“6 วัน 63 ล้านความคิด” ร่วมปฏิรูปประเทศ แสดงความเห็นผ่าน 3 ช่องทาง
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงโครงการ “6 วัน 63 ล้านความคิด” เชิญชวนคนไทยทั้งประเทศร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเดินหน้าปฏิรูปประเทศไทย ผ่านโทรศัพท์ ตู้ ปณ.9999 และทางเว็บไซด์นายกรัฐมนตรี
วันนี้ (28 มิ.ย.) เวลา 13.00 น. ณ ศูนย์แถลงข่าว ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ร่วมกันแถลงโครงการ “6 วัน 63 ล้านความคิด” เชิญชวนคนไทยทั้งประเทศร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเดินหน้าปฏิรูปประเทศไทย ผ่านโทรศัพท์ ตลอดจน ตู้ ปณ.9999 และทางอินเตอร์เน็ต http://www.pm.go.th/forward ของนายกรัฐมนตรี
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเปิดสายโทรศัพท์รับฟังความคิดเห็นจากประชาชนถือเป็นอีกวิธีการหนึ่งที่เปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นอย่างทั่วถึง หรือเรียกว่า “การบริจาคความคิด เพื่อช่วยกันปฏิรูปประเทศไทย” ซึ่งมาจากกรณีที่นายกรัฐมนตรีประกาศแผนปรองดอง และเดินหน้าในการปฏิรูปประเทศไทยด้วยการอ่านจดหมายเชิญชวนพี่น้องคนไทยทั้งประเทศร่วมกันปฏิรูปประเทศไทย เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2553 และที่ผ่านมาได้มีการประชุมร่วมกันกับองค์กรที่ช่วยกันขับเคลื่อน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มองค์กรบริหารส่วนท้องถิ่น กลุ่มนักธุรกิจเอกชน กลุ่มอาจารย์ นักวิชาการ มหาวิทยาลัย และกลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพสื่อสารมวลชน ตลอดจนมีการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นภาคประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย และการสำรวจความเดือดร้อนและความต้องการของประชาชน ที่เรียกว่า National Survey โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ยังมีประชาชนอีกเป็นจำนวนที่ต้องการแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม รัฐบาลจึงได้เปิดช่องทาง โดยจะดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1-6 กรกฎาคม 2553 เรียกว่า โครงการ “6 วัน 63 ล้านความคิด” ซึ่งจะเปิดรับ 3 ช่องทางโดยช่องทางที่ 1 จะให้มีการแสดงความคิดเห็นผ่านโทรศัพท์หมายเลข 02 304 9999 / 02 304 9999 ซึ่งจะมีการเปิดสายตั้งแต่วันที่ 1-6 กรกฎาคม 2553 (300 คู่สาย) ระหว่างเวลา 08.00 – 20.00 น. (โทรฟรี) ช่องทางที่ 2 ประชาชนสามารถส่งจดหมายเสนอแนะแนวทางปฏิรูปประเทศไทย ทาง ตู้ ปณ.9999 ทำเนียบรัฐบาล เขตดุสิต กรุงเทพฯ 10300 และช่องทางที่ 3 ส่งข้อความผ่านเวปไซด์ http://www.pm.go.th/forward โดยช่องทางที่ 2 และ 3 ไม่จำกัดวัน
จากนั้น นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี กล่าวถึงบุคคลที่จะมารับโทรศัพท์ว่า ระหว่างวันที่ 1-6 กรกฎาคม ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรรัฐบาลว่า จะมีการรับสมัคร “อาสาสมัคร” โดยผู้สนใจสามารถสมัครผ่านเครือข่ายทั้งที่เป็นอาสาสมัครจากกรุงเทพมหานคร เครือข่ายอาสาสมัครที่ได้เคยทำงานในช่วงที่ ศอฉ. ได้มีการเปิดรับเป็น Call Center และสามารถสมัครโดยตรงทั้งทางเวปไซด์และเครือข่าย face book ของนายกรัฐมนตรี หรือเครือข่ายต่าง ๆ ในส่วนของนักเรียน นิสิต นักศึกษาสามารถสมัครผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตของแต่ละสถาบันหรือมหาวิทยาลัย หรือจะยื่นความจำนงโดยตรงมาที่สำนักนายกรัฐมนตรี ส่วนการทำงานนั้น จะแบ่งช่วงเวลารับโทรศัพท์ 3 ช่วง คือ ช่วงแรกตั้งแต่เวลาประมาณ 08.00 – 12.00 น. ช่วงที่สอง ประมาณ 12.00 – 16.00 น. และช่วงที่สาม ประมาณ 16.00 - 20.00 น.
