รัฐบาลเล็งปฎิรูประบบราชการ โอนงานบริการให้เอกชนทำแทน
นายกฯ เผยรัฐบาลกำลังดำเนินการปฏิรูประบบราชการอีกครั้ง โอนงานให้บริการประชาชนไปยังหน่วยงานภายนอกหรือภาคเอกชนเข้ามาทำแทน เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ระบบราชการมีความกระชับขึ้น
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” ครั้งที่ 64 ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย วันนี้ (4 เม.ย.) ว่า รัฐบาลกำลังจะมีการดำเนินการปฏิรูประบบราชการอีกครั้งหนึ่งในการที่จะโอนงานอีกหลายส่วนที่ส่วนราชการทำอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องของงานให้บริการประชาชนโอนไปยังหน่วยงานภายนอกหรือภาคเอกชน เข้ามาจัดทำแทนเพื่อให้เกิดความรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ รวมทั้งให้ราชการมีความกระชับมากขึ้นประชาชนก็ได้รับบริการที่ดีขึ้น ส่วนกำลังคนที่ทำงานทางด้านนี้จะโอนไปทำงานหลักของราชการจริง ๆ คาดว่า ต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งกว่าที่งานเหล่านี้จะเห็นผลออกมา
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประชุมของกลุ่มประเทศในลุ่มแม่น้ำโขงตอนล่าง ซึ่งมีการประชุมระดับผู้นำครั้งแรก มีนายกรัฐมนตรีของลาว เวียดนาม และกัมพูชามาร่วมประชุม และมีการเชิญประเทศคู่เจรจาคือพม่ากับจีนด้วยนั้น ขณะนี้เป็นสัญญาณที่ดีทางจีนส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับระดับน้ำในประเทศจีนสองจุด ทำให้เราสามารถที่จะบริหารจัดการในเรื่องปัญหาภัยแล้ง หรือปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในลุ่มแม่น้ำโขงได้
“วันนี้และวันพรุ่งนี้คงจะได้มีการหารือในการร่วมกันบริหารจัดการแม่น้ำโขง ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากภัยแล้ง น้ำท่วม ซึ่งไม่ว่าจะมีส่วนของการก่อสร้างเขื่อนในประเทศจีนเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่อย่างไร อย่างน้อยที่สุดเมื่อปัญหาเกิดขึ้นแล้วก็จะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อสามารถที่ร่วมกันแก้ไขปัญหาและบริหารจัดการได้” นายอภิสิทธิ์ กล่าว และว่า การประชุมครั้งนี้ก็จะเป็นประโยชน์อย่างมาก เพราะมีบรรดาหุ้นส่วนการพัฒนาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นธนาคารพัฒนาแห่งเอเชีย ประเทศญี่ปุ่น ยุโรป เข้ามามีส่วนร่วมในการประชุมเพื่อที่จะพัฒนาความเป็นอยู่ของประเทศในลุ่มแม่น้ำโขงตอนล่างให้เป็นไปด้วยดี ในลักษณะของการพัฒนาที่ยั่งยืน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และสามารถที่จะช่วยให้ความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนตลอดลุ่มน้ำนั้น มีการพัฒนาหลุดพ้นจากความยากจนได้
ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงปัญหาภายในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาภัยแล้ง ปัญหาราคาพืชผล โดยเฉพาะการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ รัฐบาลได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว มีความคืบหน้าเป็นที่น่าพอใจ และให้กระทรวงการคลังคิดถึงมาตรการในรอบสองที่เกี่ยวข้องกับหนี้นอกระบบ คาดว่า จะสามารถแก้ไขปัญหาได้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น
“วันที่ 7 เม.ย. นี้ ก็จะมีการนำเสนอแผนของการปรับหนี้ของเกษตรกรเข้าสู่การประชุมของคณะรัฐมนตรี โดยได้ตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจขึ้นมาชุดหนึ่ง มีพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯ เป็นประธาน ให้ทำข้อเสนอการปรับโครงสร้างหนี้ให้กับเกษตรกร ไม่ว่าจะเป็นเกษตรกรที่เป็นสมาชิกของกองทุนฟื้นฟู ไม่ได้เป็นสมาชิก เป็นลูกหนี้ ธ.ก.ส. หรือสถาบันการเงินอื่น ขณะนี้ได้ทำแผนมาแล้วพร้อมเสนอครม. จะเป็นแผนของการแก้ไขปัญหาหนี้ให้กับพี่น้องประชาชนมากกว่า 500,000 ราย นอกจากนั้นยังมีเรื่องของภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งทางกระทรวงการคลังได้ทำแล้วพร้อมที่จะเข้าสู่การประชุม ครม.เช่นเดียวกัน”
ส่วนการประชุมเพื่อติดตามการแก้ไขปัญหามาบตาพุด เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีความชัดเจนครบถ้วน และการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ นั้นเป็นไปตามขั้นตอนที่ได้มีการกำหนดไว้ตามเจตนารมณ์ของการระดมทุกภาคส่วน คือทั้งสี่ฝ่ายมาแก้ไขปัญหา และหน่วยงานต่าง ๆ ขณะนี้ก็ขยันขันแข็ง ในการที่จะคลี่คลายปมปัญหาสำหรับผู้ลงทุนต่อไป ซึ่งขณะนี้ก็มีสัญญาณว่าการลงทุนจากภาคเอกชนเริ่มที่จะกลับเข้ามา ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องช่วยกันทำให้สถานการณ์ทางด้านการเมืองมีความสงบ กลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด