“ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ” ชง 6 ข้อเสนอปฏิรูปแรงงานยื่นคสป.
วันนี้ (11 ส.ค.) ดร.ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ ประธานเครือข่ายผู้ใช้แรงงานและคนจนเมืองเพื่อการปฏิรูป คณะกรรมการสมัชชาปฏิรูป (คสป.) และกรรมการปฏิรูป (คปร.) กล่าวในเวทีประชุมคสป.ครั้งที่ 3 ณ เรือนธารกำนัล บ้านพิษณุโลก กรุงเทพฯ ว่า ศูนย์กลางปฏิรูป คือการปรับเปลี่ยนดุลทางสังคม ปรับเปลี่ยนความสัมพันธ์เชิงอำนาจ เพิ่มอำนาจต่อรองกับคนทุกกลุ่มทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนเรื่องรายได้ สิทธิ อำนาจให้กลุ่มคนผู้ใช้แรงงานและคนจนเมือง ส่วนนโยบายของรัฐต้องเพิ่มรายได้และค่าจ้าง เชื่อมโยงระบบเศรษฐกิจโดยรวม เพิ่มความสามารถการผลิตและสร้างระบบสังคมสวัสดิการ
ดร.ณรงค์ กล่าวว่า จากการดำเนินงานขับเคลื่อนเครือข่ายผู้ใช้แรงงานและคนจนเมืองเพื่อร่วมปฏิรูปประเทศไทย ล่าสุดเครือข่ายแรงงานและคนจนเมือง มีข้อเสนอเบื้องต้นต่อการปฏิรูปประเทศไทย 6 ข้อ คือ 1.เสนอให้สำนักงานกองทุนประกันสังคมต้องมีอิสระไม่ตกอยู่ภายใต้การสั่งการโดยราชการ 2.ให้กองทุนประกันสังคมมีความโปร่งใส 3.ให้ประกันสังคมต้องขยายฐานคุ้มครองครอบคลุมแรงงานนอกระบบและแรงงานต่างด้าว 4.ให้กระทรวงแรงงานปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ โดยลูกจ้างสามารถมีสิทธิออกเสียง 1 คน 1 เสียงในขบวนการแรงงานได้ด้วย 5.ขอให้แรงงานสามารถออกเสียงเลือกตั้งได้ในที่ทำงานของตนเอง และ 6. ขอให้รัฐและนายจ้างเปิดใจกว้างยอมรับอำนาจต่อรองของแรงงาน
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะมีการตั้งคณะคสป.และคปร.ขึ้น ทางเครือข่ายแรงงานได้มีการดำเนินงานมาก่อนหน้า โดยพบข้อเสนออื่นๆ ที่น่าสนใจอีก เช่น การให้สร้างระบบเศรษฐกิจแบบเกื้อกูล, ธนาคารแรงงาน, การปรับให้สำนักงานกองทุนประกันสังคมมีความโปร่งใสในการเปิดเผยข้อมูล รวมถึงให้ขยายฐานคุ้มครองแรงงานต่างด้าวด้วย, ลดความแบ่งแยกแตกต่างของชีวิตแรงงานต่างด้าวในประเทศไทยที่ปัจจุบันถูกกำหนดให้ห้ามออกนอกเขตพื้นที่ที่ได้รับอนุญาต , สนับสนุนขบวนการปราชญ์แรงงาน ในชุมชนที่ต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรม อีกทั้งเสนอให้จัดตั้งธนาคารชุมชน โดยธนาคารชุมชนจะต้องเข้าถึงชุมชนแรงงานในโรงงานขนาดใหญ่ด้วย มุ่งการหนุนสร้างพลังชุมชนให้เกิดการเกื้อกูลกัน ซึ่งประเด็นนี้ ดร.ณรงค์ ได้หารือกับนายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ก็เห็นตรงกัน
