องค์กรวิชาชีพสื่อเปิดเวทีระดมสมอง ปฏิรูปสื่อไทย
นายกสมาคมนักข่าวฯ เรียกร้องสภาการหนังสือพิมพ์ฯ กล้าหาญ ทำจริงเตือน-ลงโทษ สมาชิกที่ทำผิด ขณะที่ผอ.สถาบันอิศรา เผยเล็งใช้มาตรการกดดันทางสังคมกับ สื่อที่ละเมิดจริยธรรมบ่อยๆ ส่วนผช.ผจก.ฝ่ายข่าวช่อง 7 แนะรัฐปฏิรูปสื่อจริง ต้องเปิดใจกว้าง ให้มีสื่อเหลือง สื่อแดง
วันนี้ (23 ก.ค.) สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ร่วมกับ สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ, สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย, สถาบันอิศรา มูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย และมหาวิทยาลัยศรีปทุม จัดประชุมใหญ่วิชาการวิชาชีพสื่อสารมวลชนระดับชาติ ประจำปี 2553 เป็นวันที่ 2 ภายใต้การสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ณ ห้องบัวหลวงแกรนด์รูม มหาวิทยาลัยศรีปทุม บางเขน
ช่วงเช้ามีการเปิดเวทีระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับการปฏิรูปสื่อไทย นายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย กล่าวถึงสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ หากต้องการปฏิรูปสื่อจริงจังนั้น จะต้องมีความกล้าหาญ และทำจริง เด็ดขาดในการเตือนและลงโทษ แม้ว่าทำแล้วจะเหลือสมาชิกลดลงก็ตาม เวลานี้องค์กรควบคุมวิชาชีพสื่อและวงการสื่อสารมวลชนจะต้องทำเรื่องการรู้เท่าทันสื่อให้กับประชาชนอย่างจริงจังได้แล้ว
นายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ผู้อำนวยการสถาบันอิศรา มูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้องค์กรควบคุมวิชาชีพและสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย กำลังดำเนินการพูดคุยกับผู้บริหารเจ้าขององค์กรสื่อมวลชนไทย รวมถึงองค์กรสื่อต่างๆ ในเรื่องการดำเนินการปฏิรูปสื่ออยู่ โดยมีการพยายามพูดคุยถึงบทบาทของเจ้าของสื่อ บทบาทของตัวองค์กรสื่อในการมีส่วนร่วมการกระบวนการปฏิรูปสื่อ ซึ่งมี 2 ประเด็นหลักเรื่องการปฏิรูป คือ 1.ประเด็นในส่วนขบวนการปฏิรูปสื่อ บทบาทในการปฏิรูปสื่อของตัวองค์กรสื่อ และ 2.ประเด็นคุณภาพเนื้อหาบนสื่อสารมวลชนไทย
"งานบางส่วนต่อจากนี้ที่องค์กรควบคุมวิชาชีพสื่อจะทำต่อ เช่น จะเน้นเรื่องการสร้างการรณรงค์ กดดันอย่างสร้างสรรค์กับสื่อที่ละเมิดจริยธรรมบ่อยๆ ให้เกิดมาตรการลงโทษทางสังคม อาจจะให้ประชาชนร่วมกันรณรงค์ไม่ใช้หรือไม่ซื้อสื่อเหล่านั้นที่ละเมิดจริยธรรม หรืออาจถึงขั้นไม่ใช้หรือไม่ซื้อสินค้าที่ลงโฆษณาในสื่อนั้นด้วย ฯลฯ"