สำหรับการกรอบข้อมูลนั้น จะมีการแบ่งหมวดหมู่ของข้อมูลพื้นฐาน เช่น ชื่อ อายุ เพศ ระดับการศึกษา รายได้เฉลี่ย/เดือน หมายเลขโทรศัพท์ติดต่อกลับ อาชีพ ส่วนข้อเสนอแนะจะมีการแบ่งเป็นหมวดหมู่เช่นเดียวกัน เช่น ในเรื่องของหมวดหมู่ที่เป็นเศรษฐกิจครัวเรือน เรื่องอาชีพ เรื่องปัญหารายได้/หนี้สิน สภาพความเป็นอยู่ของครอบครัว หรือรายจ่ายไม่เพียงพอต่อรายได้ ตลอดจนปัญหาเศรษฐกิจในภาพรวม เช่น ปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตร ผู้ใช้แรงงาน ปัญหาสิ่งแวดล้อม ภัยแล้ง ปัญหาผลกระทบโดยตรงต่อการดำเนินชีวิต ปัญหาระบบสาธารณูปโภค ปัญหาความเหลื่อมล้ำที่เกี่ยวข้องทางการเมือง ปัญหาการได้รับความไม่เท่าเทียมกันในการบริการจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ ปัญหาการทุจริต คอร์รัปชั่น ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม ปัญหาทางการศึกษา และปัญหาอื่น ๆ เป็นต้น โดยอาสาสมัครจะจดบันทึกข้อมูลอย่างละเอียด และจะมีการสรุปข้อมูลเบื้องต้นวันต่อวันใน 2 ช่วง คือช่วงเวลาประมาณ 17.00 น และ เวลา 20.00 น. เช่น จำนวนผู้ที่โทรศัพท์เข้ามา และจะมีการนำข้อความทั้งหมดรวบรวมในคอมพิวเตอร์ แยกเป็นหมวดหมู่
นอกเหนือจากอาสาสมัครที่จะมารับโทรศัพท์แล้ว ยังได้มีการประสานความร่วมมือไปยังสถานีโทรทัศน์ ศิลปิน นักแสดง นักร้องในสังกัดต่าง ๆ ซึ่งจะมีการสับเปลี่ยนกันมารับโทรศัพท์ในแต่ละวัน โดยวันแรก (1 ก.ค.53) นายกรัฐมนตรีจะมาร่วมงานเปิดโครงการฯ และจะร่วมรับโทรศัพท์ด้วยตนเอง นอกจากนี้ จะมีรายการผู้หญิงถึงผู้หญิง ทางช่อง 3 จะมาจัดรายการสดส่วนหนึ่งที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
ทั้งนี้ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเชิญชวนพี่น้องประชาชนคนไทย ไม่ว่าจะอยู่ในประเทศและต่างประเทศ ได้ร่วมกันบริจาคความคิด ช่วยกันปฏิรูปประเทศไทยตามช่องทางดังกล่าวด้วย ส่วนผู้ที่จะมาร่วมแสดงความคิดเห็นด้วยตนเองก็สามารถมาได้ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่วันที่ 1-6 กรกฎาคม นี้
สำหรับข้อมูลที่ได้รับทั้งหมด จะนำไปรวบรวมพร้อมกันกับทั้งที่มาจากเวทีภาคประชาชน และเวทีที่แต่ละองค์กรจัดขึ้น รวมทั้งที่ได้รับจาก National Survey โดยข้อมูลทั้งหมดที่ได้รับฟังจากทุกช่องทางนั้น จะสามารถรวบรวมให้แล้วเสร็จได้ภายในประมาณเดือนกันยายน ส่วนเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน จะเป็นช่วงที่นำความคิดทั้งหมดมาจัดแยกออกจากกัน และเดือนธันวาคม จะสามารถจัดทำเป็นร่างแผนหรือพิมพ์เขียว เพื่อให้นายกรัฐมนตรีได้ประกาศในวันที่ 1 มกราคม 2554