หมอประเวศ ผนึกกำลังคนไทยพร้อมใจบินออกจาก “เข่ง”
ย้ำชัด ปฏิรูปประเทศครั้งนี้ ต้องปฏิรูปที่ตัวปชช. พึ่งตนเอง ไม่คิดพึ่งผู้อื่น ปฏิรูปขึ้นมาจากฐาน เชื่อคิดถูก เดินถูกทาง จะทำให้การเมืองดีขึ้น พร้อมสอนวิธีมองปัญหาไฟใต้ ให้มองในภาพใหญ่ ทำความเข้าใจ ดูแล และแก้ปัญหา อย่าหมดหวัง
วานนี้ (17 ก.ย.) หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ จัดเวทีสนทนา พร้อมการบันทึกเทปรายการ ธรรมในใจ ของ ศ.นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส ในฐานะประธานสมัชชาปฏิรูป ณ ลานกิจกรรม ชั้น 1 หอจดหมายเหตุพุทธทาสฯ ดำเนินรายการโดย เพชรี พรหมช่วย และ นพ.บัญชา พงษ์พานิช ครั้งพิเศษ เพื่อออกอากาศทางช่อง 3 ทุกเช้าวันอาทิตย์ เวลา 04.45 น.
ช่วงหนึ่งของการสนทนา ศ.นพ.ประเวศ กล่าวถึงการปฏิรูปประเทศไทยว่า เพื่อแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง จากสังคมแนวดิ่งให้เป็นสังคมแนวราบ ซึ่งคนไทยยังเข้าใจกันน้อย ว่า ตัวโครงสร้างกำหนดคุณสมบัติของสังคม โดยเปรียบเทียบให้เห็นว่า “ไม้” เหมือนกัน หากโครงสร้างเป็นเรือ ก็ลอยน้ำได้ ถ้าโครงสร้างเป็นโต๊ะ ก็เขียนหนังสือได้ โครงสร้างเป็นบ้านก็อยู่อาศัยได้
สำหรับข้อสงสัยที่ว่า เมืองไทยเป็นเมืองพุทธ พุทธศาสนาเป็นของดีทำไมสังคมไทยถึงศีลธรรมเสื่อมเสียเต็มไปหมด ศ.นพ.ประเวศ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับโครงสร้างสังคม พุทธศาสนาเป็น ศาสนาที่นิยมแนวราบ แต่เข้ามาสู่สังคมไทยที่นิยมแนวดิ่ง พุทธศาสนาถูกแนวดิ่งครอบ ทำให้เป็นเรื่องยากมากที่มองเห็นความหวังจะเกิดศีลธรรมขึ้น เวลาสังคมเป็นแนวดิ่งจะไปกำหนดพฤติกรรมของคนในสังคม ทำให้คนที่มีอำนาจข้างบนจะโกงมาก คนข้างล่างถูกกระทำก็จะแก้แค้น อีกทั้งมีพฤติกรรมเบี่ยงเบน เช่น เฉื่อยงาน แทงข้างหลัง นินทา หนีงาน โกงของหลวง แสวงหาผู้อุปถัมภ์ เป็นต้น
ศ.นพ.ประเวศ กล่าวว่า ที่ผ่านมา การปฏิรูปล้มเหลวมาเรื่อยเพราะเราสร้างพระเจดีย์จากยอด ขณะนี้เป็นการปฏิรูปตัวประชาชน คือการพึ่งตนเอง ไม่คิดพึ่งผู้อื่นแล้ว คิดถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของตัวเอง คิดถึงศักยภาพของตัวเอง แล้วลงมือทำเรื่องดีๆ ทุกคน เรียกว่า ปฏิรูป 3 ระดับ คือปฏิรูปตัวเอง ปฏิรูปการมีองค์กร และปฏิรูปนโยบาย ถ้าความคิดถูกต้อง แนวทางถูกต้อง สิ่งนี้จะมาทำให้การเมืองดีขึ้น เป็นการปฏิรูปที่ขึ้นมาจากฐาน คือประชาชน
“คนไทยเหมือนไก่อยู่ในเข่ง เข่งคือโครงสร้างที่ครอบเราอยู่ในที่แคบๆ แล้วเราก็กระทบกัน จิกตีกันเรื่อย แต่ละตัวก็ออกจากเข่งไม่ได้ ในที่สุดก็ถูกไปเชือดกันหมด การปฏิรูปคราวนี้เราสร้างความพร้อมใจบินออกจากเข่ง ให้ประชาชนเป็นผู้ปฏิรูป”
ส่วนกรณีความขัดแย้งใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ศ.นพ.ประเวศ กล่าวถึงหลักการมองปัญหาว่า อย่ามองเฉพาะจุด ให้มองในภาพใหญ่ เพราะมิเช่นนั้นจะออกจากความขัดแย้งไม่ได้ เรื่องภาคใต้ให้มองความขัดแย้งในโลกที่ใหญ่ที่สุด คือความขัดแย้งระหว่างอเมริกากับโลกมุสลิม ขณะที่ประเทศไทยมีประชาคมมุสลิม ด้านหนึ่งอาจมีเรื่องความขัดแย้ง แต่ต้องทำความเข้าใจ ดูแล และแก้ปัญหาตรงนี้ให้ได้ รวมทั้งไม่ควรจะหมดหวัง
“จุดใหญ่ของปัญหาภาคใต้ คือ การรวมศูนย์อำนาจไว้ที่ส่วนกลาง อำนาจที่รวมศูนย์ไปขัดแย้งกับวัฒนธรรมท้องถิ่นวัฒนธรรมเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะเป็นวิถีชีวิตร่วมกันของกลุ่มชนที่สอดคล้องกับสิ่งแวดล้อมหนึ่งๆ สิ่งแวดล้อมแต่ละแห่งไม่เหมือนกัน ดังนั้นวิถีชีวิตจึงไม่เหมือนกัน นี่เรียกว่าความหลากหลายทางวัฒนธรรม แต่ช่วงหลัง มีอำนาจรัฐ อำนาจเงิน อำนาจความรู้และการจัดการศึกษาที่อยู่นอกวัฒนธรรม ไปทำลายตรงนี้ให้แตกแยก”
ศ.นพ.ประเวศ กล่าวด้วยว่า การปฏิรูปครั้งนี้พยายามไปสร้างความเข้าใจ ให้ความสำคัญกับชุมชนท้องถิ่น ซึ่งใน 3 จังหวัดชายแดนใต้มีชาวมุสลิม เป็นส่วนใหญ่ และมีชาวพุทธเป็นหย่อมๆ การไปบอกให้กระจายอำนาจ ให้มีการเลือกตั้งทั้งหมด ชาวพุทธก็ไม่ยอม เพราะคนมุสลิมเป็นเสียงส่วนใหญ่ ดังนั้นต้องเริ่มจากจุดเล็กที่สุด คือชุมชนจัดการตัวเอง นี่คือหลักปฏิรูปที่ใหญ่ที่สุด