หมอพลเดชเปรียบ'ปฏิรูป'เหมือนว่าวติดลมบน จุดติด รอจังหวะคนตื่นตัวเร่งขับเคลื่อน
“พลเดช ปิ่นประทีป” ชี้ชัดปฏิรูปประเทศไทย ต้องเน้นเรื่องจิตสำนึกก่อน เพื่อช่วยสร้างให้เป็นพลังที่ใหญ่ เกิดเป็นกระแสเห็นด้วยกับการปฏิรูปร่วมกันทั้งสังคม
เมื่อเร็วๆนี้ นพ.พลเดช ปิ่นประทีป เลขาธิการสถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวศูนย์ข้อมูลปฏิรูปประเทศไทยถึงแนวทางการปฏิรูปประเทศไทยในขณะนี้ว่า จากวิกฤตเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองที่เกิดขึ้น สาเหตุมาจากปัญหาต่างๆที่สะสมมายาวนานและไม่ได้รับการแก้ไข จนเกิดเป็นปัญหาหมักหมมและปะทุขึ้น ซึ่งทุกคนรับรู้ปัญหาแต่ไม่มีใครออกมารับผิดชอบ โดยเฉพาะคนที่อยู่ส่วนบนของประเทศ จนทำให้เกิดปัญหาใหญ่ แบ่งได้เป็น 4 เรื่อง คือ ความยากจน ความไม่เป็นธรรมในสังคม การละเมิดสิทธิมนุษยชน และการทุจริตคอร์รัปชั่น
“จาก 4 เรื่องใหญ่ๆ เป็นเรื่องพื้นฐาน แต่ยังมีเรื่องย่อยอีกเยอะ เช่น ปัญหาเรื่องการใช้ทรัพยากร ที่ดิน น้ำ ป่า ทะเล ภูเขา ที่เป็นสมบัติสาธารณะ เป็นสมบัติส่วนร่วมของประเทศชาติ ที่ไม่เท่าเทียม หากคนจนเข้าไปบุกรุกโดนจับ แต่หากเป็นคนรวยซื้อสัมปทานและระเบิดภูเขาทั้งลูก และภูเขาหายไป ไม่มีความผิด ซึ่งการจัดการทรัพยากรที่ถูกต้องนั้น ประชาชนทุกคนต้องมีส่วนร่วม และใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืน เป็นธรรม
นพ.พลเดช กล่าวว่า ปัญหาที่ยกมา เป็นปัญหามาแล้วอย่างน้อย 50 ปี ตั้งแต่มีแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯฉบับที่ 1 เพราะเป็นการเอาทุนเป็นตัวตั้ง กระตุ้นให้เกิดการบริโภคนิยม ทุนนิยม เงินนิยม เพราะฉะนั้น จากทิศทางเช่นนี้ที่ไปทำลายชีวิตของคนตัวเล็ก ตัวน้อย ทำลายครอบครัว ทำลายชุมชน และการมุ่งสู่อุตสาหกรรม ก็ไปเอื้อต่อนายทุน ทำให้ประเทศถูกบีบคั้น เกิดปัญหาสะสม และเกิดวิกฤต จนทางการเมืองเป็นวิกฤตทั่วด้าน
“หากจะปฏิรูปประเทศไทยในทุกมิติ ดูจากสถานการณ์ในวันนี้ ไม่สามารถทำไปพร้อมกันได้ เพราะต้องรอดูท่าทีจากฝ่ายรัฐบาลควบคู่กันไปกับภาคประชาชนด้วย แต่สิ่งที่สามารถทำได้ โดยอาศัยจังหวะตื่นตัวจากทุกฝ่ายที่ไม่ต้องรอ คือ เร่งปฏิรูปจิตสำนึก ของคนทุกชนชั้น เพื่อช่วยสร้างให้เป็นพลังที่ใหญ่ เกิดเป็นกระแสเห็นด้วยกับการปฏิรูปร่วมกันทั้งสังคม”
สำหรับทางออกของประเทศ นพ.พลเดช กล่าวว่า ไม่มีหนทางอื่น นอกจากการปฏิรูป รวมทั้ง ประเด็นปัญหาความยุ่ยเปื่อยทั้งตัวของสังคม ทุกฝ่ายต้องรับรู้ เข้าใจ และเกิดการเข้าร่วม และเน้นเน้นหนักไปที่การตื่นตัวของสังคมให้เร็วที่สุด หากตั้งได้เร็ว จะเกิดแรงเคลื่อนอย่างแรงทั้งประเทศ เกิดการตื่นตัวของประชาชนได้รวดเร็ว พอเรื่องติดใจประชาชน จะเหมือนว่าวที่ติดลมบน ไม่ต้องกลัวว่ารัฐบาลจะอยู่ไม่อยู่
“การปฏิรูปประเทศไทย จุดติดแล้ว หากรัฐบาลมีความมั่นคงและสนับสนุนอย่างเหมาะสม จะสามารถติดลมบนได้ง่าย และไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาลก็ต้องสานต่อ ซึ่งเมื่อเทียบกับ 10 ปีก่อนประเทศไทยมีความพร้อมมากขึ้น แต่ก่อนองค์กรชุมชนยังน้อย หน่วยงานสนับสนุน ยังไม่มี แต่วันนี้ทุกอย่างพร้อมแล้ว ฉะนั้น เมื่อความเห็นพร้อมพอสมควร สิ่งต่อไปก็ควรจะเร่งสร้างความตื่นตัวของสังคม ให้มีความรู้สึกเป็นเจ้าของในการปฏิรูป จนนำไปสู่การปฏิรูปประเทศได้เร็ว และมีภูมิคุ้มกันกับขบวนที่จะเคลื่อนต่อไป”