ส่วนผลการดำเนินงานร่วมระหว่างคสป.และคปร.นั้น ดร.ณรงค์ กล่าวว่า ล่าสุดคปร.จะมีเวทีร่วมสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องการปฏิรูปประเทศไทยกับเครือข่ายปฏิรูปในวันที่ 26 ก.ย.นี้ ซึ่งรายละเอียดจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
สำหรับหลักการดำเนินงานของเครือข่ายประชาคมเพื่อการปฏิรูป คสป.ซึ่งมีนพ.พลเดช ปิ่นประทีป เป็นประธานนั้น นพ.พลเดช เปิดเผยว่า ธงการปฏิรูปประเทศไทยครั้งนี้ต้องเป็นหน้าต่างของโอกาสในการร่วมสร้างความเปลี่ยนแปลง ต้องสร้างพลังต่างๆ ในการเปลี่ยนแปลงสังคม ซึ่งหัวใจของการปฏิรูปครั้งนี้ต้องปฏิรูปความคิด ปฏิรูปจิตสำนึก ควบคู่กับการปฏิบัติการ และการปฏิรูปกฎหมาย ทั้งนี้เชื่อว่าการปฏิรูปจังหวัดจะนำสู่การปฏิรูปประเทศไทยที่เน้นใช้พื้นที่เป็นฐานในการปฏิรูปให้เกิดขึ้นทั่วประเทศ และต้องสร้างกระแสสังคมในระยะยาวโดยขับเคลื่อนผ่านกลุ่มต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น การใช้สื่อ การทำโพลล์ เป็นต้น
ประธานเครือข่ายประชาคมเพื่อการปฏิรูป คสป. กล่าวอีกว่า สิ่งสำคัญในการปฏิรูปในกระบวนการเครือข่ายประชาคม คือ ต้องทำให้คนไทยทุกคนเกิดสำนึกเกลียดคอรัปชั่น เรื่องนี้ต้องกระแทกให้แตกสลายหมดจากสังคมไทย ดำเนินการควบคู่กับทำให้คนไทยปฏิเสธความรุนแรง สร้างสำนึกการปกครองด้วยตนเอง และสร้างสำนึกเรียกร้องความเป็นธรรมในสังคม
“รูปธรรมในการปฏิรูปประเทศไทย คือ การปฏิรูปจังหวัด ภายใน 3 ปีนี้ต้องผนึกกำลังกันและทำอย่างจริงจัง และต้องมีรูปธรรมการปฏิบัติเป็นชิ้นงานที่ชัดเจน” นพ.พลเดช กล่าว และว่า อาจมีการสนับสนุนตั้งกองทุนสนับสนุนการปฏิรูปในระยะยาว เช่น กองทุนสิ่งแวดล้อม หรืออาจมีการปรับกองทุนเล็กๆ ที่มีอยู่ในขณะนี้สังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งขาดประสิทธิภาพ เช่น กองทุนคนชรา คนพิการ เยาวชน และการค้ามนุษย์ เป็นต้น โดยเป็นการหลอมหลวมกองทุน ไม่ได้เป็นของใหม่ แต่ทำของเก่าให้ดีขึ้น ให้มาอยู่ในรูปแบบกองทุนสสส.ภาคสังคม
ทั้งนี้ในแผนขั้นตอนการทำงาน นพ.พลเดช กล่าวว่า วางกรอบขั้นตอนการทำงานขับเคลื่อนประชาคมในแต่ละจังหวัดเพื่อร่วมขบวนการปฏิรูปประเทศไว้ 3 จังหวะก้าวภายใน 3 ปี โดยปีแรกเป็นขั้น “สนธิกำลังเครือข่าย” การปฏิบัติการปฏิรูปในแต่ละจังหวัด รณรงค์ปรับสร้างจิตสำนึก และจัดกระบวนการระบบการสื่อสารภายในอย่างแข็งแรง ปีที่ 2 “มุ่งเผยแพร่ผลงาน ความสำเร็จและกรณีศึกษา” จากเครือข่ายปฏิบัติการในพื้นที่ให้ออกสู่สังคมเพื่อการเรียนรู้ของสังคมในยวงกว้าง และปีที่ 3 “เตรียมส่งมอบภารกิจต่อสังคม” ทั้งในระดับพื้นที่และระดับชาติเพื่อขับเคลื่อนขบวนปฏิรูปอย่างต่อเนื่อง