เร่งปลูกฝังเยาวชนมีจิตสาธารณะแก้บ้านเมืองวุ่นวาย
รมว.พม. กระตุ้นเด็กไทย กล้าคิด กล้าแสดงออก เน้นหนักประชาธิปไตย สิทธิ เสรีภาพ พร้อมวอนผู้ใหญ่เป็นแบบอย่างที่ดี อีกทั้งรัฐบาลต้องรับฟังเสียงเยาวชน เชื่อจะเป็นกลไกหนึ่งช่วยหาทางออกให้ประเทศได้
นายอิสสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวในงานแถลงข่าวเปิดโครงการอบรมเยาวชนรุ่นใหม่ “สร้างชุมชนเข้มแข็ง ประเทศชาติมั่นคง” ณ หอประชุมสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ จังหวัดกรุงเทพมหานคร วานนี้ (19 เม.ย.) ว่า เด็กและเยาวชนมีส่วนสำคัญในการกำหนดอนาคตของประเทศชาติ หากเปิดโอกาส ให้ความเป็นอิสระทางความคิด เชื่อว่าเด็กและเยาวชน จะร่วมสร้างความเข้มแข็งและมั่นคงแก่ประเทศในระยะยาว
“บ้านเมืองเรามีเด็กที่เก่ง และเป็นคนดีมากมาย แต่ขาดการสนับสนุน แต่ละปีเด็กไทยได้รับเหรียญทองจากการแข่งขันต่างๆ อยู่มาก แต่ข่าวที่ปรากฏต่อสาธารณะยังไม่แพร่หลาย ฉะนั้นจำเป็นที่จะต้องส่งเสริมสนับสนุนเด็กและเยาวชนที่สร้างชื่อเสียงแก่ประเทศชาติในแต่ละด้านอยู่เสมอ เพื่อให้นำความรู้ความสามารถ มาขยายผลมาต่อยอด สร้างกำลังใจและเป็นแบบอย่างแก่เด็กรุ่นต่อไปให้ปฏิบัติตาม”
นายอิสสระ กล่าวว่า เยาวชนทุกคนควรรู้จัก คำว่า รู้รักสถาบัน มุ่งมั่นในหน้าที่ มีจิตสาธารณะ หากทุกคนนำไปใช้ นำไปปฏิบัติ ปัญหาบ้านเมืองจะไม่วุ่นวายแหมือนทุกวันนี้ ทั้งนี้ เยาวชนควรลงไปคลุกคลีกับชาวบ้าน ช่วยกระจายและสะท้อนความคิดในชุมชนของตนเอง จากคนในชุมชน แม้กระทั่ง เหตุการณ์ความวุ่นวายในบ้านเมืองปัจจุบัน กระบอกเสียงจากเด็กและเยาวชนในชุมชน เป็นสิ่งสำคัญที่รัฐบาลควรรับฟังในแนวคิด รวมทั้งทัศนะทางการเมือง ซึ่งเชื่อว่า จะเป็นกลไกและทางออกที่สำคัญในการทำให้ประเทศออกจากวิกฤติ
สำหรับสถานการณ์การเมืองปัจจุบัน นายอิสสระ กล่าวว่า ไม่อยากเห็นเด็กเล็กๆ ใส่เสื้อแดงหรือเสื้อเหลือง และคาดหัวประท้วงแบบอย่างผู้ใหญ่ เพราะเด็กยังเล็กเกินไปที่จะรับรู้เรื่องราวรุนแรง อีกทั้งจากสถานการณ์ดังกล่าวไม่อาจคาดเดาถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น รวมทั้งอาจได้รับลูกหลง ซึ่งไม่เกิดผลดีต่อเด็กที่จะกลายเป็นผู้ใหญ่ของสังคมในอนาคต
“ผมพูดมาตลอด อย่านำลูกเอาหลานมาประท้วง ไม่ใช่เป็นเรื่องฮีโร่ ไม่ใช่เป็นเรื่องของประชาธิปไตย เพราะลูกหลานเด็กเกินไปที่จะรับรู้ปัญหาทางการเมือง เท่ากับว่า เราไปสร้างทัศนคติให้แก่เด็ก และสร้างแรงจูงใจบางอย่างให้เกิดขึ้นทางการเมือง ทางที่ดี ควรปลูกฝังทัศนคติที่ดีแก่เด็กและเยาวชนให้กล้าคิดกล้าแสดงออกในเรื่องที่เป็นประโยชน์มากกว่า”
รมว.พม. กล่าวอีกว่า นโยบายการส่งเสริมให้เด็กได้เรียนรู้ทั้งในและนอกห้องเรียน จะช่วยให้เด็กได้คิด แต่การเรียนรู้นอกห้องเรียน ไม่ใช่การเข้าไปในเวทีชุมนุม แต่คือการให้การอบรม เข้าสัมมนา ให้เด็กและเยาวชนได้รับศักยภาพอย่างเต็มที่และมีโอกาสก้าวเข้ามาในการพัฒนาสังคม เพราะวันข้างหน้า เด็กเหล่านี้ คือ ผู้ใหญ่ ถ้าไม่หล่อหลอมตั้งแต่วันนี้ แล้วใครจะเป็นคนดูแลสังคมในอนาคต
“ เราต้องมาช่วยสร้างให้เยาวชนของชาติเข้มแข็ง อันดับแรก คือ สร้างความรู้และสร้างความเข้าใจในสถานการณ์การปกครองของประเทศ เน้นให้เยาวชนนั้นได้มีความเข้าใจภายใต้หัวข้อ สร้างชุมชนเข้มแข็ง ประเทศชาติมั่นคง และเรื่องที่สอง คือ สร้างจิตสำนึกให้รู้คุณค่า มีศักดิ์ศรี มีความภูมิใจ มีสำนึกในการรักชุมชน ถิ่นกำเนิดบ้านตนเอง เพื่อให้เยาวชนได้กลับไปสะท้อนความรู้ ความเข้าใจปัญหาต่างๆในสังคมที่ตนเองนั้นมีส่วนเกี่ยวข้อง และมีข้อสรุปรวบยอดว่า ในสังคมที่เขาต้องการอยากให้สังคมเป็นสุข ต้องมีความเข้มแข็ง ในความคิดของเยาวชนจะมีวิธีการอย่างไร และรัฐบาลจัดการอย่างไรที่จะแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดต่อไป”