ชาติวิกฤต-พลิกจิต นพ.ประเวศแนะเปลี่ยนเกียร์ประเทศ
จากเกียร์ที่ใช้แต่สมองส่วนหลัง สมองแห่งการต่อสู้ สมองของสัตว์ เป็นเกียร์หน้า หรือสมองส่วนหน้าที่อยู่ของสติปัญญา ฉะการสื่อสารที่หลอกลวง บริภาษ ครอบงำสังคม ยิ่งทำให้คนตกอยู่ในมายาคติ และแรงบีบคั้น
วันนี้(24 มิ.ย.) แผนงานพัฒนาจิตเพื่อสุขภาพ มูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ์ (มสส.) สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ (สพฐ.) สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) (สรพ.) สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.)สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน จัดประชุมวิชาการ “สานจิตรเสวนา ครั้งที่ 2 : มีปัญญารักษาทุก(ข์) โรค” เพื่อขยายและขับเคลื่อนเครือข่ายการเรียนรู้สุขภาวะทางปัญญาสู่สังคมวงกว้าง มีนพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ เลขาธิการมูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ์ กล่าวเปิดการประชุม
จากนั้นศ.น.พ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส บรรยายในหัวข้อ “สร้างองค์กรพัฒนาจิตทุกหย่อมหญ้า” โดยกล่าวถึงแรงบันดาลใจ เขียนหนังสือเรื่อง “ชาติวิกฤต – พลิกจิตถ้วนหน้า” ว่า มาจากการอ่านพระไตรปิฎก และเป็นที่มาของคำว่า พลิกจิต พร้อมกับเปรียบเทียบการมีจิตคว่ำกับจิตหงาย จิตคว่ำ เป็นการตัดขาด ทำให้เห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่คนอื่น ไม่เห็นแก่ส่วนรวม ตรงกันข้ามกับการมีจิตหงาย ทำให้เห็นแก่ส่วนรวม เห็นแก่คนอื่น เห็นแก่สิ่งอื่นทั้งหมด
สำหรับการศึกษาไทยที่มีมากว่า 100 ปีนั้น ศ.นพ.ประเวศ กล่าวว่า การศึกษาไทยถูกครอบ เป็นมิติเดียว ทำให้คนอยู่ในที่แคบ มีแต่ความโง่เขลา นักเรียนมีหน้าที่ฟังครู ขณะที่มนุษย์พัฒนาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพต้องมีปฏิสัมพันธ์อย่างรอบด้าน ที่สำคัญมหาวิทยาลัยต้องเป็นหัวรถจักรทางปัญญาเพื่อพาชาติออกจากวิกฤต
“การศึกษาของเราสอนแค่ระดับความรู้ ไปไม่ถึงการสร้างจิตสำนึกใหม่ การศึกษาจึงไม่สามารถเป็นพลังที่พามนุษย์ออกจากวิกฤตได้”
ราษฎรอาวุโส กล่าวอีกว่า สังคมปัจจุบันเชื่อมโยงและซับซ้อน ที่วิกฤตเพราะจิตตามไม่ทันความจริง สภาวะจิตของคนเรา มีทั้งสองด้าน คือ จิตหงาย การเห็นแก่ทั้งหมด เห็นแก่ส่วนร่วม แต่กลับไปพัฒนาเฉพาะจิตคว่ำ เช่นเดียวกับเรื่องปฏิรูปประเทศไทย ลึกที่สุด คือปฏิรูปจิตสำนึก และมีผลมากที่สุด ต่อให้ทำอะไรทั้งหมด หากคนยังเห็นแก่ตัวสังคมก็จะเป็นมะเร็ง
“ธรรมชาติให้เครื่องมือมนุษย์ คือ สมองส่วนหน้าที่อยู่ของสติปัญญา หรือสมองแห่งความเป็นมนุษย์ทำให้มีความดีงาม ศีลธรรมอยู่ตรงนี้ แต่เรากลับใช้สมองส่วนหลัง ซึ่งหากเราใช้สมองแห่งการต่อสู้นี้นานเกินไป จะทำให้สมองส่วนหน้าฝ่อ เราต้องเปลี่ยนเกียร์ประเทศไทย จากเกียร์ที่ใช้แต่สมองส่วนหลัง เป็นเกียร์หน้า ยิ่งการสื่อสารปัจจุบันที่ครอบงำสังคมตลอดเวลา หลอกลวง การสื่อสารที่เป็นบริภาษ ทำให้คนยิ่งตกอยู่ในมายาคติ และแรงบีบคั้น”
ศ.นพ.ประเวศ กล่าวด้วยว่า ทุกฝ่ายต้องร่วมกันระเบิดจิตสำนึกออกจากคุกที่มองไม่เห็น เหมือนระเบิดพลังนิวเคลียร์ในตัวมนุษย์ ซึ่งเป็นกำลังมหาศาล เราต้องการจิตสำนึกใหม่ของคนทั้งมวล ที่กำลังเป็นกระแสใหญ่ของโลก (Megatrend) ดูได้จากหนังสือที่ขายดิบขายดีจะเป็นหนังสือตระกูลจิตสำนึกใหม่ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า โลกกำลังเปลี่ยน ดังนั้น องค์กรที่มีความสามารถน่าจะเข้ามาจัดตั้งศูนย์ข้อมูลข่าวสารเรื่อง จิตสำนึกใหม่ เพื่อรับฟังและกระจายข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการพัฒนาจิต ให้เกิดเครือข่ายของการรับรู้แลกเปลี่ยน, เกิดชุมชนจิตสำนึกใหม่, การท่องเที่ยวจิตสำนึกใหม่ ซึ่งชาติวิกฤต ปฏิบัติจิตถ้วนหน้าจะทำให้สังคมสงบเย็น และเป็นสังคมนิพพาน