5 บริษัทยักษ์ใหญ่เปิดตัวกลุ่ม “เพื่อนชุมชน” ต้นแบบรง.เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
“ปตท.-ปูนซีเมนต์ไทย -บีแอลซีพี เพาเวอร์-กลุ่มบริษัทโกลว์-ดาว เคมิคอล” จับมือตั้งกลุ่ม “เพื่อนชุมชน” พัฒนาต้นแบบโรงงานเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เร่งสร้างความไว้ใจในชุมชน หวัง “ระยอง” กลายเป็นจังหวัดที่น่าอยู่ที่สุดในประเทศ
วันนี้ (23 มิ.ย.) บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) ,บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) , บริษัท บีแอลซีพี เพาเวอร์ จำกัด , กลุ่มบริษัทโกลว์ และ บริษัท ดาว เคมิคอล ประเทศไทย จำกัด ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ประกอบการโครงการในเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ร่วมกันเปิดตัวกลุ่ม “เพื่อนชุมชน” เพื่อพัฒนาต้นแบบโรงงานเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ให้ดีกว่าการควบคุมโดยการใช้กฎหมาย พร้อมทั้งสร้างการตรวจสอบดูแลกันเอง และช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตชุมชนทั้งด้านสุขภาพและการศึกษา เพื่ออุตสาหกรรมและชุมชนอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์มาบตาพุด จนส่งผลต่อเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมในประเทศ แม้ว่าทางรัฐบาลและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องพยายามจะช่วยแก้ปัญหา แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ และเกิดการฟ้องร้องเกิดขึ้น ภาคเอกชนจึงพยายามสร้างแนวคิดใหม่เพื่อช่วยเหลือชุมชน คือ การทำธุรกิจที่ช่วยเหลือสังคม
“ความไม่มั่นใจที่เกิดขึ้น ทำให้ชุมชนขาดความเชื่อมั่นในการอยู่ร่วมกัน ทาง 5 กลุ่มบริษัทที่มีอุตสาหกรรมอยู่มากในระยอง จึงร่วมมือทำสิ่งดีๆ ทั้งเรื่องมาตรฐาน กฎเกณฑ์ต่างๆ ที่จะต้องสามารถทำได้ดีมากกว่าการใช้กฎหมายบังคับ ในเรื่องอาชีวะอนามัย คุณภาพชีวิตของชุมชน โดยต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ เช่นเดียวกับที่หลายบริษัทที่เกิดขึ้นทั่วโลก ตัวอย่างเช่น ญี่ปุ่น เยอรมนี สหรัฐอเมริกา ซึ่งอุตสาหกรรมสามารถอยู่ร่วมกับชุมชนได้”
นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า องค์กรใหญ่ต้องมาเป็นแบบอย่างให้บริษัทเล็ก เพื่อการต่อยอดขยายไปทั่วทุกบริษัท และให้ชุมชนที่อยู่ใกล้รู้สึกว่า บริษัทอุตสาหกรรมเป็นเพื่อนกับชุมชนได้ เป็นส่วนหนึ่งของสังคม เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนในชุมชน แต่ไม่ส่งผลกระทบหรือสร้างปัญหาใดๆ จนในที่สุดเกิดเป็นความไว้ใจและจังหวัดระยองกลายเป็นจังหวัดที่น่าอยู่ที่สุดในประเทศ
“ตอนนี้มี 5 บริษัทที่เข้าร่วม แต่จริงๆแล้วแฝงอยู่ในกลุ่มบริษัททั้ง 5 อีกเป็นจำนวนมาก อย่าง ปตท. มี อีก12 บริษัท ซึ่งยังแยกส่วนการทำงานกัน จึงเป็นเรื่องที่ดีหากดึงมาทำงานร่วมกัน เอาความคิดที่หลากหลายมาทำให้เกิดประโยชน์ เกิดเป็นศักยภาพ ความเชื่อมั่นต่อชุมชน เมื่อบริษัทและชุมชนต่างๆ ร่วมกันคนละไม้คนละมือ ใส่ใจสิ่งแวดล้อมให้ปลอดภัย ต่อไปก็จะกลายเป็นเมืองสีเขียว สังคมก็จะเติบโตอย่างยั่งยืนและเข้มแข็ง”
