“ประเทศชาติสงบสุข” พรปีใหม่ไทย ที่คนไทยขอมากสุด
สคล.จับมือ สสส. ขยายพื้นที่ปลอดเหล้าเพิ่มเป็น 27 จังหวัด รักษาวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม พร้อมดึงเยาวชนกว่า 7 พันคน เข้าร่วมปลุกกระแสการออกมาเล่นน้ำสงกรานต์อย่างปลอดภัย
เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า(สคล.)ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) จัดแถลงข่าว “วัฒนธรรมสร้างสุข สงกรานต์ปลอดภัย สนุกสุขใจไร้แอลกอฮอล์ ปี 2553” ณ ลานกิจกรรม ชั้น 35 อาคารเอสเอ็ม ทาวเวอร์ สนามเป้า กรุงเทพมหานคร
รศ.ดร.วิลาสินี อดุลยานนท์ ผู้อำนวยการสำนักรณรงค์และสื่อสารสาธารณะเพื่อสังคม สสส. กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ วันที่ 12-15 เมษายน 2553 จะมีการขยายพื้นที่ปลอดเหล้าเพิ่มจากปีที่ผ่านมาเป็น 27 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่,น่าน,พิษณุโลก,อุทัยธานี,สุโขทัย,ตาก,ขอนแก่น,มหาสารคาม,กาฬสินธุ์,อุดรธานี,หนองบัวลำพู,สุรินทร์,อ่างทอง,ปทุมธานี,สิงห์บุรี,จันทบุรี,นครนายก,ชลบุรี,ราชบุรี.สมุทรสาคร,กาญจนบุรี,งานชนเผ่าไทยทรงดำ,พัทลุง,หาดใหญ่,นครศรีธรรมราช,บางลำพู,วัดอรุณ,กรุงเทพมหานคร โดยเน้นที่มหัศจรรย์ 9 ถนนข้าวชื่อดัง สร้างพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์ปลอดภัย และคงไว้ซึ่งวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม ไม่พึ่งแอลกอฮอล์ โดยมีเยาวชนเข้าร่วมกว่า 7 พันคน
“สำหรับเยาวชนจะเป็นกำลังสำคัญในการปลุกกระแสการออกมาเล่นน้ำสงกรานต์อย่างปลอดภัย ภาพของเยาวชนจะทำให้ผู้ใหญ่ตระหนักถึงความปลอดภัยในการดูแลตัวเอง คนรอบข้าง ถือเป็นตัวช่วยในการเปลี่ยนและรณรงค์ไม่ให้ผู้ใหญ่กินเหล้าในวันสงกรานต์อีกทางหนึ่ง”รศ.ดร.วิลาสินี กล่าว
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยความสุขชุมชน มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ร่วมกับ สคล.และ สสส. สำรวจความคิดเห็นประชาชนเขตกรุงเทพฯ 1,271 ราย อายุ 12-60 ปี เกี่ยวกับการท่องเที่ยวช่วงเทศกาลวันสงกรานต์ ปี 2553 ช่วงวันที่ 31 มี.ค. – 2 เม.ย. 53 พบว่า ปีนี้มีคนตั้งใจเล่นน้ำสงกรานต์เพียง 36.7 % , อีก 35.2 % ระบุว่าไม่แน่ใจ และ 28.1 % ตอบว่าไม่เล่นโดยเด็ดขาด ซึ่งสถานที่ที่อยากไปเล่นน้ำสงกรานต์ ยังคงเป็นที่จังหวัดเชียงใหม่
สำหรับพรที่คนไทยขอมากที่สุดในปีนี้ ไม่ใช่การขอพรให้ตัวเองหรือครอบครัว แต่ผลที่ได้เป็นอันดับสูงสุด 78.2 % คือ ขอให้ประเทศชาติสงบสุข 13.8 % ต้องการมีสุขภาพแข็งแรง 5.9% ขอให้ร่ำรวย ตามลำดับ โดยยังคงเชื่อว่า พฤติกรรมการเล่นสงกรานต์ของคนไทยจะดีกว่า ปีที่ผ่านมา ถึง 13% ขณะที่กว่า 10.6 % มีความเห็นว่าจะแย่กว่าเดิม จากสถานการณ์บ้านเมืองที่ไม่เป็นสุข
