หมออำพลปลุกภาคสังคมกลไกช่วย "พญานาคสองหัว" ขับเคลื่อนปฏิรูปฯ
พอช.ผนึกพลังองค์กรชุมชนเปลี่ยนแปลงประเทศไทย "ไพบูลย์" เปรียบการปฏิรูปประเทศไม่ใช่วิ่งร้อยเมตร แต่เป็นวิ่งมาราธอน ไม่ง่าย ให้สมบูรณ์ต้องใช้เวลานาน ปล่อยไว้ก็จะเป็นวิกฤตร้ายแรง วอนชุมชนช่วยกันทำทั้งประเทศ
วันนี้ (30 มิ.ย.) สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) จัดการสัมมนาและประชุมในระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบลวิสามัญ ครั้งที่ 1 เรื่อง ผนึกพลังองค์กรชุมชนเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ณ ห้องประชุมสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน ชั้น 1 ถนนนวมินทร์ บางกะปิ กรุงเทพฯ
ปฏิรูปเหมือนร่างกาย สมบูรณ์ได้ต้องใช้เวลานาน
นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม อดีตรองนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “องค์กรชุมชน จะร่วมกันปฏิรูปประเทศไทยได้อย่างไร” ตอนหนึ่ง ถึงการปฏิรูปประเทศไทยไม่ใช่การวิ่งร้อยเมตร แต่เป็นการวิ่งมาราธอน และการทำงานไม่สามารถเสร็จสิ้นได้โดยง่าย เปรียบเสมือนร่างกาย หากจะสมบูรณ์ต้องใช้เวลาในการพัฒนามาก แต่หากปล่อยสะสมปัญหาไว้นานก็จะเกิดเป็นวิกฤตร้ายแรง ดังนั้น ชุมชนต้องมีส่วนร่วมปฏิรูปประเทศไทย ช่วยกันทำทั้งประเทศ ทุกคน ทุกฝ่าย องค์กร สถาบัน และทุกโอกาส
“การปฏิรูปต้องเริ่มจากการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง คิดดี พูดดี ทำดี หากมุ่งที่ปฏิรูปแต่ยังมีเสียงด่าจะไม่ถือเป็นการปฏิรูป ต้องปรับปรุงที่ตนเอง ชุมชน ซึ่งหากต้องการให้ปฏิรูปมีความยั่งยืน ต้องมีกรรมวิธี 3 แนวทางแบบเกื้อกูล คือ 3 กงล้อหลักสู่ความสันติสุข ประกอบด้วย ความดี ความสามารถ ความเป็นสุข ,สามเหลื่อมเขยื้อนภูเขา คือ พลังสังคม พลังปัญญา พลังอำนาจรัฐ , และสุดท้าย 3 เส้าสันติวิธีป้องกันแก้ไขความขัดแย้ง คือ กระบวนการ ทัศนคติ สาระ”
นายไพบูลย์ กล่าวด้วยว่า ในระดับท้องถิ่นขอเพียงทำเท่าที่สามารถทำได้ และให้คิดว่า ปฏิรูปเป็นสิ่งที่ทุกคนจะต้องทำ มีภารกิจร่วมกันในการดูแลชุมชนเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นทุกด้าน ซึ่งมั่นใจว่าการปฏิรูปประเทศไทยไปได้ โดยไม่จำเป็นต้องรอระเบียบสำนักนายกฯที่จัดสรรเวลา 3 ปี
กลไกพญานาคสองหัว ส่วนลำตัวคือภาค สังคม
จากนั้นในเวทีมีการเสวนาเรื่อง “จัดทัพ ผนึกกำลังประชาชน เพื่อการปฏิรูปประเทศไทย” นพ.อำพล จินดาวัฒนะ เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า การปฏิรูปประเทศไทยไม่ใช่ฝากความหวังที่จุดใดจุดหนึ่ง ทุกคนต้องเห็นตรงกัน ตราบให้มีการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีสักกี่คนไม่อาจจะช่วยได้ หากกฎหมายยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง โครงสร้างยังมีความเหลื่อมล้ำ ระบบสร้างองค์กรกดทับไม่ให้ชุมชนมีอำนาจ ซึ่งทางออกที่ดี คือ ต้องแก้การกดทับสิทธิ ที่ถูกลิดรอนอำนาจ