ด้านนายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย กล่าวว่า เรื่องความไม่เชื่อใจกับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมมีอยู่มาก แต่ความจริงภาคชุมชนและอุตสาหกรรมสามารถทำงานด้วยกันได้ ในเบื้องต้น วางกรอบไว้ 3 เป้าหมาย คือ 1.ปฏิบัติการ โดยการยกระดับคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทั้งเรื่อง สารระเหย และกลิ่น ให้มีการจัดการที่เหมาะสม ไม่เกิดผลกระทบ 2.การดูแลชุมชน เรื่องของการศึกษาและสุขภาพ อาทิ การออกค่ายให้ชุมชน , ทำการเก็บข้อมูลอย่างจริงจัง เพื่อเปรียบเทียบสำหรับอนาคต และ สร้างโรงเรียนในฝัน ให้ครูดีๆเข้าไปสอนในชุมชน 3.การสื่อสาร จัดองค์กรที่ชัดเจน มาตรการฉุกเฉินต่างๆ ให้ชุมชนได้รับรู้รวดเร็ว เพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับชุมชน เพื่อช่วยสร้างให้เกิดการไว้ใจในชุมชนต่อภาคอุตสาหกรรม
ส่วนนายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการบริษัท บีแอลซีพี เพาเวอร์ กล่าวว่า การพัฒนาอุตสาหกรรมต้องควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมทางด้านสิ่งแวดล้อม และทำอย่างไรให้สังคมน่าอยู่และยั่งยืน ซึ่งหากใช้ความรู้ วิชาการ ประสบการณ์มาแลกเปลี่ยนกันแบบเพื่อนช่วยเพื่อน ทุกบริษัทจะดำเนินไปได้ รวมไปถึงต้องมองไปข้างหน้าว่าอีก 25-30 ปี จะเป็นสิ่งเหล่านี้จะเป็นสิ่งที่ดีและแข่งขันได้ เกิดการยอมรับจากชุมชน อย่างในประเทศที่พัฒนาแล้ว
“ทุกวันนี้ประเทศไทยต้องการสามัคคี ในวันนี้เป็น 5 กลุ่มบริษัทแรก ที่แสดงความอันหนึ่งอันเดียวกัน ที่ช่วยกันออกแผนงาน และร่วมกันทำ แต่ในระยะยาวต้องสร้างให้เห็นการพัฒนาที่ดีในมาบตาพุด เกิดความจริงใจ คุณภาพชีวิตดีขึ้น ซึ่งหวังว่าการรวมตัวครั้งนี้จะขยายผลไปทุกภาคส่วนในประเทศไทย ทั้งภาครัฐและเอกชนต่อไป ”
สำหรับ กลุ่มบริษัทจากต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย นายเอซ่า เฮสคาเน่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทโกลว์ กล่าวว่า การอยู่ร่วมกันในสังคม นอกจากต้องมีการสื่อสารที่ดี สิ่งหนึ่งที่สำคัญ คือ ต้องสร้างศูนย์ข้อมูลข่าวสารเพื่อนชุมชน เพื่อช่วยให้ความรู้ รับมือกับเหตุฉุกเฉินที่เกิดขึ้น จะช่วยให้ประชาชนสามารถรับมือ และปลอดภัยจากอันตราย เพื่อความสะดวกรวดเร็ว
ดร.มอลลี่ เพยฟาง ชาง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดาว เคมิคอล ประเทศไทย จำกัด และบริษัทร่วมทุนระหว่าง กล่าวว่า กลุ่มบริษัทที่มาทำงานในประเทศไทย คำนึงถึงการทำอุตสาหกรรมที่ช่วยลดพลังงาน ลดของเสีย เพื่อเป้าหมายในการช่วยเกิดผลดีแก่ชุมชนรอบข้าง ตามมาตรฐานที่ปฏิบัติมาทั่วโลก ซึ่งการร่วมงานกับกลุ่ม “เพื่อนชุมชน” นั้น ยินดีมากที่จะนำความรู้มาแบ่งปันกับชุมชนที่อยู่รอบข้างนิคมอุตสาหกรรมในเขตประเทศไทยให้อยู่ร่วมกันได้อย่างปลอดภัยและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น