ผอ.สถาบันอิศรา กล่าวด้วยว่า ในส่วนของกระบวนการตรวจสอบการทำงานของสื่อมวลชนที่มีหน่วยงานเช่น มีเดียมอนิเตอร์นั้น อาจจะไม่เพียงพอ ดังนั้นจึงอยากเห็นภาควิชาการ เช่น มหาวิทยาลัยควรจะเข้ามาร่วมมีบทบาทด้านนี้ด้วย ซึ่งหากมหาวิทยาลัยใดสนใจที่จะเข้ามาร่วมทำก็พร้อมที่จะหาแนวทางหางบฯ สนับสนุนโครงการให้
ด้านนายประดิษฐ์ เรืองดิษฐ์ อดีตเลขาธิการสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า วงการสื่อมวลชนต้องช่วยกันทำให้คนสื่อรุ่นใหม่ๆ มีความรับผิดชอบมากยิ่งขึ้น เพราะคนรุ่นใหม่กำลังใช้และหากินในสิ่งที่คนสื่อรุ่นเก่าๆ ได้ต่อสู้เรียกร้องเสรีภาพสื่อมาด้วยความยากลำบาก ดังนั้นต้องมีการทำให้สื่อใหม่มีความรับผิดชอบ
ส่วนนายคธาทร อัศวจิรัฐติกรณ์ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายข่าวช่อง 7 กล่าวว่า หลักการปฏิรูปสื่อในแง่จริยธรรมอย่างง่ายๆ ควรต้องทำให้ทุกสื่อต้องไม่ไปละเมิดสิทธิคนอื่น โดยการให้มีกระบวนการศาล กระบวนการยุติธรรมศาลเข้ามาดูแลปัญหาคดีละเมิดของสื่อโดยตรง คือ ให้มีกระบวนการศาลที่รับผิดชอบคดีหมิ่นประมาทของสื่อมวลชน ให้มีหน่วยงานดูแลโดยตรง ขณะเดียวกันต้องทำให้ตัวองค์กรสื่อจะต้องมีจรรยาบรรณวิชาชีพอย่างกว้างประกอบด้วย และถ้าจะปฏิรูปสื่อจริง รัฐบาลใจกว้างพอหรือไม่ จะให้มีสื่อเหลือง สื่อแดง
นายธาม เชื้อสถาปนศิริ ผู้จัดการโครงการเฝ้าระวังสื่อ หรือมีเดียมอนิเตอร์ กล่าวถึงประเด็นของการปฏิรูปสื่อ ไม่ใช่การปฏิวัติสื่อ เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา ไม่เห็นผลในทันที เพราะเป็นการปฏิรูป
ทั้งนี้มีประเด็นข้อเสนอต่อการปฏิรูปสื่อที่น่าสนใจจากเวทีรับฟังความคิดเห็น เช่น เสนอให้มีการปฏิรูปตัวองค์กรสื่อร่วมด้วย,สร้างเครือข่ายที่มีความคิดเห็นเดียวกันในการปฏิรูปสื่อ, มีการเสนอให้สอนเรื่องการรู้เท่าทันสื่อใหม่ (New Media Literacy) ในตั้งแต่ระดับเด็กนักเรียนโดยไม่ใช่สอนแค่เพียงในคณะนิเทศศาสตร์เท่านั้น,เสนอให้มีระบบดูแลเรื่องมาตรการลงโทษสื่อมวลชนที่ละเมิดจริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพที่เป็นมาตรการลงโทษทางสังคม,เสนอให้องค์กรวิชาชีพดูแลเรื่องจริยธรรมวิชาชีพโดยสามารถเตือนและลงโทษสื่อที่ทำผิดอย่างจริงๆ ให้สื่อที่ละเมิดนั้นมีการปรับเปลี่ยนตัวเองจริงๆ ฯลฯ
ขณะเดียวกันมีประเด็นที่น่าสนใจอีก คือ มีข้อสังเกตการพูดประเด็นการปฏิรูปสื่อนั้น ในส่วนผู้ประกอบวิชาชีพ นักข่าวเองมักจะมองและพูดเน้นเฉพาะส่วนใหญ่ในเรื่องของมุมมองเรื่องข่าว ขณะที่ภาคประชาชนหากพูดถึงเรื่องปฏิรูปสื่อจะหมายรวมถึงทุกสิ่งที่จัดว่าเป็นสื่อ เป็นต้น