9 ก.ค. เผยโฉม คณะกก. สมัชชาปฏิรูปฯ
ปธ.คณะกก.ปฏิรูปฯ 2 ชุด พร้อมลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงาน 9 ก.ค. หมอประเวศ ยืนยัน ทำงานอิสระ ไม่ขึ้นต่อแผนปรองดอง จากนั้นจะเริ่มประชุมสมัชชาครั้งแรก 14 ก.ค. เพื่อเดินหน้าวางกรอบการทำงานร่วมกัน
นพ.ประเวศ วะสี ในฐานะประธานคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูปประเทศไทย กล่าวถึงความคืบหน้าของการปฏิรูปประเทศไทย ว่า หลังจากได้มีระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีจัดตั้งคณะกรรมการ 2 ชุด ในการดำเนินการปฏิรูปประเทศไทยนั้น คาดว่าจะดำเนินการในการจัดตั้งคณะกรรมการอย่างชัดเจน โดยตนและนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี จะลงนามในคำสั่งแต่งตั้ง ในวันศุกร์ที่ 9 ก.ค. นี้ ซึ่งจะแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ จากนั้นจะมีการประชุมคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูปครั้งแรก ในวันที่ 14 ก.ค. เพื่อวางกรอบการทำงานร่วม โดยคณะกรรมการชุดที่ 1 จำนวนไม่เกิน 25 คน และคณะกรรมการชุดที่ 2 ไม่เกิน 30 คน ซึ่งการแต่งตั้งนั้น ตัวประธานคณะกรรมการจะเป็นผู้แต่งตั้ง เป็นอิสระ ไม่เกี่ยวข้องกับนายกรัฐมนตรีตามแนวทางแผนปรองดองแห่งชาติ
“คณะกรรมการจะมีความหลากหลายจากทุกภาคส่วน หลังจากวิกฤตต้องมีคนกลาง มาเชื่อมโยงเป็นจุดสำคัญ เพื่อให้เกิดความมุ่งหมายเดียวกัน โดยไม่มองด้านลบ ให้คนได้เกิดจิตสำนึกร่วมกัน ว่าบ้านเมืองต้องการเกิดความเป็นธรรม โดยคณะกรรมการสมานฉันท์ จะคอยสนับสนุนทั้งหมด จากฝ่ายวิชาการ สังคม องค์กรต่างๆ ร่วมสังเคราะห์ประเด็นใหญ่ที่สำคัญที่ต้องปฏิรูป โดยไม่เกี่ยวข้องกับทางการเมือง ให้สังคมนำการเมือง”
ศ.นพ.ประเวศ กล่าวถึงชุมชนท้องถิ่นเพื่อการปฏิรูปประเทศไทยว่า ชุมชนท้องถิ่นเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการแก้ปัญหาทุกๆด้าน เพราะเป็นฐานของการพัฒนาประเทศ หากฐานอ่อนแอ ก็จะพัฒนาประเทศไม่ได้ ดังนั้น ต่อไปนี้ จะต้องตั้งรากฐานให้ดี แข็งแรง ซึ่งชุมชนท้องถิ่นมีพลังมาก มีคนดีๆ เก่งๆ มาก 1 หมู่บ้าน จะมีคนเก่งราว 50 คน ประเทศไทยมี 80,000 กว่าหมู่บ้าน เท่ากับมีคนดีและเก่ง มากกว่า 4 ล้านคน ที่จะเป็นผู้นำพัฒนาประเทศไทย ให้เป็นประเทศที่น่าอยู่ที่สุดในโลกได้ ขณะนี้ หน้าต่างแห่งโอกาสการพัฒนาของประเทศไทยได้เปิดขึ้นแล้ว
“หนังสือพิมพ์ทุกฉบับ ควรเป็นศูนย์เปิดรับข้อเสนอจากคนทั้งประเทศด้วย เพื่อให้ได้ข้อเสนอแนะหลากหลาย ก่อนนำมาสังเคราะห์รวมเป็นประเด็นใหญ่ ให้ได้เป็นนโยบายที่ชัดเจน เน้นที่สังคมมีส่วนร่วมมากกว่าการใช้นักการเมือง แม้ไม่อยากทำ เมื่อสังคมทำ ทุกภาคส่วนต้องร่วมจัดการ อีกทั้ง สื่อมวลชนทุกประเภท ต้องช่วยกันเกาะติด ดูแลชุมชนท้องถิ่น ให้เป็นฐานแข็งแรงและพยายามลงไปรับรู้และนำเสนอข่าวสารในชุมชนท้องถิ่นมากขึ้นด้วย”