แนะคุมกำเนิดกรุงเทพฯ สำเร็จ ต้องจัดโซนนิ่งที่อยู่อาศัย -ปรับผังเมืองใหม่
อาจารย์ศรีศักร หนุนคุมกำเนิด กทม. เห็นต่างหยุดเพียงเรื่องการก่อสร้าง สะพาน ถนน สิ่งอำนวยความสะดวก อาจไม่ช่วยให้กระจายประชากรกลับสู่ถิ่นฐานได้ ต้องหันมาควบคุมจำนวนประชากรในเมือง-ที่อยู่อาศัยด้วย ขณะที่อภิรักษ์ เสนอสร้างกลไกคู่ขนาน สร้างแรงจูงใจในพื้นที่ หยุดการไหล่บ่าของคน ตจว.
จากกรณีนายอานันท์ ปันยารชุน ประธานคณะกรรมการปฏิรูป เสนอให้มีการคุมกำเนิดกรุงเทพมหานคร ลดการสร้างสะพาน ถนน กระจายความสะดวกสบายออกสู่ชนบท เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ การแย่งชิงทรัพยากร สร้างความยุติธรรมให้เกิดขึ้น นั้น
วันนี้ (4 ส.ค.) รศ.ศรีศักร วัลลิโภดม นักมานุษวิทยา ในฐานะกรรมการปฏิรูป ให้สัมภาษณ์กับศูนย์ข้อมูลข่าวสารปฏิรูปประเทศไทย ว่า ขณะนี้กรุงเทพฯ มีความแออัดเต็มไปหมด ซึ่งหากจะมีการคุมกำเนิด ตนเห็นด้วยว่า จำเป็นต้องมีการคุมกำเนิด โดย เฉพาะการเจริญเติบโตทางด้านโครงสร้าง อาทิ การก่อสร้างสะพาน ถนน สิ่งอำนวยความสะดวกต้องยุติ แต่สิ่งที่อยากเสนอเพิ่มเติม คือ ต้องมีการหันมาควบคุมจำนวนประชากรในเมืองกับเรื่องที่อยู่อาศัยด้วย เพราะจะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาอื่นได้ไปด้วย เช่น การจราจร และการหลั่งไหลแรงงานจากชนบทเข้าสู่เมือง
“หากจะจัดการเรื่องคุมกำเนิดกรุงเทพฯ ให้สำเร็จ ต้องมีการพูดคุยให้ดี และ ต้องนำกฎหมายเข้ามาช่วย ในการควบคุมที่อยู่อาศัยอย่างชัดเจน มีการกำหนดโซนนิ่งที่อยู่อาศัยเสียก่อน และปรับผังเมืองใหม่ทั้งหมด หากหยุดเพียงเรื่องการก่อสร้างอาจจะไม่ช่วยให้กระจายประชากรกลับสู่ถิ่นฐาน ได้ เพราะหลายสิ่งที่ยังคงอยู่ที่เดิม เช่น โรงงาน ห้างสรรพสินค้า ฯลฯ ซึ่งสิ่งที่จะทำได้ก่อนในเวลานี้ คือ ต้องไม่ทำให้เมืองมีการเติบโตมากกว่านี้ และต้องไม่ให้เกิดการโตเป็นเมืองเดียว”
รศ.ศรี ศักร กล่าวต่อว่า กรุงเทพฯ ขณะนี้สับสนระหว่าง ที่อยู่อาศัย ที่ทำกิน และกิจกรรมการค้าต่างๆ ที่อยู่รวมกันบริเวณเดียว ทุกคนต้องมาแออัดในบ้านจัดสรร คอนโด ตามนิสัยเดิมของคนไทยที่อยู่ในพื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำและอยู่รวมกัน ไม่สนใจปัจจัยอื่น ดังนั้น ทางเดียวจะช่วยได้ต้องเลิกความคิดแบบเดิม จัดระบบระเบียบที่อยู่อาศัย กระจายสถานที่ราชการ และไม่ต้องอยู่แบบกระจุกตัว
“ขณะนี้ประเทศกำลังเข้าถึงทางตัน กำลังอยู่ในกรุงนรก ไม่ใช่อยู่ในกรุงเทพฯ คน ที่เข้ามา ไม่รู้มาจากไหน และไม่สามารถบูรณาการให้เป็นคนกรุงเทพฯได้ เป็นปัญหาที่กรุงเทพฯ สร้างชุมชนไม่ได้ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเริ่มดูแลที่กรุงเทพฯ ก่อนให้เรียบร้อยแล้วจึงจะขยายสู่จังหวัดต่างๆทั่วประเทศ”
รศ.ศรี ศักร กล่าวด้วยว่า การทำหน้าที่ในฐานะกรรมการปฏิรูป ก็ได้ช่วยมองภาพและร่วมฟื้นฟูสังคมที่เคยมีอดีตที่ร่มรื่นกลับขึ้นมา แต่ไม่จำเป็นที่ต้องหวนคืนกลับไปในอดีต เอาความเป็นมนุษย์กลับมา เพราะขณะนี้คนไม่ได้อยู่ด้วยความเป็นมนุษย์ เริ่มจากตัวอย่างใกล้ๆ และพื้นที่ที่เดือดร้อนที่สุด คือ กรุงเทพฯ จะเป็นเหมือนการสร้างเมืองใหม่อีกครั้ง
ด้าน นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และอดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับแนวคิดการคุมกำเนิดกรุงเทพฯ แต่จะ ต้องเป็นการคุมกำเนิดโครงการก่อสร้างที่ไร้ทิศทาง ส่วนโครงการก่อสร้างขยายสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นเมืองนั้นยังต้องดำเนิน ต่อไปโดยจะต้องจัดระเบียบให้อยู่ในทิศทางเดียวกันไม่ใช่กระจัดกระจายต่างทำ
“นอก เหลือจากการคุมกำเนิดและจัดระเบียบโครงการต่างๆ ในกรุงเทพฯ แล้ว จะต้องดำเนินการควบคู่ไปกับการสร้างและขยายโอกาสดำเนินโครงการพัฒนาเมือง ต่างๆ ทุกจังหวัดทั่วประเทศด้วย เพื่อสร้างแรงจูงใจและความสนใจให้ประชากรเห็นทรัพยากรที่มีอยู่ในแต่ละ พื้นที่ด้วย ลดความอ่อนอัดในเมืองหลวง ทั้งนี้จะต้องดำเนินการสร้างความเข้มแข็งให้ทุกพื้นที่ทั่วประเทศด้วยซึ่ง แนวทางนี้ก็สอดคล้องกับแนวทางการปฏิรูปประเทศ”
ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า นอกจากการจำกัดโครงการพัฒนา หรือการคุมกำเนิดกรุงเทพฯ จะ ต้องสร้างกลไกคู่ขนาน สร้างพื้นที่ทั่วประเทศให้ประชาชนเห็นผลประโยชน์จากพื้นที่ด้วย สร้างแรงจูงใจในพื้นที่ ไม่ให้เกิดการไหล่บ่าของประชาชนจากต่างจังหวัดมารวมตัวในเมือหลวงและแย่งชิง ทรัพยากรกัน ดังนั้นจะต้องมีการเชื่อมโยงทรัพยากรของพื้นที่ควบคู่กันไป