"เครือข่ายพลังบวก" เปิดพื้นที่คนไทยแสดงออกทางประชาธิปไตยอย่างถูกต้อง
เครือข่ายพลังบวก จัดกิจกรรม Ignite Thailand ปลุกพลังบวกเปลี่ยนประเทศไทย เปิดพื้นที่พูดคุย อย่างมีกติกาตามวัฒนธรรมแบบประชาธิปไตย รวมข้อมูลและความคิดเห็นเพื่อทำประโยชน์ต่อประเทศ หวังเกิด People Poll ก่อนนำไปสู่โรดแมปของชาติร่วมกัน
วานนี้ (16 มิ.ย.) ณ อาคารลุมพินีสถาน สวนลุมพินี กรุงเทพฯ กลุ่มคนไทยหลากหลายอาชีพ อาทิ นักเขียน นักโฆษณา ประชาสัมพันธ์ สื่อสารมวลชน ภาคธุรกิจ นักวิชาการ ฯลฯ เข้าร่วมเครือข่ายพลังบวก เพื่อตอกย้ำจุดยืนช่วยเยียวยาสังคมผ่านพ้นวิกฤตความแตกแยก โดยหวังกระตุ้นคนไทยเข้าใจปัญหาและเปลี่ยนอคติเป็นพลังบวกเพื่อฟื้นฟูและพัฒนาสังคมไทยให้เดินหน้าต่อไปอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน
ทั้งนี้ในเวที “อิกไนท์ไทยแลนด์” (Ignite Thailand) มีการเปิดตัวเครือข่ายพลังบวก ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับให้คนไทยมีโอกาสพูดและฟังแนวคิดดีๆ ร่วมกันจุดประกาย “ปลุกพลังบวกเปลี่ยนประเทศไทย สร้างชาติให้น่าอยู่แบบไม่ยุ่งการเมือง” อย่างมีกติกาตามวัฒนธรรมแบบประชาธิปไตย ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
นายภาณุ อิงคะวัต นักสร้างสรรค์งานโฆษณาชื่อดัง ในฐานะประธานเครือข่ายพลังบวก กล่าวถึงเครือข่ายพลังบวกว่า เป็นการรวมตัวของกลุ่มบุคคลหลากหลายอาชีพ อาทิ วงการโฆษณา โซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก ประชาสัมพันธ์ นักจัดอีเว้นท์ ตลอดจนเครือข่ายภาคประชาชน ตัวแทน สมาคม องค์กร บริษัท ข้าราชการ และนักวิชาการทั่วประเทศ ซึ่งมีแนวคิดร่วมกันต้องการยุติความแตกแยกของคนในสังคม ต้องการเห็นประเทศไทยเดินหน้าต่อไปอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน หลังจากต้องเผชิญเหตุการณ์ความไม่สงบซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิต ทรัพย์สินของคนไทย สร้างความเสียหายอย่างหนักต่อเศรษฐกิจโดยรวม รวมถึงภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของประเทศ
ประธานเครือข่ายพลังบวก กล่าวว่า ประชาชนนั้นมีพลังมหาศาล พลังเหล่านี้เป็นได้ทั้งพลังทำลายหรือพลังสร้างชาติ จากวิกฤตนี้ทำให้เกิดโอกาสใหม่ที่ทำให้คนเมืองได้รู้จักและเข้าใจคนต่างจังหวัดมากขึ้น โดยสิ่งที่เครือข่ายจะร่วมกันทำ คือ ให้คนไทยทุกคนตระหนักทำความเข้าใจกับสถานการณ์ด้วยการเปิดรับฟังให้มากที่สุด, ต้องการให้คนไทยตระหนักในบทบาทและหน้าที่ของตนเองในสังคม, กระตุ้นให้ทุกคนเริ่มทำในสิ่งที่เป็นพลังบวกแก่ชาติโดยเริ่มจากตัวเองก่อน และอยากให้เกิดความเห็นของคนทั้งประเทศว่า ต้องการให้ประเทศไทยเป็นอย่างไร หรือเกิดพีเพิ้ลโพล์ ( People Poll) เพื่อพัฒนาไปสู่โรดแมปของชาติร่วมกันจากเสียงแท้จริงของประชาชนที่ไม่ผูกติดกับรัฐบาลใดๆ โดยเครือข่ายจะเป็นตัวช่วยประสานและผลักดัน