นพ.อำพล กล่าวถึงการจัดตั้งคณะกรรมการปฏิรูปประเทศไทย นำโดยนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี และ คณะกรรมการสมัชชาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย นำโดย นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส นั้น เป็นกลไกพญานาคสองหัว ซึ่งลำตัวคือ สังคม ที่จะสร้างสำนักงานเชื่อมระหว่างทั้งสองหัว ผลักดันเพื่อเกิดการสนับสนุน เชื่อมโยง เปิดเวที สร้างกลุ่ม เสนอความคิดเห็น อย่างที่สภาองค์กรชุมชนตำบลได้จัดตั้งขึ้นนั้น ถือเป็นวาระในการปฏิรูปประเทศไทยทางหนึ่ง
“ส่วนที่ต้องปฏิรูป คือ โครงสร้าง กฎหมาย ที่ลิดรอนสิทธิ แม้องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นไม่ใช่คำตอบสุดท้าย แต่การใช้พื้นที่จัดการตนเองสำคัญที่สุด ไม่เพียงการมีตัวแทน เพราะการปฏิรูปโครงสร้างทำไม่ได้ ถ้าวิธีคิดยังติดอยู่ในอำนาจ การเอารัดเอาเปรียบ และการแก่งแย่ง”
ด้านดร.ลัดดาวัลย์ ตันติวิทยาพิทักษ์ รองประธานสภาพัฒนาการเมือง คนที่ 2 กล่าวว่า รัฐ และราชการต้องให้อำนาจชุมชน ไม่ใช่เพียงรับฟังแต่ต้องพิจารณาวิธีคิด เปลี่ยนการรวมศูนย์อยู่ส่วนกลางให้ทุกพื้นที่จะเจริญเติบโตพร้อมๆกัน ให้อำนาจ งบประมาณ บุคลากร การตัดสินใจแก่ทุกพื้นที่ ไม่เพียงรอให้อยู่ในอำนาจตัดสินเด็ดขาดจากนโยบายส่วนกลางเท่านั้น
“อำนาจแผ่นดินไม่ควรอยู่ในมือนักการเมือง แต่ต้องเป็นของทุกคน และควรเลิกวาทกรรมให้คนจนเป็นผู้เสียสละ เพื่อการรวมศูนย์ ทางกลับกันต้องให้สิทธิอันชอบธรรมให้ทุกคนมีสิทธิพัฒนาท้องถิ่นตนเอง รวมทั้งให้อำนาจการตัดสินใจด้วย”
ปฏิรูปต้องเริ่มที่ระดับล่างขึ้นบน
ส่วนนายจินดา บุญจันทร์ เลขานุการที่ประชุมในระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบล กล่าวว่า การปฏิรูปต้องเริ่มที่ระดับล่างขึ้นบน การเกิดองค์กรสภาประชาชนจะช่วยสร้างความสมานฉันท์ระดับฐานรากในสังคม จากการเรียนรู้ร่วม ไม่ใช่การเอาชนะ ปรับโครงสร้างจากพลังคนฐานล่าง แม้ว่าจะไม่มีอำนาจมาก แต่การประสานความร่วมมือจากหลายฝ่ายและการใช้ประเด็นร่วมกัน จะสามารถยกระดับการพัฒนาการเรียกร้องของชาวบ้านได้ ถือเป็นเวทีระดมความคิดจากทุกส่วนอย่างจริงจัง
ขณะที่นายณัฐวัฒน์ ชั้นอินทร์งาม นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางระกำ อ.บางเลน จ.นครปฐม กล่าวว่า ชุมชนท้องถิ่นมีพลังจะช่วยจัดการปัญหาได้ การให้อิสระในการจัดสรรงบประมาณลงท้องถิ่น จัดการกระบวนการยุติธรรมในชุมชน ตั้งสภาองค์กรชุมชนให้คิดเอง จัดการกันเอง ผนึกกำลังจากหน่วยเล็กที่สุด คือ ท้องถิ่นท้องที่ จะเป็นการแก้ปัญหาดีที่สุด ต้องจับมือกันเดิน ส่วนรัฐบาลควรเป็นแค่กำลังสนับสนุน
ส่วนการปฏิรูปประเทศไทย นายไมตรี จงไกรจักร์ เครือข่ายชุมชนเพื่อการปฏิรูปสังคมและการเมือง กล่าวว่า ต้องทำเรื่องปฏิรูปประเทศไทยใหม่ ช่วยกันฝันร่วมกัน เพราะการนั่งรอจากรัฐใช้เวลานาน การอาศัยขบวนประชาชนจากหลายเครือข่าย เป็นพลังทางสังคมเสนอไปยังรัฐบาล ตั้งโจทย์ร่วมกัน ต้องคิดว่า ทุกคนเป็นเจ้าภาพการปฏิรูป ไม่ได้ทำเพื่อใคร แต่เป็นการปฏิรูปสังคมสาธารณะทั้งหมด เพราะการเรียกร้องโดยการยื่นเรื่องไปยังรัฐบาลนั้นคงไม่เพียงพอ
