตัวแต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีความงามทางจิตใจด้วย ซึ่งความดีงามจะมาจากใจของเราอย่างเดียวคงไม่พอ จะต้องพยายามดึงความดีงามออกมาจากใจของผู้อื่น ทั้งคนใกล้ตัว คนที่อยู่ไกล
“ทุกคนมีความดีอยู่ในจิตใจ แม้จิตใจจะแข็งกระด้าง แต่ก็มีความอ่อนโยนอยู่ภายใน เหมือนก้อนหินที่ยังมีพื้นที่ให้แก่ความอ่อนโยนให้กับต้นกล้าต้นเล็กๆ ซึ่งการดึงความดีงามออกมาจากใจผู้อื่นนั้น ทำได้ด้วยการสงบนิ่ง เมื่อเขาเกรี้ยวกราด ยื่นไมตรีให้ ในยามที่เขาหันหลังให้ หยิบยื่นความช่วยเหลือเมื่อเขาประสบทุกข์ และยิ้มให้ เมื่อเขามีความสุข”
พระไพศาล กล่าวถึงการที่ระดมความดีงามออกมาจากจิตใจของผู้คนมากเท่าไหร่ ก็จะกลายเป็นพลังในการที่จะขับเคลื่อนสังคมไปข้างหน้า โดยเชื่อว่า จะเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ที่สามารถทำให้สังคมเกิดความสงบสุขได้
“แม้จะมีความแตกต่างกันเพียงใดก็ตาม ก็จะไม่เป็นอุปสรรค หากเรามีความดี ใช้ความดีประสานใจให้เป็นหนึ่งเดียวกัน เมื่อเราทำความดีต่อกันก็จะทำให้เราเห็นความเป็นมนุษย์ของกันและกัน สามารถก้าวข้ามความแตกต่าง หรือความเกลียดชังกันได้ การร่วมกันทำความดีไม่ได้ก่อให้เกิดพลังการสร้างสรรค์สังคมให้สงบสุขเท่านั้น แต่ยังมีพลังในการเปลี่ยนชีวิตของเราให้มีความสุขด้วย”