“วันนี้คนไทยต้องเข้าใจบทบาท หน้าที่ และพลังที่มีอยู่ในตัวเองซึ่งเป็นได้ทั้งพลังทำลายและพลังบวก เพราะทุกความคิด ทุกคำพูด ทุกการกระทำที่แสดงออกมาล้วนส่งผลต่อสังคมทั้งสิ้น การรวมพลคนคิดบวกในครั้งนี้ก็เพื่อกระตุ้นคนไทยทุกภาคส่วนหันมาสนใจรับฟังกันให้มากขึ้น รู้จักบทบาทของตนเองในการนำพลังบวกที่มีมาใช้แก้ปัญหา แสดงพลังร่วมกันผลักดันสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรมในระดับครอบครัว ชุมชนและประเทศ โดยเครือข่ายพลังบวกจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางคอยประสานและขับเคลื่อนกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์และปลุกจิตสำนึกพลังบวกให้ขยายตัวอย่างยั่งยืนต่อไปร่วมกันทั่วประเทศ”
สำหรับแนวทางการสื่อสารปลุกพลังบวกเปลี่ยนประเทศไทย นายชัยประนิน วิสุทธิผล นายกกิตติมศักดิ์สมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย ในฐานะรองประธานเครือข่ายพลังบวก กล่าวว่า จะดำเนินงานอย่างต่อเนื่องผ่านช่องทางภาพยนตร์โฆษณา ชุด “ต่อไปนี้ถ้าเธอพูด ฉันจะฟัง” ความยาวประมาณ 150 วินาที ซึ่งมีเนื้อหาหลักเพื่อกระตุ้นให้คนไทยหันมารับฟังและทำความเข้าใจข้อเท็จจริงของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นร่วมกัน รู้บทบาทหน้าที่ของตนเอง แล้วใช้พลังบวกสร้างสรรค์แนวทางแก้ไขปัญหา รวมถึงการใช้สื่อประชาสัมพันธ์ทางวิทยุ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร สื่อออนไลน์ เช่น เฟชบุ๊ค http://facebook.com/PositiveNetwork เว็บไซต์ เว็บบอร์ด ทวิตเตอร์ ตลอดจนโปสเตอร์ สติ๊กเกอร์ แบนเนอร์ เสื้อโครงการ และสื่อกลางแจ้งอื่นๆ
“เครือข่ายพลังบวก เป็นตัวอย่างของการเปิดโอกาสให้คนไทยแสดงออกทางประชาธิปไตยอย่างถูกต้องในการอยู่ร่วมกัน เกิดการพูดและการฟังอย่างถูกต้องผ่านกิจกรรมของเครือข่าย เช่น การเปิดเวทีอิกไนท์ไทยแลนด์รวบรวมข้อมูลและความคิดเห็นเพื่อทำประโยชน์ต่อประเทศชาติ จากประชาชนทั่วไป คนรุ่นใหม่และนักการเมือง ฯลฯ จะต้องฟังให้มากขึ้น จุดเริ่มต้นนี้จะเป็นการเริ่มต้นอย่างยั่งยืน”