นายวิเชียร เจษฎากานต์ เครือข่ายชุมชนนักธุรกิจเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า การเปลี่ยนประเทศไทยไม่สามารถเปลี่ยนโดยรัฐบาลหรือจากองค์กรใหญ่เพียงองค์กรเดียว แต่เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องช่วยกัน ประเด็นตัวแทนทางการเมืองที่ประชาชนเลือกอาจไม่ใช่ตัวแทนจริง ไม่เอื้อต่อประโยชน์ในการพัฒนาประเทศและนักการเมืองอาจไม่ทำหน้าที่เพื่อประชาชน ซึ่งหากมีแนวคิดจากเวทีสภาองค์กรชุมชนจะเป็นเรื่องสำคัญช่วยลดปัญหาความขัดแย้ง เกิดความสุขต่อตนเองและคนรอบข้าง
นายสมชาติ ภารสุวรรณ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน กล่าวว่า การปฏิรูปประเทศไทยครั้งนี้จะเป็นการสร้างจินตนาการครั้งใหญ่ของคนในชาติ หัวใจสำคัญที่ หมู่บ้าน และ ชุมชนเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการเรียนรู้ชีวิตจริง ใกล้ชิดวิถีชีวิตชาวบ้าน จะเป็นเรื่องขับขึ้นมาสู่ระดับชาติต่อไป
5 แนวทางการปฏิรูปประเทศไทย เร่งด่วน
ทั้งนี้ ในช่วงบ่าย มีการประชุมในระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบล สมัยวิสามัญ ครั้งที่ 1 และร่วมเสนอแนวทางการปฏิรูปประเทศไทยจากสมาชิกองค์กรชุมชนตำบล จากจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ
นายพรมมา สุวรรณศรี ประธานคณะกรรมการดำเนินการสภาองค์กรชุมชน กล่าวว่า จากการประชุมทั้ง 2 วันขบวนชุมชนมีข้อเสนอเพื่อการปฏิรูปที่สำคัญอยู่ 5 เรื่องเร่งด่วน คือ การกระจายอำนาจหรือคืนอำนาจให้กับชุมชนท้องถิ่นจัดการตนเอง , การแก้ไขกฎหมายและกฎระเบียบต่างๆที่ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตชุมชนท้องถิ่นและคนยากจน ,การเยียวยาและการแก้ปัญหาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า , การแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม ,และการส่งเสริมการเมืองภาคพลเมืองอย่างมีคุณภาพ ซึ่งจะดำเนินการรวบรวมและลงพื้นที่ในการจัดการ 3 เดือนเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนต่อไป
สุดท้าย นายสุรเดช ฉายะเกษตริน รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวปิดประชุม โดยเห็นว่า บทบาทสภาองค์กรชุมชนกับการปฏิรูปประเทศไทย จะเป็นพลังที่สิ่งสำคัญ ประเด็นใหญ่ในวันนี้ คือ การคืนอำนาจ การแก้ไขกฎหมาย และการให้ผู้แทนเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการปฏิรูป นับว่าเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหา ที่สำคัญ คือ การฟังเสียงภาคประชาชน แนวทางแก้ปัญหาควรได้มาจากประชาชนพูดคุยกันเอง ถึงเป็นกระบวนการที่ถูกต้อง และรัฐบาลจะได้ดูแลอย่างตรงจุด เพื่อนำประโยชน์คืนแก่ชาวบ้านโดยตรง