เรียกร้องทุกฝ่ายหยุดฆ่ากัน หยุดสงครามกลางเมือง
เครือข่ายสันติวิธี ออกแถลงการณ์เรียกร้องทุกฝ่ายหยุดฆ่ากัน หยุดสงครามกลางเมือง หยุดเอาชีวิตประชาชนเพื่อแลกกับ การบรรลุเป้าหมายทางการเมือง ด้านผู้ว่าฯ กทม. ขอให้ทุกฝ่ายหันหน้ามาเจรจากัน เพื่อหาข้อยุติ พร้อมกันนี้ ยังขอความร่วมมือกลุ่มผู้ชุมนุมให้เปิดทางให้รถพยาบาล และหน่วยกู้ชีพต่างๆ เข้าพื้นที่
วันนี้ (15 พ.ค.) เมื่อเวลา 16:14 น.เครือข่ายสันติวิธี ออกแถลงการณ์เรียกร้องทุกฝ่ายหยุดฆ่ากัน หยุดสงครามกลางเมือง หยุดเอาชีวิตประชาชนเพื่อแลกกับ การบรรลุเป้าหมายทางการเมือง ทุกฝ่ายกำลังพาประเทศไทยไปที่ไหน
ขณะนี้ สถานการณ์การความขัดแย้ง ความรุนแรง การใช้อาวุธจากทั้งฝ่ายทหาร และแนวร่วมของผู้ชุมนุม ทำให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตของ ประชาชน จำนวนมากถึง 17 ศพ และบาดเจ็บไม่น้อยกว่า 150 คน รวมทั้งมีการปะทะกันตลอดเวลาอย่าง ต่อเนื่อง และมีแนวโน้มที่จะรุนแรงเพิ่มขึ้น
เครือข่ายสันติวิธีและกลุ่มประชาชน ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่าย หยุดฆ่ากัน หยุดสงครามกลางเมือง หยุดเอาชีวิตประชาชนเพื่อแลกกับ การบรรลุเป้าหมายทางการเมือง และพาประเทศไปสู่หายนะ ซึ่งไม่สามารถจะเยียวยาได้ และในฐานะพลเมืองที่มีสิทธิที่จะอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีและปลอดภัย ขอเรียกร้องทุกฝ่ายดังนี้
1. ขอให้รัฐบาลถอนกำลังทหารออกจาก พื้นที่ต่าง ๆ และขอให้แกนนำ นปช. ประกาศยุติการชุมนุมอย่างชัดเจนปราศจากเงื่อนไข โดยทันที
2. ขอให้ผู้อยู่เบื้องหลังกองกำลัง ไม่ทราบฝ่ายทุกฝ่าย หยุดทำร้ายประชาชน และหยุดทำลายสังคมเพื่อประโยชน์ส่วนตัว
3. ขอให้เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องกับ กระบวนการยุติธรรมเริ่มเก็ บหลักฐานที่จะนำไปสู่การค้นหา ความจริงในเหตุการณ์ทุกจุด ทุกเหตุการณ์ เพราะเราเชื่อว่าการเปิดเผยความจริงเท่านั้นทำให้ความขัดแย้งลดลง
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร เข้าเยี่ยมพร้อมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุปะทะกันระหว่างทหารและกลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณแยกราชปรารภ และสามเหลี่ยมดินแดง เมื่อวันที่ 14 พ.ค. ที่เข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ และโรงพยาบาลเลิดสิน
จากนั้นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์ความรุนแรงได้เปลี่ยนไป มีการใช้กระสุนจริงในการระงับเหตุ ซึ่งน่าเป็นห่วงมาก และจากการเข้าเยี่ยมและสอบถามอาการของผู้ป่วยส่วนใหญ่คือประชาชน จึงอยากขอให้ทุกฝ่ายหันหน้ามาเจรจากัน เพื่อหาข้อยุติ พร้อมกันนี้ ยังขอความร่วมมือกลุ่มผู้ชุมนุมให้เปิดทางให้รถพยาบาล และหน่วยกู้ชีพต่างๆ เข้าพื้นที่เพื่อนำตัวผู้บาดเจ็บไปรับการรักษายังสถานพยาบาลต่อไป อีกทั้งยังขอความร่วมมือให้ช่วยดูแลความปลอดภัยแก่คณะแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ที่ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บด้วย
ส่วนที่สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังประชุมประเมินสถานการณ์และเตรียมพร้อมดูแลผู้บาดเจ็บว่า สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค.-15 พ.ค. 2553 ณ เวลา 12.00 น. มีผู้ได้รับผลกระทบทั้งหมดรวมผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต 1,628 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิต 47 ราย ยังคงรักษาตัวในโรงพยาบาล 117 ราย อยู่ในไอซียู 14 ราย
ทั้งนี้ตั้งแต่เกิดเหตุช่วง 2 วัน ตั้งแต่ 14-15 พ.ค. ณ เวลา 12.00 น. มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตรวม 178 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิต 17 ราย ได้รับบาดเจ็บยังคงรักษาตัวในโรงพยาบาล 78 ราย อยู่ในไอซียู 12 ราย ที่เหลือกลับบ้านแล้ว โดยในช่วงเช้าวันที่ 15 พ.ค. มีผู้บาดเจ็บ 11 ราย เสียชีวิต 1 ราย จากเหตุการณ์ปะทะที่ซอยหมอเหล็ง
นายจุรินทร์ กล่าวถึงการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรทางการแพทย์ รวมทั้งแพทย์ พยาบาล อาสาสมัคร มูลนิธิต่างๆที่เข้ามาช่วยงานสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินในทุกสังกัด จะขอความร่วมมือทุกฝ่ายช่วยอำนวยความสะดวกและช่วยดูแลรถพยาบาล รถอาสาสมัครของมูลนิธิต่างๆ รวมทั้งบุคลากร และทหารเสนารักษ์ ซึ่งจะเข้ามาทำหน้าที่เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่พยาบาลที่จะคอยช่วยรับผู้บาดเจ็บ ผู้ป่วย เพื่อส่งต่อไปยังรถพยาบาล ซึ่งหน่วยทหารเสนารักษ์เป็นหน่วยระดับสากลที่ยอมรับเช่นเดียวกับหน่วยกาชาด หน่วยพยาบาลทุกประการ
นายจุรินทร์ กล่าวด้วยว่า ในส่วนของรถพยาบาลและรถมูลนิธิ ได้ทำความเข้าใจในความพร้อมที่จะให้หน่วยงานที่มีหน้าที่ตามกฎหมายตรวจสอบได้ว่าเข้าไปเพื่อปฏิบัติหน้าที่ทางด้านการแพทย์และพยาบาลเท่านั้น เพราะโดยนโยบายได้มีการพูดกันชัดเจนในที่ประชุมคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติว่า จะต้องเข้าไปปฏิบัติหน้าที่รับผู้บาดเจ็บเท่านั้น ไม่มีนโยบายให้เข้าไปปฏิบัติหน้าที่อื่น และหากมีหน่วยงานใดสงสัยต้องสามารถตรวจสอบได้ เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย จากนี้ไปเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิต่างๆที่เข้าไปรับผู้บาดเจ็บ ผู้ป่วยในพื้นที่ฉุกเฉิน จะทำงานร่วมกับทหารเสนารักษ์ ในการลำเลียงผู้บาดเจ็บ ผู้ป่วยมาส่งยังรถพยาบาลซึ่งจะมีการประสานงานและทำความเข้าใจอีกครั้ง เพื่อดูแลผู้บาดเจ็บให้ดีที่สุด