ส่วนแผนการดำเนินงานด้านกิจกรรมของเครือข่ายพลังบวก นายปรเมศวร์ มินศิริ กรรมการผู้จัดการบริษัท บัณฑิตเซนเตอร์ จำกัด หรือเจ้าของเว็บไซต์กระปุกดอทคอม ในฐานะผู้จัดการเครือข่ายพลังบวก กล่าวว่า หนึ่งในกิจกรรมหลักของเครือข่าย จะมีการจัดเวทีอิกไนท์ไทยแลนด์ที่เปิดพื้นที่ให้กับผู้ที่มีประเด็นสร้างสรรค์พัฒนา หรือผู้นำทางความคิดด้านต่างๆในแต่ละชุมชน ได้ปลดปล่อยศักยภาพในการแสดงความคิดเห็นและเรียกร้องสิทธิอย่างสร้างสรรค์ แบบเป็นระบบและยั่งยืนเพื่อจุดประกายความคิดปลุกพลังบวกเปลี่ยนประเทศไทย ซึ่งมีแผนคาดว่าจะจัดเวทีนี้ต่อไปในพื้นที่ ภาคเหนือในจ.เชียงใหม่ ภาคอีสานในจ.ขอนแก่น และภาคใต้ที่อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยแนวคิดนี้ได้มาจากเมืองซีแอตเติ้ลในสหรัฐอเมริกาที่ผู้คนในสังคมได้มาร่วมแบ่งปันความคิดในการปลุกพลังสร้างสรรค์ พัฒนาและแก้ปัญหาร่วมกัน
นายปรเมศวร์ กล่าวถึงเป้าหมายของเครือข่ายในปีแรกจะพยายามทำให้เกิดเวทีอิกน์ไทยแลนด์แบบนี้ใน 20 เมืองทั่วประเทศ ให้มีคนร่วมมาเสนอความคิดไม่ต่ำกว่า 400 คน มีผู้เข้าร่วมชมไม่ต่ำกว่า 5,000 คนซึ่งยังไม่รวมถึงผู้ชมที่สามารถรับชมการพูดคุยนี้ผ่านทางอินเตอร์เน็ตอีก โดยรูปแบบเวทีแลกเปลี่ยนนี้กำหนดกติกาให้แต่ละคนที่มีความคิดมานำเสนอพูดคุยด้วยเวลา 5 นาทีโดยที่ทุกคนต้องฟังอย่างตั้งใจ
“เวทีอิกไนท์ ไทยแลนด์ไม่เพียงเปิดโอกาสให้ประชาชนได้พูด แต่ยังเปิดโอกาสให้แนวร่วมคิดบวกได้เข้ารับฟังแนวคิดสร้างสรรค์และแง่มุมต่างๆ ที่น่าสนใจ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ส่วนแนวคิดขยายกิจกรรม อิกไนท์ ไทยแลนด์ ไปจัดในต่างจังหวัดเพื่อให้พี่น้องคนไทยได้มีโอกาสพูดคุยและรับฟังอย่างเท่า เทียมกัน แต่อาจจะมีการเปลี่ยนรูปแบบให้เหมาะสมกับพื้นที่ เช่น เป็นเวทีสภากาแฟ เวทีชุมชน หรือเวทีชาวบ้าน และจะมีทีมงานทำการเก็บรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากวิทยากร ทุกท่าน แล้วนำมาเผยแพร่ขยายแนวคิดๆ ให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบอย่างทั่วถึงผ่าน www.ignite.in.th และ http://facebook.com/PositiveNetwork รวมถึงสื่อต่างๆ เพื่อให้แนวคิดเปลี่ยนประเทศไทยให้น่าอยู่และดีขึ้นกว่าเดิมเป็นจริงขึ้นมา ได้” นายปรเมศวร์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า การจัดงานเปิดตัวเครือข่ายพลังบวกครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากบุคคลสำคัญหลากหลายอาชีพเข้าร่วมนำเสนอแนวทางดีๆ เพื่อสร้างชาติไทยให้แข็งแกร่งผ่านรูปแบบเวทีแบ่งปันความคิดนี้ เช่น พระศรีญาณโสภณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระรามเก้ากาญจนาภิเษก,นางสาวขัตติยา สวัสดิผล, นายดนัย จันทร์เจ้าฉาย, รศ.ดร.ปาริชาต สถาปิตานนท์ , นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ,นายทรงกลด บางยี่ขัน, นายสราวุธ เฮ้งสวัสดิ์ หรือนิ้วกลม เป็นต้น