ผอ.สำนักรณรงค์และสื่อสารสาธารณะเพื่อสังคม สสส. กล่าวว่า 3 อันดับแรก ของประชาชนส่วนใหญ่จะเลือกพื้นที่สำหรับเที่ยวสงกรานต์มาจาก 3 เหตุผลหลักๆ คือ ชื่นชมศิลปวัฒนธรรม พื้นที่สนุกสนาน ปลอดภัย ซึ่ง 87.8 % อยากให้สนับสนุนเขตเล่นน้ำสงกรานต์สนุกสนานปลอดภัย ไม่มีมีคนเมา ไม่มีการลวนลาม อนาจาร ไม่มีเรื่องชกต่อย จัดระเบียบการเล่นสงกรานต์อย่างเหมาะสม และห้ามดื่มแอลกอฮอล์ โดยมองว่า หน้าบ้านของตัวเองยังคงเป็นพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์ที่ปลอดภัยที่สุด
ด้านนายทัศนัย บูรณปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเที่ยวเป็นอันดับต้นๆ ในปีนี้เตรียมพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วนเพื่อการเล่นน้ำสงกรานต์คือ 1.ส่วนลานวัฒนธรรม แสดงประวัติความเป็นมา พิธีสงกรานต์แบบโบราณ นิทรรศการ การละเล่นต่างๆ ตลอดจนขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิม 2.บริเวณที่เล่นน้ำสงกรานต์ ถนนรอบคูเมือง ปลอดแอลกอฮอล์ ระยะทาง 400 เมตร ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ นักศึกษา ช่วยดูแลความเรียบร้อยก่อนเข้าไปเล่นบนถนนดังกล่าว
ส่วนนายวัลลภ วรรณปะเถาว์ รองนายกเทศมนตรี จังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า จุดเด่นสงกรานต์ของมหาสารคามปีนี้ ใช้ชื่อว่า “ถนนข้าวเม่า ผู้เฒ่าแสนปี” เน้นกิจกรรมรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุจาก 30 ชุมชน รวมอายุให้ได้เกือบ 1 แสนปี พร้อมทั้งร่วมกันจัดทำ “ข้าวเม่าถาดยักษ์” เพื่อเป็นสัญลักษณ์การท่องเที่ยวสงกรานต์ บนถนนข้าวเม่า และเลี้ยงนักท่องเที่ยวที่ผ่านเข้ามา
“นอกจากนี้ ทางเทศบาลได้มีการรณรงค์สร้างความเข้าใจการบังคับใช้กฎหมาย พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 โดยผ่านทางหอกระจายข่าวประชาคม วิทยุชุมชน ตาม 4 แนวคิด คือ 1.เห็นด้วย 2.ลงมือทำ 3.ทำให้ได้ 4.บอกต่อคนอื่นได้”
ขณะที่ พ.ต.ท.สมชาย ม่วงคำ สารวัตรป้องกันและปราบปราม สถานีตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี กล่าวว่า ได้มีการจัดตั้งกองอำนวยการรักษาความปลอดภัย ในเขตพื้นที่ภาคตะวันออก และสถานที่เล่นน้ำในตัวจังหวัดจันทบุรีอย่างเข้มงวด จัดเตรียมกล้องวงจรปิด และให้ฝากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไว้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนจะเข้าเล่นน้ำสงกรานต์ เพื่อป้องกันการกระทำผิดอื่นตามมา เพราะทุกปีจะมีนักท่องเที่ยวแวะเข้ามาเที่ยวชมและเดินทางกลับภูมิลำเนา ทำให้การต้องเพิ่มแผนรองรับ อย่างรัดกุมมากขึ้น