หนุนเต็มที่ปฏิรูปประเทศแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ยากจน ไม่เป็นธรรม
นายกฯ อภิสิทธิ์ ตีปิ๊บชี้แจงผลงานด้านอื่นๆ ท่ามกลางวิกฤตการณ์การชุมนุมทางการเมือง ในส่วนของการปฏิรูปประเทศแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำ ยากจน ไม่เป็นธรรม ย้ำชัด ขณะนี้ภาคของประชาสังคม กำลังดำเนินการรวบรวมประเด็นต่าง ๆ แล้ว พร้อมที่จะเสนอรูปแบบที่จะให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา
วันนี้ (2 พ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” เป็นครั้งที่ 66 ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ณ กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงสถานการณ์บ้านเมืองที่ยังเป็นผลสืบเนื่องมาจากการชุมนุมยืดเยื้ออยู่ที่สี่แยกราชประสงค์ พร้อมระบุถึงแนวทางของการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลว่า การจะแก้ไขปัญหาให้ประสบความสำเร็จได้ รัฐบาลมองว่า การแก้ไขและป้องกันปัญหาจะต้องไม่ให้เกิดการลุกลาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสงบสุข ความปกติสุขของประชาชนต้องมีความยั่งยืนด้วย จากนั้นได้ชี้แจงแนวทางการจัดการกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมนอกพื้นที่ ในลักษณะที่ไปตั้งด่านเถื่อน โดยเฉพาะตามต่างจังหวัด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่อนุสรณ์สถานที่บริเวณดอนเมือง และเหตุการณ์ที่โรงพยาบาลจุฬาฯ
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการปฏิรูปประเทศไทยในแง่ของการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำ ความยากจน ความไม่เป็นธรรมต่าง ๆ ที่มีอยู่ว่า ขณะนี้ภาคของประชาสังคมหรือภาคประชาชน กำลังไปดำเนินการรวบรวมประเด็นต่าง ๆ แล้วก็พร้อมที่จะเสนอรูปแบบที่จะให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา
“ประเด็นนี้ก็เช่นเดียวกัน ผมไม่ได้มีความขัดข้องและก็พร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่ ต้องการที่จะมีรูปธรรมอย่างชัดเจนว่า การแก้ปัญหานี้ไม่ใช่เฉพาะในรัฐบาลนี้ แต่ในชุดต่อ ๆ ไป ก็จะต้องมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองโจทย์ซึ่งเป็นพื้นฐานของสังคม”
จากนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงการทำงานของรัฐบาลด้านอื่นๆ ท่ามกลางวิกฤตการณ์ ปัญหาในทางการชุมนุมทางการเมือง ว่า ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการวางรากฐานในอนาคต คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ คณะรัฐมนตรี ได้มีการอนุมัติในเรื่องของรถไฟ ในเรื่องของกรอบเวลาและเงินทุน โดยเฉพาะในส่วนที่จะเพิ่มความปลอดภัย และความเร็วของรถไฟเป็น 2 เท่า เส้นทางใหม่ที่จะเป็นรถไฟรางคู่เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน และแนวทางในการที่จะทำรถไฟความเร็วสูงได้รับการอนุมัติไปหมดแล้ว
ขณะที่ในส่วนของงบประมาณปี 2554 ก็ได้มีการอนุมัติเช่นเดียวกัน เป็นงบประมาณที่เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 20 รวมทั้งสิ้น 2,070,000 ล้านบาท เป็นงบประมาณซึ่งขาดดุลอยู่ประมาณ 400,000 ล้านบาท หรือประมาณร้อยละ 4 ของจีดีพี นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การขาดดุลตรงนี้ จะไม่มีการดำเนินการกู้เงินในส่วนของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ไทยเข้มแข็งอีก 400,000 ล้านบาทหลัง เพราะเศรษฐกิจฟื้นตัว ทำให้มีรายได้เข้ามามากขึ้น จากเดิมวางไว้ว่าจะต้องใช้พ.ร.บ.กู้เงินเข้ามานั้น ขณะนี้รัฐบาลจะเข้ามาทำในระบบงบประมาณ และการกู้เงินตามปกติที่ไม่ต้องมีอำนาจพิเศษ
“งบประมาณในครั้งนี้ก็จะมีทั้งการลงทุนที่เป็นแผนที่เกี่ยวข้องกับไทยเข้มแข็ง ทั้งในเรื่องแหล่งน้ำ โรงเรียน โรงพยาบาล ถนน และเป็นงบประมาณที่จัดไว้มากที่สุดในสัดส่วนที่เกี่ยวข้องกับสวัสดิการของประชาชน เพื่อดูแลให้ประชาชนมีความมั่นคง แก้ไขปัญหาพื้นฐานในเรื่องของความยากจน และความเป็นธรรม ส่วนนี้เป็นงานที่มีความคืบหน้า โดยคาดว่าจะเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรได้ในวันที่ 11 พฤษภาคมนี้ และตามกระบวนการงบประมาณก็จะไปเสร็จสิ้นประมาณเดือนกันยายน”
ส่วนปัญหาอื่น ๆ เช่นปัญหาราคาข้าว ปัญหาภัยแล้ง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มีการติดตามอย่างใกล้ชิด และขณะนี้คาดว่าจะได้คำตอบหรือมีการคลี่คลายสถานการณ์ที่เป็นปัญหาก่อนหน้านี้ได้เป็นอย่างดี เพราะว่าได้มีการปรึกษาหารือกับหลายฝ่าย และกำลังจะมีมาตรการที่จะทำให้พี่น้องประชาชนรู้สึกอุ่นใจได้กับปัญหาที่เกิดขึ้นในเรื่องของราคาข้าวตกต่ำ และผลกระทบที่เกิดขึ้นจากภัยแล้ง
“สุดท้าย สำหรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากเหตุการณ์การชุมนุม ครม.ได้มีการอนุมัติหลักการในการที่จะช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเสียหายต่าง ๆ แล้ว มาตรการนั้นจะประกอบไปด้วย 3 ส่วน ส่วนแรกที่มีความจำเป็นเร่งด่วนมาก คือ มาตรการที่เกี่ยวข้องกับสภาพคล่อง ส่วนที่สอง ช่วยเหลือบรรดาพนักงานหรือลูกจ้าง สืบเนื่องมาจากการปิดกิจการหรือปัญหาที่ได้รับผลกระทบ และส่วนที่สาม ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะรายย่อย จะไปช่วยเหลือดูแลในเรื่องของค่าเช่า ค่าเช่าของบรรดาผู้ค้าขาย ไม่ว่าจะอยู่ในห้างใหญ่ หรือบริเวณทางเท้า และต้องเสียค่าใช้จ่ายให้กับกรุงเทพมหานคร เป็นต้น